Threads มาแรง ผู้ใช้งานถึง 100 ล้านบัญชีใน 4 วัน

Threads มาแรง ผู้ใช้งานถึง 100 ล้านบัญชีใน 4 วัน

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัท Meta ยักษ์ใหญ่สื่อสังคมออนไลน์ของ Mark Zuckerberg ได้มีการเปิดตัวสื่อสังคมออนไลน์แพลตฟอร์มใหม่ที่มีชื่อว่า “Threads” มาเป็นคู่แข่งของ Twitter ซึ่งกระแสตอบรับก็ดีมากเลยทีเดียว และมันก็ได้กลายเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มียอดผู้ใช้งานพุ่งถึง 100 ล้านบัญชีได้เร็วที่สุดใช้เวลาเพียงแค่ 4 วันเท่านั้น โดยสามารถทำลายสถิติเดิมของ Chatgpt ไปได้

และถึงแม้ว่าตอนนี้ Threads จะยังมีหน้าฟีดที่ยังไม่เสถียรมากนักแต่ทาง Adam Mosseri ก็บอกว่าจะมีการปรับปรุงเวอร์ชันในอนาคตโดยจะปรับการแสดงผลให้แสดงผลเฉพาะผู้ที่ผู้ใช้งานกำลังติดตามอยู่เท่านั้น นอกจากนี้ยังจะมีการเพิ่มฟีเจอร์อื่นๆ เข้ามาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขโพสต์ การแปลภาษา การสลับบัญชี แต่ก็ยังไม่ได้มีการพูดถึงฟีเจอร์การส่งข้อความ

ความร้อนแรงของ Threads ได้ดึงดูดผู้ใช้งานจาก Twitter เข้ามาใช้งานด้วยหลังจากที่แพลตฟอร์มนกสีฟ้านั้นเริ่มมีการตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อผู้ใช้งาน แถมข้อจำกัดของ Threads ในการเขียนโพสต์ยังดีกว่า Twitter อีกด้วย ความเหมือนกันของทั้ง 2 แพลตฟอร์มนี้ทำให้เกิดการแข่งขันกันอยู่ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว แต่ความคล้ายกันก็ได้นำไปสู่ประเด็นการละเมิดสินทรัพย์ทางปัญญา

Twitter ฟ้อง Threads ละเมิดสินทรัพย์ทางปัญญา

ภาพ Pixabay/raphaelsilva

ได้มีการรายงานข่าวจากสำนักข่าว Semafor ว่าทวิตเตอร์ได้มีการส่งจดหมายขู่ฟ้องไปยัง Mark Zuckerberg ว่าด้วยเรื่องบริษัท Meta มีการละเมิดสินทรัพย์ทางปัญญาของ Twitter

ซึ่งทางทนายความของทาง Twitter ได้กล่าวไว้ว่า “บริษัทนั้นมีความกังวลมากว่าทางบริษัท Meta ได้มีการนำข้อมูลความลับทางการค้าของ Twitter รวมไปถึงสินทรัพย์ทางปัญญาอื่น ๆ โดยเจตนาและมิชอบด้วยกฎหมาย” นอกจากการส่งจดหมายฟ้องแล้วยังได้มีการอ้างอีกด้วยว่าทาง Meta ได้มีการจ้างอดีตพนักงานของทาง Twitter ไปช่วยในการพัฒนาแอปก่อนที่จะเปิดตัว “Threads” เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น

ภาพ wallpapers.com/MarkZuckerberg, Wallpaperaccess/Elonmusk

เรียกได้ว่าประเด็นความร้อนระอุระหว่าง Mark Zuckerberg กับ Elon Musk ไม่จบอยู่เพียงเท่านี้แน่นอนและจะทวีความร้อนแรงขึ้นไปอีกหรือไม่ก็ยังไม่รู้ นับตั้งแต่ได้มีการท้ากันขึ้นสังเวียนชก ทั้งคู่ก็มีประเด็นให้จับตามองกันอยู่อย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว สุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร ทั้งคู่จะจบลงด้วยดีหรือไม่ก็คงต้องติดตามต่อไป

ข้อมูลจาก PPTV36

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

อีลอน มัสก์เตรียมลงจาก CEO ของ Twitter

อีลอน มัสก์เตรียมลงจาก CEO ของ Twitter

อีลอน มัสก์เข้าซื้อทวิตเตอร์ตั้งแต่ในช่วงเดือนตุลาคมปีพุทธศักราช 2565 ซึ่งเขาก็ดำรงตำแหน่ง CEO นับตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน ขณะที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่นั้นเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงหลายอย่างบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ บางอย่างก็ถูกใจผู้ใช้งานแต่บางอย่างก็ได้รับคำติ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าของบริษัท Tesla และ Space X ประสบการณ์ของเขาก็ยังคงไม่มากพอที่จะเข้ามาดูแลสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Twitter สุดท้ายแล้วอีลอน มัสก์ก็มีแผนที่จะลงจากตำแหน่ง

ภาพ Pexels/greenwish _

อีลอน มัสก์ได้มีการประกาศแผนของตนเกี่ยวกับ CEO คนใหม่ของ Twitter บนบัญชี Twitter ส่วนตัวแต่เขาก็ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าใครจะเป็น CEO คนใหม่ ซึ่งในข้อความของอีลอน มัสก์ใช้คำว่า “หล่อนจะเข้ามาทำงานในอีก 6 สัปดาห์” การที่ใช้สรรพนามที่ใช้แทนฝ่ายหญิงทำให้มีความเป็นไปได้ว่า CEO คนใหม่ของเจ้านกสีฟ้าอาจจะเป็นเพศหญิงก็เป็นได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป ส่วนตัวของอีลอน มัสก์จะเรื่องไปทำตำแหน่ง Executive chair และ CTO เพื่อคอยดูแลผลิตภัณฑ์และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ

ถึงแม้ว่าอีลอน มัสก์จะยังไม่เปิดเผยว่าเธอคนนั้นเป็นใครแต่ก็มีรายงานจาก Dylan Byers นักข่าวในสำนักข่าว Puck News ว่าคนที่จะมารับตำแหน่งคือ Linda Yaccarino ซึ่งปัจจุบันเธอทำงานให้กับ NBC ตำแหน่ง Universal advertising executive ซึ่งการรายงานนี้ก็ดันไปตรงกับ Wall Street journal ด้วยเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา Linda Yaccarino ได้มีประกาศการเป็น partnership สำหรับงานโอลิมปิกที่ปารีสในปี 2567 ที่จะถึงนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้สูงมากเลยทีเดียวที่เธอจะกลายเป็น CEO คนใหม่ของ Twitter

การที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ในหลายบริษัทของเขาไม่ว่าจะเป็น Tesla, Space-x, Neuralink และอื่นๆ คงทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าตัวของอีลอน มัสก์จะสามารถบริหารงานได้เต็มที่หรือไม่เพราะเขาจะต้องโฟกัสทุกๆ บริษัทให้สามารถเติบโตไปข้างหน้าได้ ซึ่งเราก็เห็นแล้วว่าปีที่ผ่านมาผลประกอบการของบริษัทก็ไม่ได้ดีมากพอสมควรบริษัททวิตเตอร์หุ้นตกจากจุดสูงสุด 314 เหรียญต่อหุ้นเหลือเพียงแค่ 101 เหรียญต่อหุ้นเพียงเท่านั้น บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ก็เจอกับช่วงที่มาจิ้นต่ำในสงครามรถยนต์ EV ที่สำคัญราคาของรถหลายๆ รุ่นก็ถูกลง

ภาพ Pexels/Brett Jordan

ก็ต้องคอยติดตามดูว่าหลังจากนี้อีลอน มัสก์จะทำยังไงกับบริษัทที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ เพื่อให้บริษัทสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และที่น่าติดตามก็คือ CEO คนใหม่ที่จะเข้ามาดูแล Twitter จะเปลี่ยนแปลงเจ้านกตัวสีฟ้านี้ไปในทิศทางไหนกันแน่

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

Twitter Blue ฟีเจอร์ใหม่อัปโหลดคลิป 2 ชั่วโมง

Twitter Blue ฟีเจอร์ใหม่อัปโหลดคลิป 2 ชั่วโมง

เรียกได้ว่าเตรียมดูหนังกันบน Twitter ได้ เพราะว่าอีลอน มัสก์ได้มีการเปิดเผยฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้งาน Twitter Blue โดยเจ้าตัวประกาศออกมาว่าสามารถอัปโหลดคลิปวิดีโอที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงได้แต่ต้องมีความจุไม่เกิน 8 GB ส่วนความชัดนั้นจะอยู่ที่ 1080p

ด้วยคลิปวิดีโอที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงนั้นสามารถทำผ่านแค่ระบบปฏิบัติการ iOS และเว็บไซต์เท่านั้นสำหรับคนที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Android ยังคงจำกัดตวามยาวคลิปวีดีโออยู่ที่ 10 นาทีเพียงเท่านั้น ซึ่งก็ยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาว่าจะมีการอัปเดตให้ระบบ Android เมื่อใด สำหรับคนที่ใช้ Twitter ทั่วไปสามารถลงคลิปที่มีความยาวได้เพียง 2 นาที 20 วินาทีเพียงเท่านั้น

ภาพ Pexels/Sanket Mishra

การอัปโหลดคลิปยาว 2 ชั่วโมงจะมีข้อดีอะไรบ้าง

การอัปโหลดคลิปวิดีโอที่มีความยาว 2 ชั่วโมงนั้นเท่ากับการดูภาพยนตร์ 1 เรื่องในโรงภาพยนตร์ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง อยู่บน Twitter Blue ซึ่งคงถูกใจคอภาพยนตร์อยู่ไม่น้อย นอกจากนี้อาจจะทำให้ Twitter Blue เป็นจุดดึงดูดใหม่ของทวิตเตอร์ให้กับเหล่าอินฟูลเอนเซอร์โดยเฉพาะกับสายทำคลิปวีดีโอ ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับ การทำอาหาร, การสอนบทเรียนต่าง ๆ , การถ่าย Vlog ท่องเที่ยว เป็นต้น แต่ในส่วนของอินฟูลเอนเซอร์ก็คงต้องมีรายได้มารองรับให้กับพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน

ในด้านของธุรกิจฟีเจอร์นี้อาจจะกลายเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้ มีธุรกิจอยู่ไม่น้อยที่ใช้ Twitter ในการกระจายข่าวสารหรือข้อมูลต่างๆ ให้กับผู้ติดตาม การที่อัพโหลดคลิปที่มีความยาวได้มากกว่า 10 นาทีจนถึง 2 ชั่วโมงอาจจะเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางในการสื่อสารมากขึ้น นอกจาก Facebook และ YouTube

ภาพ Pexels/freestocks.org

เมื่อรวมกับฟีเจอร์อื่น ๆ ที่จะถูกเพิ่มเข้ามาใน Twitter Blue ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ตัวอักษรได้ถึง 10,000 ตัวอักษร สามารถแก้ไขข้อความในทวิตที่ถูกโพสต์ไปได้ จะทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่มีจุดเด่นในด้านการเขียนบทความประกอบคลิปวีดีโอขึ้นมาเลยทีเดียวซึ่งมันจะสอดคล้องกับแนวทางของอีลอน มัสก์ ที่ต้องการให้ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์ม Free Speech แต่จากข่าวที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมว่าตัวของเขาจะมีการลงจากตำแหน่ง CEO ของ Twitter และให้คนอื่นขึ้นมาแทนที่ ทำให้เรายังคงต้องติดตามก้าวต่อไปของ Twitter ว่าจะเดินไปในทิศทางไหน

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เลบรอน เจมส์ไม่ใช้ Twitter Blue แต่อีลอน มัสก์จัดให้

เลบรอน เจมส์ไม่ใช้ Twitter Blue แต่อีลอน มัสก์จัดให้

ตั้งแต่อีลอน มัสก์เข้ามาซื้อทวิตเตอร์ เขาก็ได้มีการปรับเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างบนแพลตฟอร์มไปจากเดิม ซึ่งบางครั้งมันก็เกิดประโยชน์กับผู้ใช้งาน แต่บางอย่างมันก็ไม่จำเป็น แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า ล่าสุดก็ได้มีประเด็นขึ้นมาอีกครั้งเกี่ยวกับเครื่องหมายติ๊กถูกหรือเครื่องหมาย verified ใน Twitter โดยเขาได้เอาเครื่องหมายที่เป็น Legacy Verification ของคนดังหลายคนในทวิตเตอร์ออก ซึ่งส่วนใหญ่เครื่องหมายนี้จะติดอยู่กับโปรไฟล์ของเหล่าอินฟูลเอนเซอร์หรือคนดังทั่วโลก สาเหตุหนึ่งก็อาจจะเป็นเหตุผลมาจากการทำ Twitter Blue นั่นเอง

ภาพ Twitter

Twitter Blue เป็นฟีเจอร์ที่จะยืนยันตัวตนให้กับผู้ใช้งานโดยจะมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าอยู่บริเวณด้านข้างโปรไฟล์ของผู้ใช้งาน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานได้รับสิทธิพิเศษตัวอย่างเช่น เมื่อมีการค้นหาบัญชีก็จะขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ , สามารถทวิตด้วยตัวอักษรเอียงและตัวหนาได้ หรือแม้กระทั่ง การอัปโหลดวิดีโอที่สามารถอัปโหลดได้สูงสุดด้วยความคมชัด 1080p โดยค่าบริการจะอยู่ที่ 2,900 บาทต่อปีหรือประมาณ 275 บาทต่อเดือน หลังจากที่มีฟีเจอร์นี้ออกมาหลายคนก็ใช้บริการแต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ใช้ หนึ่งในนั้นก็คือสุดยอดนักบาสในลีก NBA อย่างเลบรอน เจมส์

ภาพ Wallpapercave

เลบรอน เจมส์เป็นคนหนึ่งที่ไม่ใช้บริการ Twitter Blue ซึ่งจะทำให้บัญชีของเขานั้นไม่มีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้านั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยืนยันโดย Media Advisor ของนักบาสรายนี้ แต่ถ้าหากเข้าไปดูในบัญชีของเลบรอน เจมส์ในตอนนี้ทุกคนก็จะเห็นว่าหน้าโปรไฟล์ของเขามีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าอยู่ แสดงว่าตัวของเขาก็ใช้ Twitter Blue แต่คำถามคือใครเป็นคนชำระเงินค่าบริการให้เขาแน่นอนที่สุดว่าคำตอบก็คงจะหนีไม่พ้นอีลอน มัสก์โดยตัวเขาออกมายอมรับเองด้วยว่า ข่าวนั้นได้มีการจ่ายเงินค่าใช้บริการให้กับบัญชี Twitter หลายคนหนึ่งในนั้นก็คือเลบรอน เจมส์ นอกจากนี้ก็ยังมี สตีเฟน คิงก์ และ วิลเลี่ยมส์ ชาร์ตเนอร์

ส่วนนักบาสอย่างสตีเฟ่น เคอรี่และนักบาสบางราย ที่มีเครื่องหมายติ๊กถูกจาก Legacy Verification ก็ได้ถูกนำเครื่องหมายออกไปเป็นที่เรียบร้อย

การกระทำในครั้งนี้ของอีลอน มัสก์เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาใช้ความมีอำนาจในตำแหน่ง CEO ในการทำบางสิ่งโดยพลการอีกครั้งแล้วมันก็คงจะเป็นที่ถูกพูดถึงอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเดือนที่ผ่านมาเขาได้มีการเปลี่ยนโลโก้จากรูปนกให้กลายเป็นรูปหมาชิบะซึ่งเป็นโลโก้ที่อยู่ในเหรียญ Dogecoin ทำให้ตอนนั้นราคาเหรียญพุ่งขึ้นและสามารถสร้างกำไรให้กับคนที่ถือเหรียญนี้ได้มากหนึ่งในนั้นก็คือตัวอีลอน มัสก์นั่นเอง สุดท้ายแล้วก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าการมีอำนาจของเขานั้นจะสร้างผลกระทบให้กับแพลตฟอร์มนี้อย่างไร

ข้อมูลจาก The Verge LeBron James didn’t pay for his Twitter checkmark, but Elon gave it to him anyway

The Verge Twitter begins removing blue checkmarks from all legacy users

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

อีลอน มัสก์ ชายผู้มีคนติดตามมากที่สุดในทวิตเตอร์

อีลอน มัสก์ ชายผู้มีคนติดตามมากที่สุดในทวิตเตอร์

อีลอน มัสก์ชายผู้เป็นมหาเศรษฐีเบอร์ 2 ของโลกและเป็นเจ้าของบริษัท SpaceX, Tesla และ Twitter กลายเป็นผู้ที่มีคนติดตามบนทวิตเตอร์มากที่สุดในปัจจุบันนี้โดยมีผู้ติดตามมากถึง 133.1 ล้านบัญชี แซงหน้าบารัค โอบามาอดีตประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ติดตาม 133 ล้านบัญชี โดย 1 ในสาเหตุที่ทำให้ผู้ติดตามเขาพุ่งสูงขึ้นกลายเป็นที่หนึ่งในโลกของทวิตเตอร์นั้นก็คือการที่เขาเข้าซื้อทวิตเตอร์ด้วยจำนวนเงินกว่า 44 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยตัวของเขานั้นได้มียอดผู้ติดตามทะลุ 100 ล้านบัญชีไปเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว

ภาพ Twitter/elonmusk

อีลอน มัสก์ใช้ทวิตเตอร์ในการกระจายข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของเขา ไม่ว่าจะเป็น SpaceX หรือ Tesla และบางครั้งก็มีการทวิตมุกตลก ๆ ให้ผู้ติดตามได้พูดคุยกัน และบางครั้งก็มีการพูดถึงเงินสกุลดิจิตอลจนทำให้เกิดความฮิตในตลาด จนบางครั้งเขากลายเป็นผู้มีอิทธิพลในตลาด Cryptocurrency เลยด้วยซ้ำ หลังจากที่เขาขึ้นเป็น CEO ของ Twiiter ก็ใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารเกี่ยวกับการอัปเดตใหม่ ๆ ของสื่อสังคมออนไลน์ บางครั้งก็มีการตั้งผลสำรวจให้ผู้ติดตามเขาได้มาโหวตกันเพื่อเป็นทางเลือกในการดำเนินธุรกิจนี้ตัวอย่างเช่นการเลือก CEO ของบริษัท เนื่องจากอีลอน มัสก์เคยมีข่าวคราวว่าจะลงจากตำแหน่ง CEO ของ Twiiter นั่นเอง และทวิตที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดตของทวิตเตอร์ล่าสุดก็คือการเปิดใช้งาน Twitter Blue ซึ่งเป็นฟีเจอร์จ่ายรายเดือนของทวิตเตอร์โดยมีราคาอยู่ที่ 7 เหรียญต่อเดือน

การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่ติดตาม ทำให้คนส่วนใหญ่นั้นชื่นชอบในตัวของเขาและรู้จักตัวตนของเขามากขึ้นและด้วยเช่นนี้ทำให้ยอดผู้ติดตามนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแตกต่างจากบัญชีของบารัค โอบามาที่เน้นทวิตในเรื่องของการทำงาน ตัวอย่างเช่นสมัยที่เขาเป็นประธานาธิบดีก็จะมีการพูดเกี่ยวกับงานที่เขาทำความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายต่าง ๆ เป็นต้น ถัดจากอดีตประธานาธิบดีก็เป็นคนในวงการบันเทิง จัสติน บีเบอร์เป็นคนที่มียอดผู้ติดตามสูงเป็นอันดับที่ 3 และในอันดับที่ 4 ก็คือเคที เพอร์รี่ ซึ่งทั้งคู่จะมีการทวิตเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและเรื่องงานเป็นหลัก

ภาพ Wallpapercave

ถึงแม้ว่าตอนนี้อีลอน มัสก์จะออกหน้าสื่อน้อยลง ทำให้เขาไม่เป็นที่ถูกพูดถึงมากนัก แต่ทวิตของเขาก็ยังคงอัปเดตอยู่เสมอทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องตลกต่าง ๆ สำหรับใครที่อยากติดตามอีลอน มัสก์สามารถติดตามได้ที่ @Elonmusk

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Twitter ทดลองฟีเจอร์ใหม่ “Unmentioning”

Twitter ทดลองฟีเจอร์ใหม่ “Unmentioning”

การใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ถึงแม้ว่าจะเป็นมันจะเป็นโลกอินเทอร์เน็ตที่พาคนจำนวนมากมายมาเชื่อมต่อกันทำให้เกิดเป็นสังคมในรูปแบบใหม่แต่ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสังคมสื่อสังคมออนไลน์แต่เราทุกคนก็คงต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกันอย่างแน่นอน แต่บางครั้งตื่นสังคมออนไลน์ก็ลดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมากเกินไปทำให้ผู้คนที่ไม่รู้จักสามารถติดต่อกันได้ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องการก็ตาม และบางครั้งการกระทำแบบนี้ก็สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ใช้งานแล้วมันก็กลายเป็นปัญหาที่ทางผู้พัฒนาสื่อสังคมออนไลน์จะต้องแก้ไข

ภาพ Pixabay

Twitter เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ออกมาโดยฟีเจอร์นี้จะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งานมากขึ้นโดยเป็นการทดลองใช้กับผู้ใช้งานบางกลุ่มและเว็บไซต์เพียงเท่านั้นสำหรับ Application คงจะมีการพัฒนาออกมาให้ใช้ในภายหลังโดยฟีเจอร์ดังกล่าวมีชื่อว่า “Unmentioning” โดยการทำงานหลักของฟีเจอร์นี้จะเป็นการปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดที่เราไม่ต้องการจากผู้ใช้งานคนอื่นโดยมันจะเป็นการลบ Tags ที่เราไม่ต้องการติดตามออกนั้นเอง

ภาพ Pixabay

ซึ่งทาง Twitter ก็มาเปิดเผยวิธีการใช้งานฟีเจอร์ Unmentioning ด้วยเช่นเดียวกัน โดยมันจะปรับอัพเป็นเมนูที่อยู่ทางด้านมุมของทวิตเป็นข้อความว่า “ Leave this conversation ” และเมื่อทำการคลิกใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวชื่อผู้ใช้งานที่ถูกแท็กไว้จะถูกนำออกและจะปิดการแจ้งเตือนการใช้งานของทวิตดังกล่าวไป ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งานได้ดีมากเลยทีเดียวและจะช่วยให้การถูกคุกคามบนโลกสังคมออนไลน์ลดน้อยลงและจะช่วยให้ผู้ที่ไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในบทสนทนาใด ๆ สามารถเลือกที่จะไม่ติดตามข้อมูลในบทสนทนานั้นได้อย่างอิสระมากขึ้นนั่นเอง

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Twitter แต่เราก็ต้องมาติดตามดูว่าจะได้รับความนิยมในการใช้งานมากน้อยขนาดไหนจะมีการอัพเดทให้ใช้งานบน App มือถือได้เมื่อไหร่

ภาพ Pixabay

สำหรับปัญหาเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวบนโลกของสื่อสังคมออนไลน์เป็นปัญหาสำคัญที่สุดสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram และสื่อสังคมออนไลน์อื่นต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้สื่อสังคมออนไลน์นั้นกลายเป็นพื้นที่ที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น และนอกจากนี้สื่อสังคมออนไลน์ก็ยังมีปัญหาอื่น ๆ ให้ต้องเร่งแก้ไขด้วยเช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เปลี่ยนโปรไฟล์ทวิตเตอร์เป็นผลงาน NFTs

เปลี่ยนโปรไฟล์ทวิตเตอร์เป็นผลงาน NFTs

ภาพจาก Pixabay

เรียกได้ว่ามาแรงมากเลยทีเดียวสำหรับการสร้างสรรค์ผลงาน NFTs หลาย ๆ คนมีการสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาและนำไปขายซึ่งก็สร้างรายได้กลับคืนมาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากผู้ขายแล้วก็มีหลายคนที่เป็นผู้ที่ชื่นชอบผลงานทางด้านศิลปะและได้มีการซื้อผลงานศิลปะ NFTs มาเก็บสะสม ซึ่งผลงาน NFTs ที่ได้มีการซื้อขายนี้เป็นผลงานในระดับโลกทำให้ไม่ว่าคุณจะอยู่ประเทศใดก็สามารถซื้อขายกันได้อย่างอิสระ ในแพลตฟอร์มซื้อขายผลงาน NFTs ในปัจจุบันนี้ก็มีเงินทุนหมุนอยู่ในระบบเป็นจำนวนมากเลยก็ว่าได้ เรียกว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงและจะเป็นเทรนด์ในอนาคตอย่างแน่นอน

ภาพจาก Pixabay

หลาย ๆ บริษัทพยายามที่จะจับกระแสดังกล่าวนี้มาต่อยอดทางธุรกิจตัวอย่างเช่นบริษัท Bitkub ที่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอลในประเทศไทยก็ได้มีการพัฒนาตลาดผลงาน NFTs ด้วยเช่นเดียวกัน และในระดับโลกก็กำลังจะมีการพัฒนาให้การเข้าถึงผลงาน NFTs เป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายและสามารถใช้ประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้นตัวอย่างเช่น ทวิตเตอร์ที่ได้มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยการอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ตัวเองนั้นให้กลายเป็นผลงาน NFTs โดยได้มีการทดลองใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวในประเทศสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, นิวซีแลนด์และประเทศออสเตรเลีย โดยผู้ใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวนี้จะต้องใช้โทรศัพท์ iPhone หรือระบบปฏิบัติการ iOS เพียงเท่านั้น

ภาพ Screenshot จาก Twitter

วิธีการนำผลงาน NFTs ที่ซื้อมาทำเป็นโปรไฟล์ในทวิตเตอร์ผู้ใช้งานจะต้องทำการเชื่อมบัญชีทวิตเตอร์กับกระเป๋าเก็บทรัพย์สินดิจิตอลส่วนตัวเสียก่อน ซึ่งในช่วงที่ทำการเชื่อมต่อกับกระเป๋านั้นจะมีการส่งขอยืนยันเพื่อเข้าถึงกระเป๋า โดยกระเป๋าเงินที่ทางทวิตเตอร์รองรับก็คือ

  • Argent
  • Coinbase Wallet
  • Ledger Live
  • MetaMask
  • Rainbow
  • Trust Wallet

ภาพ Screenshot จาก Twitter

เมื่อเชื่อมต่อแล้วทางทวิตเตอร์จะไม่มีการขอเก็บค่าธรรมเนียมในการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินและที่สำคัญผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกระเป๋าเงินได้แค่เพียงครั้งละใบเท่านั้น เมื่อทำการเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นผลงาน NFTs ได้แล้วก็สามารถเชื่อมต่อกับกระเป๋าใบอื่นได้โดยการเข้าไปที่ตั้งค่า > ตั้งค่าโปรไฟล์ > รูปภาพโปรไฟล์ > เชื่อมต่อกับกระเป๋าใบอื่น

การทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ที่ชื่นชอบผลงาน NFTs สามารถนำผลงานมาโชว์หรือแบ่งปันกันผ่านโปรไฟล์ในทวิตเตอร์ได้ซึ่งอาจจะทำให้เกิด community ต่าง ๆ ขึ้นมาภายในทวิตเตอร์ก็เป็นได้ และมันก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผลงาน NFTs สามารถเป็นที่รู้จักได้อย่างแพร่หลายมากขึ้นและเข้าถึงง่ายมากขึ้นนั่นเอง และถ้าฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานทั่วโลกก็อย่าลืมไปใช้งานกันนะ

วิธีการซื้อผลงาน NFTs  แบบเบื้องต้นสามารถติดตามดูได้ที่ Paul Pattarapol

ข้อมูลจาก Spring News , Twitter

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Twitter พัฒนาฟีเจอร์ใหม่

Twitter

Twitter พัฒนาฟีเจอร์ใหม่เขียนทวิตได้ยาวขึ้น

สื่อสังคมออนไลน์เป็นพื้นที่ที่ใช้ในการแสดงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย บทความ คลิปวิดีโอ สื่อบันเทิง ความคิดเห็นต่าง ๆ ซึ่งสื่อออนไลน์แต่ละประเภทนั้นก็จะมีลักษณะเด่นแตกต่างกันออกไปตัวอย่างเช่น Facebook ก็อาจจะใช้ในการแชร์เรื่องราวข่าวสารต่าง ๆ ร่วมเพจ Instagram ใช้ในการแชร์รูปภาพและคลิปวิดีโอ Tiktok พื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้ในการแชร์คลิปวิดีโอสั้นที่มีความสร้างสรรค์ YouTube แพลตฟอร์มที่ใช้ในการแชร์คลิปวิดีโอยาว ๆ Twitter ก็เป็นอีกสื่อสังคมออนไลน์ประเภทหนึ่งที่ใช้ในการติดตามข่าวสารที่มีความรวดเร็วบวกกับการแสดงความคิดเห็นของผู้ใช้งาน และถึงแม้ว่าสื่อสังคมออนไลน์แต่ละประเภทจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันแต่ก็มีข้อจำกัดด้วยเช่นเดียวกัน

สำหรับเพื่อน ๆ คนใดที่ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Twitter ก็คงจะเป็นที่ทราบเหมือนกันว่า Twitter นั้นจำกัดคำในแต่ละครั้งที่ทวีตถูกจำกัดจำนวนคำนั้นเอง แพลตฟอร์ม Twitter เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่เน้นในเรื่องของการใช้ข้อความสั้นๆ และใช้แฮชแท็กเข้ามาช่วยในการค้นหาเรื่องราวต่าง ๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการเขียนข้อความยาว ๆ Twitter อาจจะไม่เหมาะเหมือนกับสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ บางครั้งก็ต้องมีการเขียนทวิตต่อ ๆ กันเพื่อให้เป็นเรื่องเป็นราวซึ่งอาจจะสร้างความยากลำบากให้กับผู้เขียนและผู้ติดตาม ซึ่งก็ดูเหมือนว่าทางผู้พัฒนา Twitter จะทราบปัญหานี้เป็นอย่างดี

ล่าสุดทางผู้พัฒนาก็กำลังจะพัฒนาฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า “Article” ฟีเจอร์ที่จะเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถทวิตข้อความยาว ๆ ได้ มากกว่าขีดจำกัดของ Twitter ที่ให้เพียงแค่ 280 ตัวอักษร ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้ได้ถูกประกาศออกมาเมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาฟีเจอร์ดังกล่าวจะถูกเปิดเผยมาในอนาคตตลอดช่วงการพัฒนาฟีเจอร์นี้นั่นเอง สามารถเข้าไปดูตัวอย่างของ Article ได้ที่ Twitter/WongmJane

การมีฟีเจอร์นี้เข้ามาคงจะช่วยให้หลาย ๆ คนที่เป็นสายเขียนคอนเทนต์หรือเล่าเรื่องยาว ๆ แต่งนิยายมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอนเพราะพวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องแยกทวิตเป็นส่วนตัวเพื่อทำการเล่าเรื่องอีกต่อไปแล้วเขาสามารถเขียนเพียงแค่ทวิตเดียวก็สามารถครอบคลุมเนื้อหาได้ทั้งหมด และด้วยความสามารถของ Article ก็คงจะดึงดูดผู้ใช้งานที่เป็นสาย Content creator เข้ามาใช้งานได้เยอะมากเลยทีเดียวแถมยังมีพิเศษอื่น ๆ ที่ใช้ในด้านการอำนวยความสะดวกในเรื่องของรายได้อีกด้วย ในอนาคตสื่อสังคมออนไลน์อย่างชนิดอร์ก็คงจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นสำหรับ Content creator อย่างแน่นอนซึ่งในตอนนี้บางส่วนก็เข้ามาใช้งานแล้วโดยเฉพาะในฟีเจอร์ของ Twitter Space ที่มีลักษณะคล้ายกับ Clubhouse 

ต่อจากนี้เทคโนโลยีเข้ามามากขึ้นเราคงจะได้เห็นอาชีพเกิดใหม่มากขึ้นช่องทางการหารายได้ที่เพิ่มมากขึ้นสื่อสังคมออนไลน์หลาย ๆ แพลตฟอร์มก็พยายามพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานและให้เหมาะกับการประกอบอาชีพต่าง ๆ ที่ปัจจุบันนี้มีเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาลบนโลกออนไลน์

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet 

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Twitter สื่อสังคมออนไลน์

Twitter

เมื่อ Twitter Spaces กลายเป็นแหล่งรวมของ hate speech

Twitter สื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกได้มีการออกฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า Twitter Spaces ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมาเป็นคู่แข่งกับ Clubhouse หนึ่งในแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ที่เกิดใหม่เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงแรก Twitter Spaces เปิดให้ผู้ใช้งานเข้ามาใช้งานในการจัดรายการรูปแบบ audio-only chat rooms โดยผู้ที่ใช้งานในช่วงนั้นจำเป็นที่จะต้องมีผู้ติดตามในทวิตเตอร์อย่างน้อย 600 คน หลังจากเดือนพฤศจิกายนก็เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้โดยไม่มีข้อกำหนดเรื่องจำนวนผู้ติดตามทำให้ Twitter Spaces กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะมีรายงานในแง่ลบออกมาให้เห็น

จากสื่อ The Washington Post ได้มีการรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาโดยได้รับข้อมูลมาจากนักวิจัยและผู้ใช้งานว่า Twitter Spaces เป็นแหล่งรวบรวม hate speech (ถ้อยคำโจมตีที่อาจจะส่งผลที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความคิดเห็น ศาสนา การเมือง และอื่น ๆ) ทำให้ Twitter Spaces กลายเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาในแง่ลบ 

ซึ่งทาง Twitter ก็อนุญาตให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถที่จะรายงานห้อง Twitter Spaces ที่มีแนวโน้มที่จะละเมิดกฎระเบียบได้ โดย Twitter จะมีการเก็บข้อมูลของห้อง Twitter Spaces ที่ถูกรายงานไว้และจะทำการตรวจสอบว่ามีการละเมิดกฎในเวลา 30 วัน นอกจากนี้ทาง Twitter ยังมีซอฟต์แวร์ที่ไว้ตรวจสอบถ้อยคำรุนแรงใน Twitter Spaces อีกด้วย 

ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ซอฟต์แวร์ของทาง Twitter ไม่สามารถตรวจจับถ้อยคำโจมตีใน Twitter Spaces ได้ก็เพราะว่ามีบาสภายในซอฟต์แวร์ซึ่งทางทีมผู้พัฒนากำลังแก้ไขปัญหาอยู่ นอกจากนี้ทาง Twitter ก็กำลังหาวิธีทางอื่นที่จะควบคุมดูแล ทำให้ Twitter Spaces กลายเป็นมิตรและมีความปลอดภัยกับผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด ซึ่งสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนห้อง Twitter Spaces ที่มีการละเมิดกฎก็ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาจาก Twitter 

ซึ่งทาง Twitter ก็อนุญาตให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถที่จะรายงานห้อง Twitter Spaces ที่มีแนวโน้มที่จะละเมิดกฎระเบียบได้ โดย Twitter จะมีการเก็บข้อมูลของห้อง Twitter Spaces ที่ถูกรายงานไว้และจะทำการตรวจสอบว่ามีการละเมิดกฎในเวลา 30 วัน นอกจากนี้ทาง Twitter ยังมีซอฟต์แวร์ที่ไว้ตรวจสอบถ้อยคำรุนแรงใน Twitter Spaces อีกด้วย 

ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ซอฟต์แวร์ของทาง Twitter ไม่สามารถตรวจจับถ้อยคำโจมตีใน Twitter Spaces ได้ก็เพราะว่ามีบาสภายในซอฟต์แวร์ซึ่งทางทีมผู้พัฒนากำลังแก้ไขปัญหาอยู่ นอกจากนี้ทาง Twitter ก็กำลังหาวิธีทางอื่นที่จะควบคุมดูแล ทำให้ Twitter Spaces กลายเป็นมิตรและมีความปลอดภัยกับผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด ซึ่งสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนห้อง Twitter Spaces ที่มีการละเมิดกฎก็ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาจาก Twitter 

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Twitter แบนการลงรูปผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอม

Twitter

Twitter สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังของโลก

Twitter สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังของโลกได้มีการโพสต์ลง blogของ Twitter เกี่ยวกับการออกกฎระเบียบใหม่เพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากการถูกโจมตีบนโลกของสังคมออนไลน์ โดยกฎระเบียบใหม่นี้จะเป็นกฎระเบียบเกี่ยวกับเนื้อหาในทวิตโดยเฉพาะเนื้อหาเกี่ยวกับรูปภาพของบุคคลและวิดีโอของบุคคล โดยทางทวิตเตอร์จะทำการลบรูปภาพและวิดีโอที่เป็นรูปภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับบุคคลออก ถ้าหากว่าสื่อนั้นไม่ได้รับการยินยอมนั่นเอง ซึ่งทาง Twitter จะมีการส่งแจ้งเตือนไปที่ผู้ใช้งานก่อนว่าทวิตรูปภาพและคลิปวิดีโอที่ได้มีการโพสต์ลงแพลตฟอร์มนั้นไม่ได้รับการยินยอม 

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่ถูกละเมิดสิทธิจากการนำรูปภาพของตัวเองหรือคลิปวิดีโอของตัวเองไปลงในสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Twitter โดยที่ไม่ได้รับการยินยอม และถูกใช้เพื่อโจมตีหรือว่าคุกคามต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบในเรื่องของความปลอดภัยให้กับผู้เสียหาย ซึ่งทาง Twitter พยายามที่จะกำจัดรูปภาพและคลิปวิดีโอเหล่านี้ลดการคุกคามไปโดยการร่างนโยบายดังกล่าวขึ้น แต่สำหรับรูปภาพที่ใช้ในแหล่งข่าวต่าง ๆ หรือใช้เพื่อให้คุณค่ากับสังคมในพื้นที่สาธารณะจะถือเป็นข้อยกเว้นยังสามารถนำมาลงใน Twitter ได้ตามปกติ และนอกจากนี้รูปภาพที่เป็นการถ่ายเกี่ยวกับงาน Event ที่เป็นการถ่ายกลุ่มคนจะได้รับการยกเว้นด้วยเช่นเดียวกัน และสำหรับผู้ที่พบเจอทวีตที่มีการลงเนื้อหาเกี่ยวกับรูปภาพและวิดีโอต่าง ๆ และมีทิศทางที่จะผิดนโยบายที่ Twitter ร่างขึ้นก็สามารถรายงานทวิตดังกล่าวได้ด้วยเช่นเดียวกัน

โดยทันทีที่นโยบายนี้ออกมาก็มีกลุ่มอาชีพบางอาชีพที่อาจจะได้รับผลกระทบตัวอย่างเช่นช่างภาพแนวสตรีทที่เน้นในเรื่องของการถ่ายรูปภาพในพื้นที่สาธารณะซึ่งอาจจะเป็นรูปภาพบุคคลหรือกลุ่มคน Nick Turpin ช่างถ่ายภาพแนวสตรีท ได้ออกมาแสดงความเห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวที่จะหยุดการคุกคามต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ แต่อย่างไรก็ตามการที่นโยบายนี้ออกมาทำให้อาชีพของเขาได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกันเพราะงานของเขานั้นจำเป็นที่จะต้องมีการแพร่ภาพผ่านทางช่องทางสื่อต่าง ๆ ซึ่งเป็นภาพบุคคล ซึ่งอาจจะทำให้รูปภาพทั้งหมดที่เขาได้นำลงไปใน Twitter จับละเมิดนโยบายดังกล่าวนั้นเอง

ก็เห็นถึงความตั้งใจของ Twitter ที่จะลดเรื่องการคุกคามต่าง ๆ ผ่านทางรูปภาพและวิดีโอ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานมีความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้นแต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมาดูว่านโยบายนี้จะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใดกับอาชีพบางอาชีพตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นและ Twitter จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายบางส่วนเพื่ออำนวยให้กับกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบหรือไม่ 

ถึงแม้ว่าหลาย ๆ แพลตฟอร์มจะมีการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานเพิ่มความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานและใช้งานแพลตฟอร์มได้อย่างสบายใจแต่ปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่หมดไปเสียซะทีเดียวเพราะว่าบนดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่ไร้พรมแดนดังนั้นมันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับปัญหานั้นเอง

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก BBC 

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook