คีย์ลัดใหม่ใน Microsoft Word ทำงานง่ายขึ้นด้วย CTRL + Shift + V

คีย์ลัดใหม่ใน Microsoft Word ทำงานง่ายขึ้นด้วย CTRL + Shift + V

Microsoft Word โปรแกรมสามัญประจำคอมพิวเตอร์ที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก โดยโปรแกรม Microsoft Word นั้นเป็นโปรแกรมที่ช่วยในการพิมพ์งานทำเอกสารต่าง ๆ แล้วเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ใช้โปรแกรมก็จะมีคีย์ลัดต่างๆ เพื่อให้การทำงานนั้นเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น CTRL +C (คัดลอก) , CTRL + V (วาง) , CTRL + Z (Undo) และอื่น ๆ แต่มีคีย์ลัดอยู่ตัวหนึ่งที่โปรแกรม Microsoft Word ไม่มีนั่นก็คือ CTRL + Shift + V

CTRL + Shift + V เป็นคีย์ลัดที่มีคำสั่ง “วาง” สิ่งที่คัดลอกมา เช่นเดียวกันกับ CTRL + V แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ CTRL + Shift + V จะเป็นการวางตัวอักษรเปล่า ๆ (Plain text) ตัวอย่างเช่น ถ้าหากมีการคัดลอกลิงก์จากอินเทอร์เน็ตและใช้คำสั่ง CTRL + Shift + V ข้อความที่ปรากฏขึ้นจะเป็นข้อความเปล่าๆ ไม่สามารถกดลิงก์เข้าไปดูได้ หรือในกรณีที่มีการคัดลอกบทความจากเว็บไซต์อื่น ๆ มา การใช้คีย์ลัดดังกล่าวจะไม่มีการคัดลอกฟอนต์ขอบทความนั้นมาด้วยเหมือนในภาพด้านล่าง

ภาพ Microsoft

ในอดีต Microsoft Word จะไม่มีคีย์ลัดนี้อยู่ในโปรแกรม เนื่องจากในตัวโปรแกรมมีคำสั่งนี้อยู่แล้วนั่นก็คือการคลิกขวาบริเวณหน้ากระดาษและเลือกที่ “T” หลังจากนั้นจะมีตัวเลือกคำสั่งวางที่เป็นตัว “A” เราก็จะได้ข้อความที่คัดลอกมาในรูปแบบ Plain text แต่ว่าล่าสุดในทวิตเตอร์ของ Microsoft 365 Insider ได้มีการทวิตว่าใน Microsoft Word ของระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac ได้มีการอัปเดตโดยการใส่คีย์ลัดดังกล่าวเข้าไปเป็นที่เรียบร้อย แต่สำหรับเครื่อง Mac จะใช้คีย์ลัด Cmd + Shift + V

โดยทาง Microsoft ยังบอกอีกด้วยว่าหลังจากที่ได้มีการอัปเดตคีย์ลัดตัวใหม่เข้าไปอาจจะทำให้คีย์ลัดบางตัวนั้นมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งสามารถดูได้จากตารางด้านล่าง

สำหรับใครที่ต้องการกำหนดคีย์ลัดเป็นของตัวเองหรือต้องการตั้งค่าคีย์ลัดใหม่สามารถเข้าไปตั้งค่าได้โดยการทำตามลิงก์นี้เลย Microsoft

ภาพ Pixabay/geralt

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้ Microsoft Word จะเป็นทางเลือกในการทำงานเอกสาร เพราะว่ามี Google docs เข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก อย่างไรก็ตามธุรกิจส่วนใหญ่ก็ยังคงเคยชินกับการใช้ Microsoft Word การมีคีย์ลัดใหม่เข้ามาทำให้การทำงานรวดเร็วและง่ายขึ้นอย่างแน่นอน

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook