อนาคตของ Tiktok ในอเมริกายังไร้คำตอบ หลัง CEO เข้าสภาคองเกรส

อนาคตของ Tiktok ในอเมริกายังไร้คำตอบ หลัง CEO เข้าสภาคองเกรส

เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทยที่ผ่านมา CEO ของ Tiktok คุณ Shou Chew ได้มีการเข้าพูดต่อหน้าสภาคองเกรส เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ของชาวอเมริกา หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการต่อต้านTiktok ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการเมืองระหว่างประเทศ โดย Tiktok เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท ฺBytedance ในประเทศจีน ทำให้ Tiktok ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการล้วงข้อมูลส่วนตัวของประชาชนในประเทศสหรัฐอเมริกา

ภาพ Pixabay/solenfeyissa

คุณ Shou Chew ก็ได้ตอบคำถามหลายประเด็นในสภาเริ่มต้นจากเขาได้มีการปฏิเสธว่าบริษัท Bytedance ไม่ได้เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศจีนแต่เป็นบริษัทในระดับโลก ซึ่งไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลของลูกค้า และสำหรับในเรื่องของการเก็บบันทึกข้อมูลของผู้ใช้บริการในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้มีโปรเจคที่ชื่อว่า “Project Texas” ที่จะใช้ในการเก็บข้อมูลส่วนตัว โดย Project ดังกล่าวใช้เงินมากกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐและมีการร่วมงานกับบริษัท Oracle Corp.

ถัดจากเรื่องความปลอดภัยในการล้วงข้อมูลทางสภาคองเกรสก็ได้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งาน โดยทางสื่อสังคมออนไลน์ปล่อยให้มีเนื้อหาที่มีความรุนแรงถูกเผยแพร่ และยังไม่มีมาตรการควบคุมความปลอดภัยของกลุ่มเยาวชนด้วย ซึ่งทาง Shou Chew ก็ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยบอกว่าTiktok มีมาตรการดูแลเนื้อหาภายในสื่อสังคมออนไลน์อย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อกลุ่มเยาวชน และสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีจะถูกตั้งค่าบัญชีให้เป็นบัญชีส่วนตัวและจะปิดรับการส่งข้อความโดยอัตโนมัติ

ภาพ Pixabay/Natalie_voy

ประเด็น 2 ประเด็นที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นประเด็นหลักที่ได้ถูกพูดถึงในสภาคองเกรสและสร้างความกดดันให้กับ CEO ของบริษัทเป็นอย่างมากแต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่ายังไม่มีคำตอบเกี่ยวกับอนาคตของ Tiktok ว่าจะถูกระงับการใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ในส่วนนี้ก็คงต้องติดตามข่าวกันต่อไป และถึงแม้ว่ารัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาจะต่อต้านการใช้งาน Tiktok ในประเทศแต่กลุ่มประชาชนบางส่วนก็สนับสนุน Tiktok อยู่เช่นเดียวกัน

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok ขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกอีกครั้ง

Tiktok ขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกอีกครั้ง

ในแต่ละปีมีผู้พัฒนาแอปพลิเคชันออกมามากมายให้เราได้ใช้งานกันแต่การที่จะเป็น Application ที่ได้รับความนิยมและถูกใช้งานกันไปทั่วโลกนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากเลยทีเดียวในปัจจุบันนี้ Application ที่โดดเด่นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารรวมถึงดูสื่อบันเทิงต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็น Application

ที่ต้องมีติดโทรศัพท์มือถือไว้เลยก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, Snapchat หรือว่า Tiktok ทุกคนคงจะมีแอปพลิเคชันเหล่านี้อยู่ในเครื่องโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าจะมีทุกคนแต่ความนิยมในการใช้งานก็แตกต่างกันออกไปแล้วแต่คนในปีนี้ในช่วงไตรมาสแรก Tiktok ก็อาจจะเป็นหนึ่ง App ยอดนิยมเพราะว่าสามารถทำยอดดาวน์โหลดได้มากที่สุด

ในไตรมาสแรกของปี 2022 แอปTiktok สื่อสังคมออนไลน์แนวคลิปวิดีโอสั้นที่ถูกพัฒนาจากผู้พัฒนาชาวจีนกลายเป็นแอปที่มียอดการดาวน์โหลดสูงสุดแซงหน้า Instagram ของ Meta โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นการรายงานจาก app market intelligence firm Sensor Tower ถึงแม้ว่าจะถูกระงับไม่ให้ใช้งานในประเทศอินเดียก็ตาม Tiktok ก็ยังประสบความสำเร็จในหลายๆ ประเทศทั่วโลก

โดยในปีนี้ Tiktok มียอดการดาวน์โหลดไปมากกว่า 175 ล้านครั้งแซงหน้า Instagram Facebook และ WhatsApp ที่อยู่ในอันดับที่ 2, 3 และ 4 ตามลำดับ โดย Instagram มียอดการดาวน์โหลดมากกว่า 150 ล้านครั้งซึ่งมากกว่า Facebook ส่วนทาง WhatsApp นั้นมียอดการดาวน์โหลดอยู่ประมาณ 125 ล้านครั้ง สวนทาง Twitter ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มียอดการดาวน์โหลดน้อยกว่า 50 ล้านครั้ง

การนับจำนวนทั้งหมดนี้เป็นการรวบรวมผ่านทาง App store และ Google Play เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Tiktok สามารถทำยอดการดาวน์โหลดได้เกิน 70 ล้านค้างไปเป็นครั้งที่ 3 แล้วในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี โดยบริษัทนั้นมีการเติบโตมากกว่า 11% เมื่อเทียบเป็นไตรมาสต่อไตรมาสในทวีปเอเชีย

และจากยอดการดาวน์โหลดครั้งนี้คงแสดงให้เห็นแล้วว่า Tiktok เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีอิทธิพลในตลาดอย่างมากเลยทีเดียวแต่หลายคนใช้มันในการสร้างสรรค์คลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่น่าติดตามส่วนบางคนใช้ช่องทางนี้เป็นช่องทางการขายของและอีกหลายคนใช้ในการสอน และก็มีจำนวนไม่น้อยเลยที่ใช้ Tiktok ในการสร้างรายได้เพื่อหาเลี้ยงชีพ

ภาพทั้งหมดจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Gadgets360

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok ออกไป สมาชิกรัฐสภาสั่ง Apple และ Google ให้นำแอปออกจากร้านค้า

Tiktok ออกไป สมาชิกรัฐสภาสั่ง Apple และ Google ให้นำแอปออกจากร้านค้า

ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนเป็น 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ในโลกและเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจ โดยทั้งสองประเทศมักจะมีประเด็นความขัดแย้งให้ได้ติดตามกันเป็นประจำ หนึ่งในนั้นก็คือปัญหาความมั่นคงระดับชาติจาการใช้งานสังคมออนไลน์

เมื่อสมัยรัฐบาลของโดนัลด์ท รัมป์ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังอย่าง Tiktok ที่ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท ByteDance ยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน ว่าเป็นแอปพลิเคชันที่อันตรายและอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือลักษณะใบหน้า ถึงแม้ว่าจะมีกระแสต่อต้าน แต่ในรัฐบาลของโจ ไบเดนก็ได้มีการยกเลิกคำสั่งแบน Tiktok และ WeChat ทำให้ชาวอเมริกันยังสามารถใช้งานแอปทั้ง 2 ได้จนถึงปัจจุบันนี้

 ภาพ Pixabay

หลังจากข่าวเงียบหายไป กระแสการต่อต้านก็กลับมา Michael Bennet สมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาพรรคเดโมแครตจากรัฐโคโลราโด ได้มีการเขียนจดหมายถึง Tim Cook ผู้บริหารของ Apple และ Sundar Pichai ผู้บริหารของ Google เพื่อให้นำ Tiktok และ WeChat ออกจากร้านค้า App Store เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีความเคลื่อนไหวของทาง Google และ Apple ออกมา ถึงแม้ตอนนี้จะมีการพยายามให้ระงับการใช้งานแอปพลิเคชันจากจีนทั่วทั้งประเทศแต่ก็ยังทำได้แค่บางพื้นที่ เช่นในรัฐโอไฮโอ, นิว เจอร์ซีย์ มีการสั่งแบนแอป Tiktok จากอุปกรณ์ภายในพื้นที่ของรัฐ ตามมาด้วยรัฐเวอร์จิเนียที่ห้ามใช้งาน Tiktok และ WeChat เมื่อ เมื่อปลายปีที่ผ่านมารัฐจอร์เจียก็มีการสั่งระงับการใช้งานแอปจากจีนด้วยเช่นเดียวกัน

 ภาพ Pixabay

ท่ามกลางความกดดันทางบริษัทผู้พัฒนาก็รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของรัฐบาลในบางรัฐของอเมริกา ซึ่งทางโฆษกของบริษัทก็ชี้แจงว่าทางบริษัทพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาและพัฒนาตามแนวทางของกฎระเบียบในแต่ละประเทศ และจะเพิ่มความปลอดภัยให้กับแพลตฟอร์มในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ Shou Zi Chew เจ้าของ Tiktok จะมีการทำให้การยืนยันในการประชุมที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อชี้แจงข้อมูลต่าง ๆ และแก้ไขประเด็นที่ถูกโจมตี

ถึงแม้ว่าจะไม่กระทบกับผู้ใช้ในประเทศไทย แต่การสูญเสียฐานผู้ใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีประชากรเป็นจำนวนมากนั้น ก็ทำให้ Tiktok เสียรายได้ไปไม่น้อยเลยทีเดียว สุดท้ายก็คงต้องมาติดตามดูว่าประเทศอเมริกาจะสามารถใช้งานแอปจากจีนได้อีกหรือไม่ แต่ในทางกลับกันตอนนี้ประเทศจีนก็ไม่สามารถใช้ Facebook ได้เช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก Cnet

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok ก็ไม่รอดโดนตรวจสอบผลกระทบสุขภาพจิต

Tiktok ก็ไม่รอดโดนตรวจสอบผลกระทบสุขภาพจิต

ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะกลายเป็นสิ่งสำคัญของการใช้ชีวิตประจำวันทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างง่ายดายผ่านโลกของอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์แต่ว่ามันก็ได้ทราบผลกระทบต่อเราไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวหลายๆ คนสุขภาพจิตเสียเนื่องจากใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการเสพข่าวสารต่างๆ มากเกินไปในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเราได้เห็น Facebook, Instagram, Twitter ถูกกล่าวหาว่าเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้งานโดยเฉพาะผู้ใช้งานที่อยู่ในกลุ่มวัยเด็ก ซึ่งล่าสุดก็ดูเหมือนว่าสื่อสังคมออนไลน์ของประเทศจีนก็จะไม่รอดด้วยเช่นเดียวกัน Tiktok ถูกตรวจสอบเนื้อเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพจิตของวัยเด็ก

ภาพ Pixabay

สมาคมอัยการสูงสุดของรัฐ California, Florida, Kentucky, และ รัฐอื่น ๆ ได้มีการตรวจสอบแอปพลิเคชันชื่อดังจากประเทศจีนอย่าง Tiktok เกี่ยวกับเนื้อเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายของวัยเด็ก โดยจะเป็นการตรวจสอบรูปแบบ, การทำงาน และ ตลาดพี่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ใช้งานวัยเด็ก

ระบบการทำงานของ Tiktok ก็เหมือนกับแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ประเภทอื่น โดยมันจะมีระบบที่จะคอยหาเนื้อหาที่ผู้ใช้งานชื่นชอบทำให้ผู้ใช้งานนั้นมีการใช้งานอยู่ตลอดเวลานั่นเอง ซึ่งวิธีการดังกล่าวก็เป็นวิธีการที่จะถูกตรวจสอบด้วยว่ามีความเกี่ยวข้องกับการดึงดูดผู้ใช้งานวันเด็กให้เข้ามาใช้งานมากขึ้นหรือไม่รวมถึงเวลาการใช้งานมีการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นแค่ไหน ทาง Tiktok ก็เคยโดนตรวจสอบเรื่องนี้มาแล้วด้วยเช่นเดียวกัน

ภาพ Pixabay

ในปี 2019 Tiktok ได้มีการจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงินกว่า 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากมีการละเมิดกฎระเบียบความเป็นส่วนตัวของวัยเด็ก (Children’s Privacy) เนื่องจากมีเด็กหลายคนที่เข้ามาใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองและจากปัญหาดังกล่าวทำให้ทาง Tiktok ถูกจำกัดอายุการใช้งานโดยผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีแบบไม่สามารถอัปโหลดคลิปวิดีโอการคอมเม้นในวิดีโอต่าง ๆ นั้นเอง

ภาพ Pixabay

โฆษกของ Tiktok ก็ได้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยเขาบอกว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากเลยทีเดียวที่ทางสำนักอัยการมีการตรวจสอบเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเยาวชนที่ใช้งานในแอปพลิเคชันเพราะพวกเราจะได้พัฒนาสื่อสังคมออนไลน์ของพวกเราให้มีความปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น นอกจาก Tiktok แล้วสื่อสังคมออนไลน์ประเภทอื่น ๆ ก็จะถูกตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน สุดท้ายก็คงต้องมาติดตามดูว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok ขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกอีกครั้ง

Tiktok ขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกอีกครั้ง

ในแต่ละปีมีผู้พัฒนาแอปพลิเคชันออกมามากมายให้เราได้ใช้งานกันแต่การที่จะเป็น Application ที่ได้รับความนิยมและถูกใช้งานกันไปทั่วโลกนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากเลยทีเดียวในปัจจุบันนี้ Application ที่โดดเด่นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารรวมถึงดูสื่อบันเทิงต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็น Application ที่ต้องมีติดโทรศัพท์มือถือไว้เลยก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, Snapchat หรือว่า Tiktok ทุกคนคงจะมีแอปพลิเคชันเหล่านี้อยู่ในเครื่องโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าจะมีทุกคนแต่ความนิยมในการใช้งานก็แตกต่างกันออกไปแล้วแต่คนในปีนี้ในช่วงไตรมาสแรก Tiktok ก็อาจจะเป็นหนึ่ง App ยอดนิยมเพราะว่าสามารถทำยอดดาวน์โหลดได้มากที่สุด

ในไตรมาสแรกของปี 2022 แอปTiktok สื่อสังคมออนไลน์แนวคลิปวิดีโอสั้นที่ถูกพัฒนาจากผู้พัฒนาชาวจีนกลายเป็นแอปที่มียอดการดาวน์โหลดสูงสุดแซงหน้า Instagram ของ Meta โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นการรายงานจาก app market intelligence firm Sensor Tower ถึงแม้ว่าจะถูกระงับไม่ให้ใช้งานในประเทศอินเดียก็ตาม Tiktok ก็ยังประสบความสำเร็จในหลายๆ ประเทศทั่วโลก โดยในปีนี้ Tiktok

มียอดการดาวน์โหลดไปมากกว่า 175 ล้านครั้งแซงหน้า Instagram Facebook และ WhatsApp ที่อยู่ในอันดับที่ 2, 3 และ 4 ตามลำดับ โดย Instagram มียอดการดาวน์โหลดมากกว่า 150 ล้านครั้งซึ่งมากกว่า Facebook ส่วนทาง WhatsApp นั้นมียอดการดาวน์โหลดอยู่ประมาณ 125 ล้านครั้ง สวนทาง Twitter ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มียอดการดาวน์โหลดน้อยกว่า 50 ล้านครั้ง การนับจำนวนทั้งหมดนี้เป็นการรวบรวมผ่านทาง App store และ Google Play เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Tiktok สามารถทำยอดการดาวน์โหลดได้เกิน 70 ล้านค้างไปเป็นครั้งที่ 3 แล้วในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี โดยบริษัทนั้นมีการเติบโตมากกว่า 11% เมื่อเทียบเป็นไตรมาสต่อไตรมาสในทวีปเอเชีย

และจากยอดการดาวน์โหลดครั้งนี้คงแสดงให้เห็นแล้วว่า Tiktok เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีอิทธิพลในตลาดอย่างมากเลยทีเดียวแต่หลายคนใช้มันในการสร้างสรรค์คลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่น่าติดตามส่วนบางคนใช้ช่องทางนี้เป็นช่องทางการขายของและอีกหลายคนใช้ในการสอน และก็มีจำนวนไม่น้อยเลยที่ใช้ Tiktok ในการสร้างรายได้เพื่อหาเลี้ยงชีพ

ภาพทั้งหมดจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Gadgets360

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok คว้าแชมป์ App ยอดนิยมปี 2021

Tiktok

Tiktok เป็นแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์

ปีที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงเรื่องเทคโนโลยีก็มีออกมาให้เห็นมากมายเลยทีเดียวโดยเฉพาะในเรื่องของแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมาคนจำนวนมากมายใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนแม้เรื่องของความบันเทิงมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง ดูซีรีย์ ดูภาพยนตร์ และใช้ในการดูคลิปวีดีโอต่าง ๆ และอื่น ๆ และเรื่องความสะดวกสบายเหล่านี้ทำให้มีแอพพลิเคชั่นเกิดใหม่บนสมาร์ทโฟนมากมายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Tiktok, Facebook, Clubhouse และอื่น ๆ

ซึ่งความนิยมของแต่ละแอปนั้นก็จะมีแตกต่างกันออกไปและในปี 2021 ที่ผ่านมาแอพพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือแอปพลิเคชัน Tiktok ยอดการดาวน์โหลด 656 ล้านดาวน์โหลด ตามมาด้วย Instagram (545 ล้านดาวน์โหลด), Facebook(416 ล้านดาวน์โหลด), Whatapp (395 ล้าน download) ที่เป็นแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ที่อยู่ภายใต้ของบริษัท Meta สำหรับ Messenger นั้นมียอดการดาวน์โหลดเพียง 268 ล้านดาวน์โหลด และด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิดทำให้ผู้คนจำนวนมากมายต้องติดต่อสื่อสารกันบนโลกออนไลน์มากขึ้นแอปพลิเคชั่นอย่าง Zoom ก็ติดแอปยอดนิยมด้วยเช่นเดียวกันการดาวน์โหลดสูงถึง 300 ล้านดาวน์โหลดเลยทีเดียว 

ซึ่งข้อมูลยอดการดาวน์โหลดที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้นเป็นข้อมูลที่ทาง Apptopia เปิดเผยออกมาโดยเป็นการดึงข้อมูลมาจากยอดการดาวน์โหลดบน App Store 

และการที่ Tiktok  สามารถทำยอดการดาวน์โหลดได้สูงถึง 656 ล้านดาวน์โหลด ทำให้ Tiktok สามารถครองแชมป์ App ยอดนิยมได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และในปีนี้ก็มียอดการดาวน์โหลดสูงมากกว่าปีที่แล้วอีกด้วย 

หากว่าจะนับเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา Tiktok มียอดการดาวน์โหลดสูงถึง 94 ล้านดาวน์โหลดเลยทีเดียว เพิ่งตามมาด้วย Instagram ที่มีเพียง 64 ล้านดาวน์โหลด  เรียกได้ว่าแอพพลิเคชั่นคลิปวีดีโอสั้นจากประเทศจีนนี้สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้อย่างถล่มทลายตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและในปีนี้ก็คงจะได้รับความนิยมมากขึ้นอีก คงจะมีการเปิดเผยฟีเจอร์ใหม่ๆออกมาให้ผู้ใช้งานได้ใช้งานกันอย่างแน่นอนเลยทีเดียว

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามในปีนี้แอพพลิเคชั่นอื่น ๆ ก็คงไม่ยอมตกเป็นรอง Tiktok อย่างแน่นอนและคงมีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆออกมาให้ผู้ใช้งานได้ใช้งานกัน น่าติดตามมากเลยว่าในปีนี้จะมีแอพพลิเคชั่นเกิดใหม่อีกมากมายแค่ไหนและแอพพลิเคชั่นใดที่จะสามารถครองแชมป์ App ยอดนิยมในปีนี้ไปได้ซึ่งก็คงต้องมาติดตามชมกันในช่วงปลายปี

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet 

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok จับมือ Disney

Tiktok

Tiktok จับมือ Disney นำเสียงตัวละครลงฟีเจอร์ text-to-speech

Tiktok แอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังได้มีการจับมือกับ Disney ยักษ์ใหญ่ในวงการภาพยนตร์ในการสร้างฟีเจอร์ text-to-speech ซึ่งจะทำให้ข้อความของผู้ใช้งานนั้นถูกอ่านออกเสียงโดยตัวละครของ Disney ไม่ว่าจะเป็น Lilo และ Stitch, C-3PO, Stormtrooper จาก Star Wars หรือว่า Rocket Raccoon จาก Guardians of the Galaxy ซึ่งหลายๆ ตัวคงจะเป็นตัวละครที่หลาย ๆ คนชื่นชอบและมีความทรงจำกับมัน

ซึ่งการใช้งานฟีเจอร์ text-to-speech ของ Disney ภายในแอปพลิเคชัน Tiktok นั้นก็เหมือนกับการใช้งานฟีเจอร์ text-to-speech ทั่วไปคือหลังจากที่ได้มีการอัดคลิปวิดีโอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นพิมพ์ข้อความที่ต้องการใช้งานฟีเจอร์ text-to-speechหลังจากนั้นกด text-to-speech เพื่อเลือกเสียง ซึ่งฟีเจอร์ text-to-speech ที่อ่านโดยตัวละครของ Disney นั้นจะปฏิเสธไม่อ่านคำที่เกี่ยวกับในเรื่องการคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็น “เลสเบี้ยน” (Lesbian) , “เกย์” (Gay) หรือ “กะเทย” (Queer) ซึ่งจากการทดลองโดยใช้เสียง Rocket Raccoon ก็ดูเหมือนว่าตัวละครดังกล่าวจะข้ามการพูดถ้อยคำเหล่านี้ไปเลยแต่กลับไม่มีปัญหากับคำว่า “คนข้ามเพศ” (Transgender) หรือ “คนสองเพศ” (Bisexual) ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกที่สำหรับฟีเจอร์ text-to-speech ที่เป็นเสียงตัวคนอื่นนั้นสามารถอ่านคำที่ได้กล่าวมาข้างต้นอย่างชัดเจนแต่สำหรับตัวละครของ Disney จะมีการข้ามคำดังกล่าวไปเลย

ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือความตั้งใจของ Tiktok ที่ได้มีการละคำที่เกี่ยวข้องกับการคุกคามหรือการเหยียดเพศไป แต่มันเป็นสิ่งที่ดีมากที่จะทำให้แพลตฟอร์มนั้นเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ๆ ก็ตาม และสำหรับผู้ใช้งานที่เป็นเด็กพวกเขาก็คงไม่อยากให้ตัวละครที่พวกเขาชื่นชอบนั้นใช้คำพูดดังกล่าวในการคุกคามทางด้านเพศหรือมีจุดประสงค์ในการเหยียดเพศกลุ่ม LGBT+ อย่างแน่นอน

สำหรับ Disney ก็มักมีมุมมองในแง่ไม่ดีเกี่ยวกับกลุ่ม LGBT+ เพราะว่าถ้าได้ลองสังเกตตัวละครตัวร้ายๆ ตัวในภาพยนตร์อนิเมชั่นของ Disney แล้วจะพบว่าตัวละครหลายตัวนั้นมีการแต่งหน้าแต่งตาที่คล้ายคลึงกับกลุ่ม LGBT+ ส่วนทาง Tiktok ก็เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเพศเช่นเดียวกัน การที่ทาง Disney และ Tiktok ไม่นำคำพูดที่เกี่ยวกับกลุ่มหลากหลายทางเพศมาใช้งานกับตัวละคร Disney ก็เป็นเรื่องที่สมควรทำเป็นอย่างมากเลยทีเดียวเพื่อก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ ที่เคยมีมาในอดีต

ซึ่งการนำเสียงของตัวละคร Disney มาใส่ในฟีเจอร์ text-to-speech เป็นการเฉลิมฉลองของ Disney ในช่วง Disney Plus Day Promotion นั่นเองและในอนาคตคงจะมีการเพิ่มเสียงตัวละครใหม่ ๆ เข้ามา ให้ผู้ใช้งานได้เลือกเล่นกันอย่างแน่นอนเลยทีเดียว

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก The Verge

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ความนิยมดีต่อเนื่อง Tiktok

Tiktok

ความนิยมดีต่อเนื่อง Tiktok มีผู้ใช้งานเกิน 1 พันล้านต่อเดือน

เรียกได้ว่ากระแสไม่เคยตกสำหรับแอปพลิเคชันชื่อดังจากประเทศจีนอย่าง Tiktok หลังจากที่สามารถกลายเป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมในระดับโลกได้ก็ยังสามารถคงความนิยมนั้นได้ไว้อย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว ตอนนี้ Tiktok มีผู้ใช้งานต่อเดือนมากกว่า 1 พันล้านบัญชี

ซึ่งจากการที่ข้อมูลดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยบน Blog Post ของทาง Tiktok ก็ได้มีการเฉลิมฉลองอีกครั้งบนทวิตเตอร์ ซึ่งทาง Tiktok นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแอปพลิเคชันที่สร้างความบันเทิง การเรียนรู้ และค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งทางบริษัทเองก็ออกมากล่าวใน Blog Post ด้วยว่า “พวกเราเป็นเกียรติที่ได้เป็นบ้านสำหรับคอมมูนิตี้ที่มีความหลากหลายของครอบครัว, ธุรกิจเล็ก ๆ และครีเอเตอร์

การเติบโตของ Tiktok นั้นเรียกได้ว่าเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเลยก็ว่าเพราะว่าในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมามีผู้ใช้งานต่อเดือนอยู่เกือบ 700 ล้านบัญชีซึ่งจำนวน 100 ล้านบัญชีนั้นอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิตและมีการประกาศล็อกดาวน์ในหลายๆ ประเทศยอดการดาวน์โหลด Tiktok ก็พุ่งสูงถึง 2 พันล้านการดาวน์โหลดจากทั่วโลก ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา Tiktok ก็ได้มีการอัปเดตฟีเจอร์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มเพื่อให้ผู้ใช้งานนั้นได้สร้างสรรค์คลิปวิดีโอได้ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มระยะเวลาให้สามารถอัปโหลดคลิปวิดีโอได้สูงสุด 3 นาที และด้วยความที่ความยาวของคลิปวิดีโอไม่ได้ยาวเกินไปมากนักเหมือนกับใน YouTube ทำให้คลิปวิดีโอต่าง ๆ ที่อยู่ใน Tiktok สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีและบางทีก็อาจจะดีกว่า YouTube ด้วยซ้ำ ซึ่งติดต่อก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าบางช่วง Tiktok สามารถมีระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้งานสูงกว่า YouTube เสียด้วยซ้ำ

แถมในประเทศสหรัฐอเมริกา Tiktok ยังถูกพัฒนาให้กลายเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ในการสมัครเข้าทำงานในบริษัทต่าง ๆ ที่จับมือเป็นพันธมิตรกับ Tiktok อีกด้วย ซึ่งการที่ Tiktok นั้นเข้ามาเป็นช่องทางในการรับสมัครงานทำให้รูปแบบในการสมัครงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเพราะว่าผู้สมัครจะสามารถแสดงความเป็นตัวตนได้มากกว่าการที่ส่งเอกสารและรอสัมภาษณ์สมัครงานเสียอีก เรียกว่าเป็นฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ด้วยความนิยมในระดับโลกในอนาคตเราคงจะได้เห็นว่า Tiktok มีการพัฒนาฟีเจอร์อื่น ๆ เพื่อเข้ามาทำให้ผู้ใช้งานทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่านั้นติดตามและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ภายในแพลตฟอร์มและอาจจะทำให้ Tiktok มีเอกลักษณ์ของตนเองที่ชัดเจนมากขึ้นซึ่งความแตกต่างจะทำให้สามารถดึงดูดผู้ใช้งานเข้ามาใช้ได้อยู่อย่างสม่ำเสมอ

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok เพิ่มฟีเจอร์ใหม่

Tiktok

Tiktok เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต

ต้องยอมรับว่าสื่อสังคมออนไลน์นั้นมีข้อดีมากมายทำให้เราได้ติดตามข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว พูดคุยกับเพื่อนที่อยู่ห่างไกลกัน ติดตามความบันเทิงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ต้องยอมรับว่าเราใช้อุปกรณ์สื่อสารหรือสมาร์ทโฟนของเรานั้นส่วนใหญ่ไปกับการเสพสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้บางครั้งการที่เราได้รับข่าวสารมากมายเข้ามาซึ่งเป็นทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ได้ดีมากนักก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตได้

แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้สื่อสังคมออนไลน์ในหลายแพลตฟอร์มก็ได้รับรู้ถึงปัญหาดังกล่าวและเร่งทำการแก้ไขหลังจากที่ Instagram นั้นได้รับผลวิจัยจาก Facebook ว่าแอปพลิเคชั่นนั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและกำลังหาทางแก้ไข ทางสื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังจากประเทศจีนอย่าง Tiktok ก็ได้มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อคนที่มีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่องก็มีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตายทาง Tiktok จึงได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวซึ่งตอนนี้ได้มีการอัปเดตให้ใช้ภายในแอปพลิเคชันแล้วโดยเมื่อผู้ใช้งานนั้นค้นหาคำว่า “Suicide” (ถ้าตัวตาย) ในช่องการค้นหา ทาง Tiktok จะมีการขึ้นเบอร์โทรศัพท์เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ไปปรึกษาเกี่ยวกับทางด้านสุขภาพจิต โดยในประเทศไทยเมื่อค้นหาถ้อยคำดังกล่าว ทาง Tikotok ก็จะขึ้นเบอร์โทรของกรมสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุขให้ เพื่อเป็นการให้คำปรึกษาสำหรับคนที่กำลังคิดสั้นนั่นเอง

ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้ก็คงจะช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของผู้ใช้งาน Tiktok ได้ดีมากเลยทีเดียวเพราะก่อนหน้านี้ก็ต้องยอมรับว่าผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในเรื่องของการเสพสื่อสังคมออนไลน์มากเกินไป และการออกฟีเจอร์ที่ช่วยเหลือเกี่ยวกับสุขภาพจิตขึ้นมานั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าในตอนนี้สื่อสังคมออนไลน์อย่าง Tiktok ก็ใส่ใจผู้ใช้งานไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว แล้วเป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นว่า Tiktok กำลังเดินหน้าสร้างแพลตฟอร์มให้เหมาะกับการใช้งานและเป็นมิตรมากขึ้น

และในอนาคตเราคงจะได้เห็นแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ นั้นออกมาขยับเขยื้อนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาในเรื่องสุขภาพจิตของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นในตอนนี้ถ้าหากรู้สึกว่าเราใช้สื่อสังคมออนไลน์มากเกินไปและรู้สึกว่าสุขภาพจิตเรากำลังนั้นกำลังย่ำแย่ลง การกำหนดระยะเวลาใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว เพราะว่าในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าเราใช้เวลาอยู่กับโลกเสมือนจริงมากกว่าใช้เวลาอยู่กับโลกแห่งความจริงเสียอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ลองกลับมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกแห่งความจริงมากยิ่งขึ้นมีความสุขกับผู้คนที่อยู่รอบกายเรามากกว่ามีความสุขกับคนที่อยู่บนหน้าจอ และใช้เวลาในการทำกิจกรรมส่วนใหญ่บนโลกแห่งความจริงให้มากกว่าบอลโลกออนไลน์เพียงเท่านี้สุขภาพจิตเราก็คงจะดีขึ้นมากแล้ว

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก BBC

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok ทดสอบระบบ Shopping Tab

Tiktok

Tiktok แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังของประเทศจีน

ในปัจจุบันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต หรือว่าการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ทำให้โลกออนไลน์นั้นกลายพื้นที่สำคัญอีกพื้นที่หนึ่ง นอกจากจะสร้างความบันเทิงให้กับผู้ใช้งานแล้วยังเป็นช่องทางที่สามารถจะทำให้ธุรกิจเติบโตนั้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในด้านของการทำ e-commerce

Tiktok แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังของประเทศจีน ได้มีการประกาศมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า Tiktok ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับ Shopify แพลตฟอร์ม e-commerce ที่ใช้ในการสร้างร้านค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งภายใน แพลตฟอร์มของ Tiktok ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ค้าขายภายในประเทศอเมริกา แคนาดารวมไปถึงสหราชอาณาจักร สามารถที่จะเชื่อมต่อลิงก์ผลิตภัณฑ์จาก Tiktok กับ Shopify ได้

โดย Shopping Tab จะอยู่บริเวณโปรไฟล์ Tiktok ของผู้ใช้งาน โดยจะมีรายการสินค้าแสดงขึ้นมาเมื่อผู้ใช้งานกดเข้าไปที่สินค้าที่ต้องการที่จะซื้อหรือต้องการที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมทาง Tiktok จะเชื่อมต่อไปยัง Shopify โดยทันที โดยการที่จะใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวนั้นผู้ใช้งาน Tiktok จำเป็นที่จะต้องมีบัญชี TikTok for Business และ Shopify ก่อน

โดยทาง Shopify จะเริ่มใช้งานฟีเจอร์นี้ในช่วงอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าในประเทศสหรัฐอเมริกาแคนาดาและสหราชอาณาจักร และหลังจากนั้นก็จะเริ่มเปิดใช้ในประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน

การเพิ่มฟีเจอร์ Shopping Tab เข้าไปจะทำให้ Tiktok กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีความเป็นธุรกิจมากขึ้นจากปกติจะเน้นในการสร้างความบันเทิงเสียมากกว่า แต่ว่าตลอดระยะเวลา Tiktok ก็มีส่วนช่วยในการดำเนินธุรกิจต่างๆ ด้วยเช่นเดียวกัน อินฟลูเอนเซอร์หลายคนใช้ช่องทางนี้ในการโปรโมทสินค้าและบริการต่าง ๆ จากสปอนเซอร์ ซึ่งก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้ผู้คนนั้นสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายมากขึ้น

การทำ Shopping Tab ของ Tiktok คงทำให้แพลตฟอร์ม มีความสามารถที่จะต่อสู้ในด้านทางธุรกิจกับแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ประเภทอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น เพราะว่าก่อนหน้านี้ทาง Facebook และ Instagram ก็ได้ทำให้แพลตฟอร์มของตนเองนั้นกลายเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถทำธุรกิจและทำ e-commerce ได้ โดยการอนุญาตให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถซื้อขายสินค้าต่าง ๆ ได้ภายในแอปพลิเคชัน และที่สำคัญการช้อปปิ้งออนไลน์นั้นถือว่ากลายเป็นส่วนสำคัญในยุคนี้เลยทีเดียว ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่คนนั้นใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้นทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์นั้นเติบโตขึ้นอย่างมาก และการที่สื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ นั้นต่างพากันออกมาสนใจในด้านนี้ทำให้นั้นสื่อสังคมออนไลน์แพลตฟอร์มของตนเองนั้นมีการเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยเช่นเดียวกัน

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก The Verge

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook