Twitter ทดลองฟีเจอร์ใหม่ “Unmentioning”

Twitter ทดลองฟีเจอร์ใหม่ “Unmentioning”

การใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ถึงแม้ว่าจะเป็นมันจะเป็นโลกอินเทอร์เน็ตที่พาคนจำนวนมากมายมาเชื่อมต่อกันทำให้เกิดเป็นสังคมในรูปแบบใหม่แต่ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสังคมสื่อสังคมออนไลน์แต่เราทุกคนก็คงต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกันอย่างแน่นอน แต่บางครั้งตื่นสังคมออนไลน์ก็ลดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมากเกินไปทำให้ผู้คนที่ไม่รู้จักสามารถติดต่อกันได้ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องการก็ตาม และบางครั้งการกระทำแบบนี้ก็สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ใช้งานแล้วมันก็กลายเป็นปัญหาที่ทางผู้พัฒนาสื่อสังคมออนไลน์จะต้องแก้ไข

ภาพ Pixabay

Twitter เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ออกมาโดยฟีเจอร์นี้จะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งานมากขึ้นโดยเป็นการทดลองใช้กับผู้ใช้งานบางกลุ่มและเว็บไซต์เพียงเท่านั้นสำหรับ Application คงจะมีการพัฒนาออกมาให้ใช้ในภายหลังโดยฟีเจอร์ดังกล่าวมีชื่อว่า “Unmentioning” โดยการทำงานหลักของฟีเจอร์นี้จะเป็นการปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดที่เราไม่ต้องการจากผู้ใช้งานคนอื่นโดยมันจะเป็นการลบ Tags ที่เราไม่ต้องการติดตามออกนั้นเอง

ภาพ Pixabay

ซึ่งทาง Twitter ก็มาเปิดเผยวิธีการใช้งานฟีเจอร์ Unmentioning ด้วยเช่นเดียวกัน โดยมันจะปรับอัพเป็นเมนูที่อยู่ทางด้านมุมของทวิตเป็นข้อความว่า “ Leave this conversation ” และเมื่อทำการคลิกใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวชื่อผู้ใช้งานที่ถูกแท็กไว้จะถูกนำออกและจะปิดการแจ้งเตือนการใช้งานของทวิตดังกล่าวไป ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งานได้ดีมากเลยทีเดียวและจะช่วยให้การถูกคุกคามบนโลกสังคมออนไลน์ลดน้อยลงและจะช่วยให้ผู้ที่ไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในบทสนทนาใด ๆ สามารถเลือกที่จะไม่ติดตามข้อมูลในบทสนทนานั้นได้อย่างอิสระมากขึ้นนั่นเอง

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Twitter แต่เราก็ต้องมาติดตามดูว่าจะได้รับความนิยมในการใช้งานมากน้อยขนาดไหนจะมีการอัพเดทให้ใช้งานบน App มือถือได้เมื่อไหร่

ภาพ Pixabay

สำหรับปัญหาเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวบนโลกของสื่อสังคมออนไลน์เป็นปัญหาสำคัญที่สุดสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram และสื่อสังคมออนไลน์อื่นต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้สื่อสังคมออนไลน์นั้นกลายเป็นพื้นที่ที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น และนอกจากนี้สื่อสังคมออนไลน์ก็ยังมีปัญหาอื่น ๆ ให้ต้องเร่งแก้ไขด้วยเช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เปลี่ยนโปรไฟล์ทวิตเตอร์เป็นผลงาน NFTs

เปลี่ยนโปรไฟล์ทวิตเตอร์เป็นผลงาน NFTs

ภาพจาก Pixabay

เรียกได้ว่ามาแรงมากเลยทีเดียวสำหรับการสร้างสรรค์ผลงาน NFTs หลาย ๆ คนมีการสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาและนำไปขายซึ่งก็สร้างรายได้กลับคืนมาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากผู้ขายแล้วก็มีหลายคนที่เป็นผู้ที่ชื่นชอบผลงานทางด้านศิลปะและได้มีการซื้อผลงานศิลปะ NFTs มาเก็บสะสม ซึ่งผลงาน NFTs ที่ได้มีการซื้อขายนี้เป็นผลงานในระดับโลกทำให้ไม่ว่าคุณจะอยู่ประเทศใดก็สามารถซื้อขายกันได้อย่างอิสระ ในแพลตฟอร์มซื้อขายผลงาน NFTs ในปัจจุบันนี้ก็มีเงินทุนหมุนอยู่ในระบบเป็นจำนวนมากเลยก็ว่าได้ เรียกว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงและจะเป็นเทรนด์ในอนาคตอย่างแน่นอน

ภาพจาก Pixabay

หลาย ๆ บริษัทพยายามที่จะจับกระแสดังกล่าวนี้มาต่อยอดทางธุรกิจตัวอย่างเช่นบริษัท Bitkub ที่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอลในประเทศไทยก็ได้มีการพัฒนาตลาดผลงาน NFTs ด้วยเช่นเดียวกัน และในระดับโลกก็กำลังจะมีการพัฒนาให้การเข้าถึงผลงาน NFTs เป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายและสามารถใช้ประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้นตัวอย่างเช่น ทวิตเตอร์ที่ได้มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยการอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ตัวเองนั้นให้กลายเป็นผลงาน NFTs โดยได้มีการทดลองใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวในประเทศสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, นิวซีแลนด์และประเทศออสเตรเลีย โดยผู้ใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวนี้จะต้องใช้โทรศัพท์ iPhone หรือระบบปฏิบัติการ iOS เพียงเท่านั้น

ภาพ Screenshot จาก Twitter

วิธีการนำผลงาน NFTs ที่ซื้อมาทำเป็นโปรไฟล์ในทวิตเตอร์ผู้ใช้งานจะต้องทำการเชื่อมบัญชีทวิตเตอร์กับกระเป๋าเก็บทรัพย์สินดิจิตอลส่วนตัวเสียก่อน ซึ่งในช่วงที่ทำการเชื่อมต่อกับกระเป๋านั้นจะมีการส่งขอยืนยันเพื่อเข้าถึงกระเป๋า โดยกระเป๋าเงินที่ทางทวิตเตอร์รองรับก็คือ

  • Argent
  • Coinbase Wallet
  • Ledger Live
  • MetaMask
  • Rainbow
  • Trust Wallet

ภาพ Screenshot จาก Twitter

เมื่อเชื่อมต่อแล้วทางทวิตเตอร์จะไม่มีการขอเก็บค่าธรรมเนียมในการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินและที่สำคัญผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกระเป๋าเงินได้แค่เพียงครั้งละใบเท่านั้น เมื่อทำการเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นผลงาน NFTs ได้แล้วก็สามารถเชื่อมต่อกับกระเป๋าใบอื่นได้โดยการเข้าไปที่ตั้งค่า > ตั้งค่าโปรไฟล์ > รูปภาพโปรไฟล์ > เชื่อมต่อกับกระเป๋าใบอื่น

การทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ที่ชื่นชอบผลงาน NFTs สามารถนำผลงานมาโชว์หรือแบ่งปันกันผ่านโปรไฟล์ในทวิตเตอร์ได้ซึ่งอาจจะทำให้เกิด community ต่าง ๆ ขึ้นมาภายในทวิตเตอร์ก็เป็นได้ และมันก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผลงาน NFTs สามารถเป็นที่รู้จักได้อย่างแพร่หลายมากขึ้นและเข้าถึงง่ายมากขึ้นนั่นเอง และถ้าฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานทั่วโลกก็อย่าลืมไปใช้งานกันนะ

วิธีการซื้อผลงาน NFTs  แบบเบื้องต้นสามารถติดตามดูได้ที่ Paul Pattarapol

ข้อมูลจาก Spring News , Twitter

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Twitter พัฒนาฟีเจอร์ใหม่

Twitter

Twitter พัฒนาฟีเจอร์ใหม่เขียนทวิตได้ยาวขึ้น

สื่อสังคมออนไลน์เป็นพื้นที่ที่ใช้ในการแสดงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย บทความ คลิปวิดีโอ สื่อบันเทิง ความคิดเห็นต่าง ๆ ซึ่งสื่อออนไลน์แต่ละประเภทนั้นก็จะมีลักษณะเด่นแตกต่างกันออกไปตัวอย่างเช่น Facebook ก็อาจจะใช้ในการแชร์เรื่องราวข่าวสารต่าง ๆ ร่วมเพจ Instagram ใช้ในการแชร์รูปภาพและคลิปวิดีโอ Tiktok พื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้ในการแชร์คลิปวิดีโอสั้นที่มีความสร้างสรรค์ YouTube แพลตฟอร์มที่ใช้ในการแชร์คลิปวิดีโอยาว ๆ Twitter ก็เป็นอีกสื่อสังคมออนไลน์ประเภทหนึ่งที่ใช้ในการติดตามข่าวสารที่มีความรวดเร็วบวกกับการแสดงความคิดเห็นของผู้ใช้งาน และถึงแม้ว่าสื่อสังคมออนไลน์แต่ละประเภทจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันแต่ก็มีข้อจำกัดด้วยเช่นเดียวกัน

สำหรับเพื่อน ๆ คนใดที่ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Twitter ก็คงจะเป็นที่ทราบเหมือนกันว่า Twitter นั้นจำกัดคำในแต่ละครั้งที่ทวีตถูกจำกัดจำนวนคำนั้นเอง แพลตฟอร์ม Twitter เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่เน้นในเรื่องของการใช้ข้อความสั้นๆ และใช้แฮชแท็กเข้ามาช่วยในการค้นหาเรื่องราวต่าง ๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการเขียนข้อความยาว ๆ Twitter อาจจะไม่เหมาะเหมือนกับสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ บางครั้งก็ต้องมีการเขียนทวิตต่อ ๆ กันเพื่อให้เป็นเรื่องเป็นราวซึ่งอาจจะสร้างความยากลำบากให้กับผู้เขียนและผู้ติดตาม ซึ่งก็ดูเหมือนว่าทางผู้พัฒนา Twitter จะทราบปัญหานี้เป็นอย่างดี

ล่าสุดทางผู้พัฒนาก็กำลังจะพัฒนาฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า “Article” ฟีเจอร์ที่จะเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถทวิตข้อความยาว ๆ ได้ มากกว่าขีดจำกัดของ Twitter ที่ให้เพียงแค่ 280 ตัวอักษร ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้ได้ถูกประกาศออกมาเมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาฟีเจอร์ดังกล่าวจะถูกเปิดเผยมาในอนาคตตลอดช่วงการพัฒนาฟีเจอร์นี้นั่นเอง สามารถเข้าไปดูตัวอย่างของ Article ได้ที่ Twitter/WongmJane

การมีฟีเจอร์นี้เข้ามาคงจะช่วยให้หลาย ๆ คนที่เป็นสายเขียนคอนเทนต์หรือเล่าเรื่องยาว ๆ แต่งนิยายมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอนเพราะพวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องแยกทวิตเป็นส่วนตัวเพื่อทำการเล่าเรื่องอีกต่อไปแล้วเขาสามารถเขียนเพียงแค่ทวิตเดียวก็สามารถครอบคลุมเนื้อหาได้ทั้งหมด และด้วยความสามารถของ Article ก็คงจะดึงดูดผู้ใช้งานที่เป็นสาย Content creator เข้ามาใช้งานได้เยอะมากเลยทีเดียวแถมยังมีพิเศษอื่น ๆ ที่ใช้ในด้านการอำนวยความสะดวกในเรื่องของรายได้อีกด้วย ในอนาคตสื่อสังคมออนไลน์อย่างชนิดอร์ก็คงจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นสำหรับ Content creator อย่างแน่นอนซึ่งในตอนนี้บางส่วนก็เข้ามาใช้งานแล้วโดยเฉพาะในฟีเจอร์ของ Twitter Space ที่มีลักษณะคล้ายกับ Clubhouse 

ต่อจากนี้เทคโนโลยีเข้ามามากขึ้นเราคงจะได้เห็นอาชีพเกิดใหม่มากขึ้นช่องทางการหารายได้ที่เพิ่มมากขึ้นสื่อสังคมออนไลน์หลาย ๆ แพลตฟอร์มก็พยายามพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานและให้เหมาะกับการประกอบอาชีพต่าง ๆ ที่ปัจจุบันนี้มีเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาลบนโลกออนไลน์

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet 

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Twitter สื่อสังคมออนไลน์

Twitter

เมื่อ Twitter Spaces กลายเป็นแหล่งรวมของ hate speech

Twitter สื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกได้มีการออกฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า Twitter Spaces ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมาเป็นคู่แข่งกับ Clubhouse หนึ่งในแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ที่เกิดใหม่เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงแรก Twitter Spaces เปิดให้ผู้ใช้งานเข้ามาใช้งานในการจัดรายการรูปแบบ audio-only chat rooms โดยผู้ที่ใช้งานในช่วงนั้นจำเป็นที่จะต้องมีผู้ติดตามในทวิตเตอร์อย่างน้อย 600 คน หลังจากเดือนพฤศจิกายนก็เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้โดยไม่มีข้อกำหนดเรื่องจำนวนผู้ติดตามทำให้ Twitter Spaces กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะมีรายงานในแง่ลบออกมาให้เห็น

จากสื่อ The Washington Post ได้มีการรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาโดยได้รับข้อมูลมาจากนักวิจัยและผู้ใช้งานว่า Twitter Spaces เป็นแหล่งรวบรวม hate speech (ถ้อยคำโจมตีที่อาจจะส่งผลที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความคิดเห็น ศาสนา การเมือง และอื่น ๆ) ทำให้ Twitter Spaces กลายเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาในแง่ลบ 

ซึ่งทาง Twitter ก็อนุญาตให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถที่จะรายงานห้อง Twitter Spaces ที่มีแนวโน้มที่จะละเมิดกฎระเบียบได้ โดย Twitter จะมีการเก็บข้อมูลของห้อง Twitter Spaces ที่ถูกรายงานไว้และจะทำการตรวจสอบว่ามีการละเมิดกฎในเวลา 30 วัน นอกจากนี้ทาง Twitter ยังมีซอฟต์แวร์ที่ไว้ตรวจสอบถ้อยคำรุนแรงใน Twitter Spaces อีกด้วย 

ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ซอฟต์แวร์ของทาง Twitter ไม่สามารถตรวจจับถ้อยคำโจมตีใน Twitter Spaces ได้ก็เพราะว่ามีบาสภายในซอฟต์แวร์ซึ่งทางทีมผู้พัฒนากำลังแก้ไขปัญหาอยู่ นอกจากนี้ทาง Twitter ก็กำลังหาวิธีทางอื่นที่จะควบคุมดูแล ทำให้ Twitter Spaces กลายเป็นมิตรและมีความปลอดภัยกับผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด ซึ่งสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนห้อง Twitter Spaces ที่มีการละเมิดกฎก็ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาจาก Twitter 

ซึ่งทาง Twitter ก็อนุญาตให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถที่จะรายงานห้อง Twitter Spaces ที่มีแนวโน้มที่จะละเมิดกฎระเบียบได้ โดย Twitter จะมีการเก็บข้อมูลของห้อง Twitter Spaces ที่ถูกรายงานไว้และจะทำการตรวจสอบว่ามีการละเมิดกฎในเวลา 30 วัน นอกจากนี้ทาง Twitter ยังมีซอฟต์แวร์ที่ไว้ตรวจสอบถ้อยคำรุนแรงใน Twitter Spaces อีกด้วย 

ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ซอฟต์แวร์ของทาง Twitter ไม่สามารถตรวจจับถ้อยคำโจมตีใน Twitter Spaces ได้ก็เพราะว่ามีบาสภายในซอฟต์แวร์ซึ่งทางทีมผู้พัฒนากำลังแก้ไขปัญหาอยู่ นอกจากนี้ทาง Twitter ก็กำลังหาวิธีทางอื่นที่จะควบคุมดูแล ทำให้ Twitter Spaces กลายเป็นมิตรและมีความปลอดภัยกับผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด ซึ่งสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนห้อง Twitter Spaces ที่มีการละเมิดกฎก็ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาจาก Twitter 

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Twitter แบนการลงรูปผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอม

Twitter

Twitter สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังของโลก

Twitter สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังของโลกได้มีการโพสต์ลง blogของ Twitter เกี่ยวกับการออกกฎระเบียบใหม่เพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากการถูกโจมตีบนโลกของสังคมออนไลน์ โดยกฎระเบียบใหม่นี้จะเป็นกฎระเบียบเกี่ยวกับเนื้อหาในทวิตโดยเฉพาะเนื้อหาเกี่ยวกับรูปภาพของบุคคลและวิดีโอของบุคคล โดยทางทวิตเตอร์จะทำการลบรูปภาพและวิดีโอที่เป็นรูปภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับบุคคลออก ถ้าหากว่าสื่อนั้นไม่ได้รับการยินยอมนั่นเอง ซึ่งทาง Twitter จะมีการส่งแจ้งเตือนไปที่ผู้ใช้งานก่อนว่าทวิตรูปภาพและคลิปวิดีโอที่ได้มีการโพสต์ลงแพลตฟอร์มนั้นไม่ได้รับการยินยอม 

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่ถูกละเมิดสิทธิจากการนำรูปภาพของตัวเองหรือคลิปวิดีโอของตัวเองไปลงในสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Twitter โดยที่ไม่ได้รับการยินยอม และถูกใช้เพื่อโจมตีหรือว่าคุกคามต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบในเรื่องของความปลอดภัยให้กับผู้เสียหาย ซึ่งทาง Twitter พยายามที่จะกำจัดรูปภาพและคลิปวิดีโอเหล่านี้ลดการคุกคามไปโดยการร่างนโยบายดังกล่าวขึ้น แต่สำหรับรูปภาพที่ใช้ในแหล่งข่าวต่าง ๆ หรือใช้เพื่อให้คุณค่ากับสังคมในพื้นที่สาธารณะจะถือเป็นข้อยกเว้นยังสามารถนำมาลงใน Twitter ได้ตามปกติ และนอกจากนี้รูปภาพที่เป็นการถ่ายเกี่ยวกับงาน Event ที่เป็นการถ่ายกลุ่มคนจะได้รับการยกเว้นด้วยเช่นเดียวกัน และสำหรับผู้ที่พบเจอทวีตที่มีการลงเนื้อหาเกี่ยวกับรูปภาพและวิดีโอต่าง ๆ และมีทิศทางที่จะผิดนโยบายที่ Twitter ร่างขึ้นก็สามารถรายงานทวิตดังกล่าวได้ด้วยเช่นเดียวกัน

โดยทันทีที่นโยบายนี้ออกมาก็มีกลุ่มอาชีพบางอาชีพที่อาจจะได้รับผลกระทบตัวอย่างเช่นช่างภาพแนวสตรีทที่เน้นในเรื่องของการถ่ายรูปภาพในพื้นที่สาธารณะซึ่งอาจจะเป็นรูปภาพบุคคลหรือกลุ่มคน Nick Turpin ช่างถ่ายภาพแนวสตรีท ได้ออกมาแสดงความเห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวที่จะหยุดการคุกคามต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ แต่อย่างไรก็ตามการที่นโยบายนี้ออกมาทำให้อาชีพของเขาได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกันเพราะงานของเขานั้นจำเป็นที่จะต้องมีการแพร่ภาพผ่านทางช่องทางสื่อต่าง ๆ ซึ่งเป็นภาพบุคคล ซึ่งอาจจะทำให้รูปภาพทั้งหมดที่เขาได้นำลงไปใน Twitter จับละเมิดนโยบายดังกล่าวนั้นเอง

ก็เห็นถึงความตั้งใจของ Twitter ที่จะลดเรื่องการคุกคามต่าง ๆ ผ่านทางรูปภาพและวิดีโอ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานมีความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้นแต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมาดูว่านโยบายนี้จะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใดกับอาชีพบางอาชีพตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นและ Twitter จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายบางส่วนเพื่ออำนวยให้กับกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบหรือไม่ 

ถึงแม้ว่าหลาย ๆ แพลตฟอร์มจะมีการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานเพิ่มความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานและใช้งานแพลตฟอร์มได้อย่างสบายใจแต่ปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่หมดไปเสียซะทีเดียวเพราะว่าบนดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่ไร้พรมแดนดังนั้นมันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับปัญหานั้นเอง

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก BBC 

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ทุกคนสามารถใช้งาน Spaces ได้แล้ว

Twitter

Twitter Spaces มีการเปิดตัวมาในช่วงพฤศจิกายนปี 2020 เพื่อมาสู้กับ Clubhouse

เมื่อปีที่ผ่านมาแอปพลิเคชัน Clubhouse ได้มีการเปิดตัวขึ้นมาและใช้เวลาไม่นานก็กลายเป็นที่นิยมอย่างมากของผู้ใช้งานโดยในช่วงแรกเปิดใช้งานเฉพาะระบบปฏิบัติการ iOS เพียงเท่านั้นแต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีการเปิดให้ใช้บริการบนระบบ Android ซึ่งมีอิทธิพลของ Clubhouse ที่มีลักษณะของ คอนเทนต์แตกต่างจากสื่อสังคมออนไลน์ประเภทอื่น ได้ดึงดูดความสนใจผู้ใช้งานจากสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ Twitter ไปมากเลยทีเดียวทำให้ 2 แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่จำเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบและฟีเจอร์ใหม่ของตัวเอง โดย Twitter ได้มีการสร้าง Twitter Spaces ซึ่งมีลักษณะการทำงานคล้ายกับ Clubhouse

Twitter Spaces มีการเปิดตัวมาในช่วงพฤศจิกายนปี 2020 เพื่อมาสู้กับ Clubhouse โดยในช่วงแรกนั้นข้อกำหนดของการใช้งาน Twitter Spaces ก็คือจะต้องมีผู้ติดตามจำนวนไม่น้อยกว่า 600 คนเป็นต้นไปซึ่งทำให้ Twitter Spaces เหมาะกับผู้ใช้งานที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์มากกว่าบุคคลธรรมดา โดยผู้ใช้งานทั่วไปนั้นไม่สามารถที่จะสร้างห้อง Twitter Spaces เอ็งได้ทำได้แค่เพียงเข้าไปฟังของคนที่มีผู้ติดตามจำนวน 600 คนขึ้นไปเพียงเท่านั้น

หลังจากเวลาผ่านไป 1 ปีดูเหมือนว่า Twitter จะเปิดโอกาสให้กับบุคคลทั่วไปมากขึ้น โดยทาง Twitter ได้ออกมาอัปเดตว่า Twitter Spaces สามารถใช้ได้แล้วกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานในระบบ Android หรือระบบปฏิบัติการ iOS สามารถใช้ได้เหมือนกัน นอกจากนี้บัญชี Spaces ก็ได้มีการทวิตคลิปวิดีโอสำหรับวิธีการใช้งาน Twitter Spaces อีกด้วย

Twitter ใช้เวลาทั้งปีในการพัฒนาระบบต่าง ๆ ใน Twitter Spaces เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีมากที่สุดในการใช้งานเริ่มต้นจากสามารถเพิ่ม Co-host (หัวห้อง) โดยสามารถเพิ่มเข้ามาได้ถึง 10 คนเลยทีเดียว มีการจัดตั้งกองทุนสำหรับผู้ที่เป็นครีเอเตอร์ที่ใช้งาน Twitter Spaces โดยใช้ชื่อว่า “Spark Program” และได้มีการเพิ่มระบบตั๋วเพื่อให้ผู้ใช้งานที่เป็น Host สามารถสร้างรายได้จากการจัดรายการได้อีกด้วย

Twitter พยายามทำหลาย ๆ อย่างเพื่อให้แพลตฟอร์มของตัวเองมีความหลากหลายมากขึ้นแล้วต่อสู้กับแพลตฟอร์มอื่นได้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะทำได้ดีเสียด้วย โดยการเปิดโอกาสให้กับผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้งาน Twitter Spaces นั้นคงจะสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้งานบน Twitter เลยที และด้วยฟีเจอร์ดังกล่าวคงจะทำให้ทวิตเตอร์นั้นสามารถสู้กับ Clubhouse ได้บ้างหรืออาจจะดีกว่าแต่อย่างไรก็ตามทาง Clubhouse ก็มีการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ด้วยเช่นเดียวกัน

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก The Verge

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit 
เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Twitter เพิ่มฟีเจอร์ใหม่

Twitter

Twitter เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ “Soft Block”

Twitter เป็นสื่อสังคมออนไลน์รูปแบบหมุนที่ถ้าหากว่าผู้ใช้งานต้องการที่จะติดตามเนื้อหาประเภทใดก็ตามจะต้องทำการติดแฮชแท็กเพื่อทำการค้นหาเนื้อหาประเภทนั้น ๆ นอกจากนี้ยังติดตามคนที่สามารถเผยแพร่เนื้อหาดังกล่าวได้อีกด้วยทำให้ Twitter นั้นเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่ได้ถูกปิดกั้นมากนักแต่ก็ยังมีเครื่องมือไว้ให้สำหรับผู้ใช้งานในการควบคุมดูแลผู้ติดตามของตัวเองได้ด้วยเช่นเดียวกันเพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานนั้นต้องเจอกับปัญหาในการใช้งานต่าง ๆ นั่นเอง

บางครั้งผู้ที่มาติดตามก็อาจจะเข้ามาติดตามเพื่อปั่นป่วนหรือกลั่นแกล้งซึ่งบางครั้งอาจจะทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถใช้งาน Twitter ได้อย่างมีความสุขซึ่งผู้ใช้งานก็มีสิทธิ์ที่จะปิดกั้นผู้ติดตามที่เข้ามากระทำการดังกล่าวได้เช่นเดียวกันแต่บางครั้ง การปิดกั้นผู้ติดตามหรือการบล็อกผู้ติดตามก็อาจจะรุนแรงไปเสียหน่อยสำหรับในเรื่องบางเรื่องทาง Twitter จึงได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า “Soft Block”

“Soft Block” เป็นฟีเจอร์ที่มีลักษณะคล้ายกับการบล็อกผู้ติดตามเหมือนกันแต่ว่ามีความรุนแรงน้อยกว่าโดยผู้ติดตามที่ถูก Soft Block จะไม่สามารถเห็นเนื้อหาของผู้ที่กำลังติดตามอยู่ได้บนหน้า News feed ของทวิต แต่อย่างไรก็ตามพวกเขายังสามารถจะส่งข้อความไปหาผู้ที่กำลังติดตามอยู่ได้ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นเนื้อหาต่าง ๆ ก็ตามที แถมผู้ที่ถูก Soft Block จะไม่ได้รับการแจ้งเตือนว่าถูกปิดกั้น ถึงแม้ว่าเขากำลังติดตามอยู่ก็ตามที ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวนั้นช่วยให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถที่จะควบคุมดูแลผู้ที่ติดตามผู้ใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์ “Soft Block” ได้ถูกนำมาใช้งานหลังจากที่ได้มีการทดลองเป็นระยะเวลา 1 เดือน

จากฟีเจอร์ “Soft Block” แล้ว Twitter ก็ได้มีการออกเครื่องมือที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานต้องเผชิญหน้ากับข้อความที่มีความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นการเหยียบเชื้อชาติสีผิวหรือการคุกคามต่าง ๆ โดยเป็นเครื่องมือในรูปแบบ The heads-up tool ที่จะคอยเตือนให้ผู้ใช้งานพูดคุยกันด้วยความสุภาพ โดยได้มีการทดสอบทั้งในระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ซึ่งฟีเจอร์ได้มีการออกมาในช่วงเวลาเดียวกับที่ Twitch แพลตฟอร์ม Stream ชื่อดังที่ออกเครื่องมือมาเพื่อป้องกันการคุกคามสำหรับสตรีมเมอร์

การที่เราเข้าสู่โลกสังคมออนไลน์นั้นทำให้เราได้พบเจอกับคนมากมายซึ่งก็เป็นทั้งเพื่อนและคนที่เพิ่งรู้จักรวมถึงคนที่ไม่รู้จัก ทำให้เราไม่สามารถรู้นิสัยของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดได้ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาถ้าหากว่าไม่ได้มีการควบคุมดูแลบางคนเข้ามาทำความรู้จักเพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่างบางคนเข้ามาเพื่อปั่นป่วนหรือกลั่นแกล้งการที่สื่อสังคมออนไลน์มีเครื่องมือที่สามารถควบคุมดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ก็คงจะทำให้การใช้งานสื่อสังคมออนไลน์นั้นมีความปลอดภัยมากขึ้น

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Twitter ปลอดภัยเมื่อผู้ใช้งานช่วยกัน

Twitter

เพื่อให้เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีระเบียบและเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมากขึ้น Twitter ได้มีการกำจัดข่าวปลอมไปเป็นจำนวนมาก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Twitter หนึ่งในสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกกำลังดำเนินการที่จะลดและกำจัดข่าวปลอมออกไปให้ได้มากที่สุดเนื่องจากในปัจจุบันนี้การมีคู่เข้ามาใช้งานจำนวนมากทำให้เนื้อหาที่ออกมาในสื่อสังคมออนไลน์นั้นไม่ได้เป็นเนื้อหาที่ถูกต้อง 100% บางคนเข้ามาใช้งาน Twitter เพื่อหวังผลประโยชน์อะไรบางอย่างจึงได้มีการสร้างเนื้อหาปลอมขึ้นมาทำให้คนอื่นหลงเชื่อ หรือแม้แต่การรีทวิตบางครั้งผู้ใช้งานบางคนอาจจะไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลของข่าวสารได้รอบคอบทำให้บางครั้งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงก็ได้ถูกเผยแพร่ออกมา และข่าวคราวที่เป็นข้อมูลเท็จจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่ไม่มีความรู้มากพอ หรือผู้ใช้งานที่เพิ่งเข้ามาเริ่มใช้งาน

เพื่อให้เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีระเบียบและเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมากขึ้น Twitter ได้มีการกำจัดข่าวปลอมไปเป็นจำนวนมากแล้วแต่ก็ยังไม่หมดสักทีเดียว ทำให้ในตอนนี้อาจจะยังมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากข่าวปลอมอยู่ Twitter จึงได้สร้างตัวเลือกใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นวิธีการในการกำจัดข่าวหรือข้อมูลเนื้อหาที่ไม่เป็นความจริงออกไปจากแพลตฟอร์มของตนเอง โดยคราวนี้ Twitter นั้นจะให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถมีส่วนช่วยเหลือในการรายงานข่าวปลอมต่าง ๆ ด้วย

โดย Twitter ได้มีประกาศมาเมื่อในวันอังคารที่ผ่านมาว่าจะมีการทดสอบฟีเจอร์ใหม่เกี่ยวกับเรื่องการรายงานข้อมูลที่เป็นเท็จในบางพื้นที่ตัวอย่างเช่นประเทศสหรัฐอเมริกา, เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย เมื่อผู้ใช้งานสงสัยว่าเนื้อหาที่ได้มีการทวิตออกมานั้นอาจจะเป็นเนื้อหาที่ไม่เป็นความจริงก็จะมีข้อความแสดงให้เห็นเป็นตัวเลือกว่า “ It’s misleading” โดยทาง Twitter จะไม่มีการกระทำการใดๆ กับการรายงาน แต่จะเป็นการที่ผู้ใช้งานช่วยให้ Twitter นั้นสามารถขยายขอบเขตต่างๆ รวมไปถึงความเร็วในการทำงานเกี่ยวกับเนื้อหาที่เป็นเท็จ

ที่ผ่านมา Twitter นั้นมักถูกใช้เป็นช่องทางในการแพร่กระจายข่าวสารต่างๆ ที่ไม่เป็นจริงไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือเรื่องวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ซึ่งส่งผลเสียเป็นอย่างมากให้กับประเทศสหรัฐ ทำให้โจ ไบเดนนั้นถึงกับต้องมีการออกมาจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้และได้มีการสั่งให้สื่อสังคมออนไลน์ประเภทต่างๆ นั้นช่วยทำการลดจำนวนข่าวปลอมให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้ส่งผลกระทบมากไปกว่านี้

ที่สำคัญเลยสื่อสังคมออนไลน์นั้น มีการใช้งานไปทั่วโลกดังนั้นปัญหาจึงไม่ได้เกิดแค่ในบางพื้นที่ถ้าหากว่ามีข้อมูลปลอมหลุดออกมา มันส่งผลกระทบไปทั่วโลกเลยทีเดียว ซึ่งในช่วงเวลานี้ก็ยิ่งส่งผลกระทบที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราก็ควรที่จะช่วยกันพิจารณาข่าวสารต่างๆ ก่อนที่จะแบ่งปันไปให้คนอื่นๆ ได้รับรู้กันด้วยเพื่อที่จะลดผลกระทบที่จะตามมา

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก CNN

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  
เวปไซด์ getup-it.com

Tiktok ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ “Tiktok story”

Tiktok

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีแอปพลิเคชันประเภทสื่อสังคมออนไลน์เกิดขึ้นใหม่มากมายเลย ซึ่งแต่ละนั้นมีแอปพลิเคชันก็จะมีจุดเด่นภายในตัวเองทำให้สามารถดึงดูดผู้ใช้งานเข้าไปใช้งานได้ และการที่มีสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้นทำให้ผู้พัฒนาสื่อสังคมออนไลน์มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องแข่งขันกันพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมาเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานหน้าใหม่รวมไปถึงคงจำนวนผู้ใช้งานเดิมไว้ ทำให้เกิดการคัดลอกรูปแบบฟีเจอร์ของกันและกัน

Tiktok เป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่ได้มีการคัดลอกฟีเจอร์ของ Instagram มาใช้ โดยฟีเจอร์ใหม่ของ Tiktok ที่ถูกคัดลอกมานั้นจะมีชื่อว่า “Tiktok story” ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับการทำงานของ Instagram Story ทั้งหมดเลยทีเดียว โดย Tiktok story ได้ถูกเปิดเผยโดย Matt Navarra ผู้ที่เป็นปรึกษา Social Media โดยฟีเจอร์นี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถเข้าไปดูเนื้อหาที่ถูกโพสต์โดยบัญชีที่พวกเขาได้ติดตามได้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง

ซึ่งจริง ๆ แล้วฟีเจอร์ดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นมาจากแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “Snapchat” แอปพลิเคชันที่มีลักษณะเด่นในการรูปภาพรวมไปถึงคลิปวิดีโอ Instagram ได้นำฟีเจอร์นี้มาทำตามเป็นฟีเจอร์ใหม่ของตนเองและก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้ หลังจากนั้น Twitter ก็นำไปทำตามโดยใช้ชื่อว่า “Twitter Fleet” แล้วก็ดูเหมือนว่าจะปิดตัวลงในเร็ววันนี้เนื่องจากไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควรหลังจากเปิดตัวมาเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลาที่เปิดตัวมานั้นทาง Twitter ก็พยายามที่จะเพิ่มลูกเล่นเข้าไปเพื่อให้ผู้ใช้งานเข้ามาใช้งานเพิ่มไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์, รูปภาพ gif และ ข้อความสี แต่ก็ยังไม่สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้

ในลักษณะของการคัดลอกฟีเจอร์จากสื่อสังคมออนไลน์ประเภทต่าง ๆ นั้นเราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในปัจจุบันนี้ YouTube Short และ Instagram Reels ก็เป็นฟีเจอร์ที่ได้แนวคิดมาจาก Tiktok หรือว่าจะเป็น Twitter Spaces และ Facebook Live Audio ที่มีต้นแบบมาจากแอปพลิเคชัน น้องใหม่อย่าง Clubhouse แม้กระทั่ง Onlyfans ที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่จำกัดการรับชมผู้ที่จะเข้าไปรับชม Onlyfans ได้นั้นจำเป็นที่จะต้องชำระเงินสมัครสมาชิกเพื่อจะเข้าไปติดตามเนื้อหาต่าง ๆ บุคคลภายในนั้นโพสต์ ในเคสนี้ Twitter ก็นำมาทำตามด้วยเช่นเดียวกันโดยใช้ชื่อว่า Twitter Superfollowers

ในอนาคตเราคงจะได้เห็นแบบฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์นั้นได้มีการออกดีเจอใหม่ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่จะเป็นในรูปแบบไหนนั้นเราคงต้องมาติดตามดูกัน ซึ่งก็ต้องดูด้วยว่าฟีเจอร์ใหม่ที่ออกมานั้นจะสามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้มากน้อยเพียงใด ถ้าหากว่าไม่ประสบความสำเร็จก็คงจะต้องปิดตัวไปเหมือน Twitter Fleet

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก BBC

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  
เวปไซด์ getup-it.com

Twitter จับมือกับสื่อดังเพื่อกำจัดข่าวที่มีข้อมูลเท็จ

Twitter

ในโลกอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ในทุก ๆ วันมีข้อมูลข่าวสารออกมาอย่างแพร่หลายอาจจะออกมาจากเพจสำนักข่าวต่าง ๆ หรืออาจจะมีการแชร์ต่อกันของผู้ใช้งานซึ่งข้อมูลเหล่านั้นก็มีทั้งข้อมูลที่เป็นความจริงและข้อมูลที่เป็นเท็จปะปนกันไป ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ใช้งานนั้นมีความสับสนได้ถ้าหากว่ารับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ตรงกัน โดยปัญหาข่าวปลอมนั้นเป็นปัญหาที่ปัจจุบันนี้ต้องเร่งแก้ไขให้ได้เร็วที่สุดเพราะในช่วงวิกฤตแบบนี้ข้อมูลข่าวสารควรจะเป็นข้อมูลที่รวดเร็วและถูกต้องมากที่สุด โดย Twitter ก็ได้มีการวางแผนที่จะทำให้ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ออกไปเป็นความจริงให้ได้มากที่สุดโดยทาง Twitter นั้นได้มีการจับมือกับสื่อสำนักข่าวชื่อดังอย่าง Reuters และ Associated Press

โดยสำนักข่าวที่ร่วมมือกับ Twitter นั้นจะช่วยกันให้บทความและข้อมูลเบื้องหลังต่าง ๆ กับทาง Twitter ซึ่งก็น่าจะช่วยให้สามารถลดข่าวพี่มีข้อมูลไม่ถูกต้องได้ไม่มากก็น้อย และการร่วมมือในครั้งนี้ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ในแพลตฟอร์มนั้นจะเป็นข้อมูลที่รวดเร็วและเป็นความจริงมากที่สุด

ซึ่งการร่วมมือกันระหว่าง Twitter และสื่อสำนักข่าวอย่าง Reuters และ Associated Press นั้น เป็นการร่วมมือกันเป็นครั้งแรกเพื่อที่จะโปรโมทข้อมูลที่มีความถูกต้องบนแพลตฟอร์มซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ทาง Twitter นั้นจะเริ่มต้นการทำ Content ในภาษาอังกฤษ

Hazel Baker หัวหน้าฝ่าย UGCของ Reuters บอกว่า “ความจริง, ความรวดเร็ว และ ความเป็นกลางถือว่าเป็นหัวใจหลักของ Reuters ที่ทำกันในทุกๆ วัน” เพื่อที่จะทำให้บริษัทนั้นหยุดการเผยแพร่ของข่าวปลอม เช่นเดียวกับ Tom Januszewski รองประธาน Associated Press ของฝ่าย global business development ก็บอกว่า “บริษัทได้มีการทำงานกับ Twitter อย่างใกล้ชิดมาอย่างยาวนาน” ควบคู่กับแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อที่จะขยายการเข้าถึงข่าวสารที่เป็นความจริงออกไป

การทำงานร่วมกันจะทำให้สามารถควบคุมความเป็นจริงของข่าวสารได้มากเลยทีเดียว และคงทำให้ Twitter กลายเป็นสื่อสังคมออนไลน์ท่น่าเชื่อถือมากขึ้นและปลอดภัยมากขึ้นแน่นอน และในอนาคตเราคงได้เห็นสื่อสังคมออนไลน์คงจะป้องกันข่าวปลอมได้มากขึ้น

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก  Businesstoday

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  
เวปไซด์ getup-it.com