Microsoft จับมือ OpenAI เปิดตัวแชทบอท AI ใน Bing ท้าชน Google

Microsoft จับมือ OpenAI เปิดตัวแชทบอท AI ใน Bing ท้าชน Google

การมาของ ChatGPT ทำให้เทคโนโลยี AI กลายเป็นที่จับตามองในช่วงต้นปีนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ก็เริ่มต้นพัฒนาระบบ AI ของตัวเองขึ้นมา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Google บริษัทเทคโนโลยี Search Engine ก็ได้มีการเปิดตัว Bard AI ที่จะคอยตอบคำถามอย่างเป็นธรรมชาติโดยมีทำงานที่คล้ายกับ ChatGPT แต่ข้อมูลต่างๆ ที่ระบบ AI นั้นประมวลผลจะทันสมัยมากกว่า

ภาพ pngwing , pngegg

ในสัปดาห์นี้ Microsoft ก็ไม่น้อยหน้าเปิดตัว Bing และ Edge รูปแบบใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน โดยคราวนี้ได้เทคโนโลยีของ OpenAI อย่าง Prometheus Model มาใช้ในการพัฒนา โดยทาง Microsoft บอกว่าในปัจจุบันนี้การค้นหาใน Search Engine แบบเก่าจะเจอคำตอบที่ไม่ตรงคำถามมากถึง 50% การใช้ระบบ AI มาช่วยจะทำให้การค้นหาได้คำตอบที่ตรงตรงประเด็นและมีความเป็นกันเอง ผู้ใช้งานสามารถเลือกระดับของภาษาให้กับระบบ AI ได้ เช่นเดียวกันกับ ChatGPT มันสามารถถูกใช้งานในการโพสต์หรือพิมพ์ข้อความต่าง ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ระบบ AI ที่ Microsoft ใส่ไว้ใน Bing จะเข้ามาเสริมจุดเด่นและกลบจุดด้อยของ Search Engine ได้ดังนี้

แหล่งอ้างอิงข้อมูล โดยปกติแล้วการทำงานของ ChatGPT จะเป็นการรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลกมาประมวลผลแล้วย่อเป็นคำตอบให้กับผู้ค้นหา แต่สำหรับระบบ AI ของ Microsoft นอกจากจะทำเช่นนั้นแล้ว บางครั้งระบบจะใส่แหล่งอ้างอิงของข้อมูลที่ค้นหามาให้ด้วย ซึ่งมันเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ Microsoft เมื่อทำการค้นหาด้วยระบบ AI ที่อยู่ใน Bing คำตอบที่ได้จากระบบอาจจะมีโฆษณาติดมาด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ระบบ AI จะแนบลิงก์ถึงบริษัทนำเที่ยวมาให้ผู้ค้นหาได้พิจารณาด้วย

ช่วยแก้ปัญหาของ Bing Bing เป็น Search Engine ที่มีปัญหาเมื่อทำการค้นหาด้วยภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ คำตอบที่ได้บางครั้งจะไม่ค่อยตรงประเด็น การมีระบบของ OpenAI อย่าง Large Language Model เข้ามาช่วยเหลือจะทำให้ประสิทธิภาพการค้นหาในภาษาอื่น ๆ มีมากขึ้น

เพิ่มความเป็นปัจจุบันของข้อมูล ระบบ GPT-3.5 เป็น AI ที่อยู่ใน ChatGPT ถูกฝึกให้ค้นหาข้อมูลตั้งแต่อดีตจนถึงปี 2021 ดังนั้นข้อมูลต่าง ๆ ในช่วงปี 2022 จนถึงปัจจุบันจะยังไม่ได้ถูกอัปเดต แต่เมื่อนำมารวมกับ Bing ก็จะได้ข้อมูลที่มีความเป็นปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

ภาพ Wallpaperaccess

อย่างไรก็ตามตอนนี้ระบบ AI ของ Microsoft ที่อยู่ใน Bing และ Edge ยังไม่ได้เปิดใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยมารองรับแค่การค้นหาบางส่วนเท่านั้น ส่วนจะเปิดตัวมาให้ใช้งานจริงเมื่อไหร่ก็คงต้องติดตามกันต่อไป ในปีนี้เราอาจจะได้เห็นเทคโนโลยีออกใหม่อาจจะเป็นโทรศัพท์, แล็บท็อป และ ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ จะมีระบบ AI เพิ่มเข้าไปด้วยก็เป็นได้ ซึ่งจะทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้มีความก้าวล้ำนำสมัยมากยิ่งขึ้นอย่างการเปิดตัวแชทบอท AI ใน Bing ท้าชน Google

ข้อมูลจาก Cnet, Driodsans

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Microsoft กำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ให้กับ Xbox Series XMicrosoft กำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ให้กับ Xbox Series X

Microsoft กำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ให้กับ Xbox Series XMicrosoft กำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ให้กับ Xbox Series X

ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมเกมจะต้องเจอกับปัญหาอย่างหนึ่งก็คือการสร้างชิปประมวลผลขาดตลาด ทำให้เครื่องเล่นเกมหลายรุ่นมีราคาที่สูงมากยิ่งขึ้นและเมื่อปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นบริษัทหลายบริษัทพยายามที่จะผลิตชิปประมวลผลของตัวเองขึ้นมาเพื่อลดต้นทุน ในการผลิตและต้นทุนของสินค้า

Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก กำลังพัฒนาชิปประมวลผลตัวใหม่ให้กับเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Xbox Series X โดยมันจะมีขนาดที่เล็กลงใช้พลังงานได้ดีมากยิ่งขึ้นและที่สำคัญมันช่วยลดต้นทุนของเครื่อง Xbox รุ่นใหม่นี้ได้ด้วย

ภาพจาก  Xbox

อย่างไรก็ตามการพัฒนาชิปตัวเล็กตัวใหม่นี้ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเราจะได้เห็นเครื่อง Xbox Series X ที่มีขนาดเล็กลง เหมือนกับเมื่อก่อน ที่มีเครื่อง Xbox 360 Slim ออกมาให้เราได้เล่น 5 ปี หลังจากที่เครื่อง Xbox 360 ออกมา หรือแม้แต่เครื่อง Xbox One S ที่ออกมาหลังจากเครื่อง Xbox One 3 ปี

ภาพจาก  Xbox

การพัฒนาออกมาเลยคราวนี้ในอนาคตเราคงจะได้เห็นเครื่อง Xbox Series X มีราคาถูกลงแน่นอนและอาจจะเป็นการต่อสู้กับคู่แข่งยังค่าย Sony ผู้ผลิตเครื่อง PlayStation 5 ได้ไม่มากก็น้อยเลย น่าจะเป็นราคาเท่าไหร่นั้นก็คงต้องมาติดตามดูกันและที่สำคัญเลยคือเครื่องรุ่นใหม่ของทั้งสองค่ายนั้นมีประสิทธิภาพที่ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนักการที่มีเครื่องใดเครื่องหนึ่งราคาต่ำกว่าคงจะเป็นการดึงดูดให้ผู้เล่นได้มีการโยกย้ายค่ายกันอย่างแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับเกมด้วยเช่นเดียวกันเพราะบางเกมก็เป็นเกม Exclusive เฉพาะบนเครื่องใดเครื่องหนึ่งเพียงเท่านั้นไม่ได้มีการเปิดให้เล่นบนเครื่องทั้ง 2 รุ่นนั่นเอง

ภาพจาก  Xbox

เมื่อมีการผลิตชิปตัวใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้กับเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุดคำถามเพื่อหลายคนคงจะต้องตั้งขึ้นมาก็คงจะหนีไม่พ้นประสิทธิภาพของมัน สำหรับชิปประมวลผลตัวใหม่นี้ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้พลังงานได้ดีมากยิ่งขึ้นมีขนาดที่เล็กลงแต่ในด้านประสิทธิภาพของการเล่นเกมอาจจะยังไม่เปลี่ยนแปลงจากชิปประมวลผลตัวดั้งเดิม

สำหรับเรื่องของการอัปเดตฮาร์ดแวร์ที่ทาง Microsoft ได้มีการประกาศออกมาเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะใช้เวลาในอีกสักพักหนึ่งถึงจะมีการปล่อยออกมาให้เห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับตัวฮาร์ดแวร์ตัวใหม่

ข้อมูลจาก Gamespot

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Microsoft กำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ให้กับ Xbox Series X

Microsoft กำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ให้กับ Xbox Series X

ภาพจาก  Xbox

ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมเกมจะต้องเจอกับปัญหาอย่างหนึ่งก็คือการสร้างชิปประมวลผลขาดตลาด ทำให้เครื่องเล่นเกมหลายรุ่นมีราคาที่สูงมากยิ่งขึ้นและเมื่อปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นบริษัทหลายบริษัทพยายามที่จะผลิตชิปประมวลผลของตัวเองขึ้นมาเพื่อลดต้นทุน ในการผลิตและต้นทุนของสินค้า

Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก กำลังพัฒนาชิปประมวลผลตัวใหม่ให้กับเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Xbox Series X โดยมันจะมีขนาดที่เล็กลงใช้พลังงานได้ดีมากยิ่งขึ้นและที่สำคัญมันช่วยลดต้นทุนของเครื่อง Xbox รุ่นใหม่นี้ได้ด้วย

ภาพจาก  Xbox

อย่างไรก็ตามการพัฒนาชิปตัวเล็กตัวใหม่นี้ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเราจะได้เห็นเครื่อง Xbox Series X ที่มีขนาดเล็กลง เหมือนกับเมื่อก่อน ที่มีเครื่อง Xbox 360 Slim ออกมาให้เราได้เล่น 5 ปี หลังจากที่เครื่อง Xbox 360 ออกมา หรือแม้แต่เครื่อง Xbox One S ที่ออกมาหลังจากเครื่อง Xbox One 3 ปี

ภาพจาก  Xbox

การพัฒนาออกมาเลยคราวนี้ในอนาคตเราคงจะได้เห็นเครื่อง Xbox Series X มีราคาถูกลงแน่นอนและอาจจะเป็นการต่อสู้กับคู่แข่งยังค่าย Sony ผู้ผลิตเครื่อง PlayStation 5 ได้ไม่มากก็น้อยเลย น่าจะเป็นราคาเท่าไหร่นั้นก็คงต้องมาติดตามดูกันและที่สำคัญเลยคือเครื่องรุ่นใหม่ของทั้งสองค่ายนั้นมีประสิทธิภาพที่ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนักการที่มีเครื่องใดเครื่องหนึ่งราคาต่ำกว่าคงจะเป็นการดึงดูดให้ผู้เล่นได้มีการโยกย้ายค่ายกันอย่างแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับเกมด้วยเช่นเดียวกันเพราะบางเกมก็เป็นเกม Exclusive เฉพาะบนเครื่องใดเครื่องหนึ่งเพียงเท่านั้นไม่ได้มีการเปิดให้เล่นบนเครื่องทั้ง 2 รุ่นนั่นเอง

ภาพจาก  Xbox

เมื่อมีการผลิตชิปตัวใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้กับเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุดคำถามเพื่อหลายคนคงจะต้องตั้งขึ้นมาก็คงจะหนีไม่พ้นประสิทธิภาพของมัน สำหรับชิปประมวลผลตัวใหม่นี้ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้พลังงานได้ดีมากยิ่งขึ้นมีขนาดที่เล็กลงแต่ในด้านประสิทธิภาพของการเล่นเกมอาจจะยังไม่เปลี่ยนแปลงจากชิปประมวลผลตัวดั้งเดิม

สำหรับเรื่องของการอัปเดตฮาร์ดแวร์ที่ทาง Microsoft ได้มีการประกาศออกมาเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะใช้เวลาในอีกสักพักหนึ่งถึงจะมีการปล่อยออกมาให้เห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับตัวฮาร์ดแวร์ตัวใหม่

ข้อมูลจาก Gamespot

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Microsoft ประกาศไม่อัปเดต OneDrive บน Windows 7 และ 8

Microsoft

OneDrive มีใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Windows ตั้งแต่ Windows 7, Windows 8 Windows 10 และ Windows 11

ในปัจจุบันนี้วิธีการเก็บข้อมูลนั้นมีได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นจากอดีตที่ต้องเก็บข้อมูล floppy disk ก็เปลี่ยนมาใช้ thumb drive ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าในยุคต่อมา แล้วในปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีก้าวไกลมากขึ้นเราก็มีพื้นที่เก็บข้อมูลที่หลากหลายมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกันโดยในปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่มักจะเก็บข้อมูลใน Harddisk Drive หรือว่าระบบ Cloud ที่เป็นระบบเก็บข้อมูลออนไลน์

ระบบ Cloud หรือการเก็บข้อมูลออนไลน์นั้นก็มีให้เลือกหลากหลายและที่สำคัญยังไม่ต้องพกพาอุปกรณ์อีกด้วยเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงไฟล์ที่อยู่บนระบบได้แล้ว โดยบริษัท Microsoft ระบบการเก็บข้อมูลออนไลน์มีชื่อว่า “OneDrive” โดยผู้ที่ใช้งานนั้นจะต้องมีบัญชีของ Microsoft หรือ Outlook โดย OneDrive จะมีความจุอยู่ที่ 5 GB สำหรับผู้ใช้งานฟรี ซึ่งก็เพียงพอสำหรับผู้ใช้งานแล้ว

ปัจจุบัน OneDrive มีใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Windows ตั้งแต่ Windows 7, Windows 8 Windows 10 และ Windows 11 แต่ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมปี 2022 เป็นต้นไป OneDrive จะยุติการอัปเดตบนระบบปฏิบัติการ Windows 7และ Windows 8 ซึ่งผู้ใช้งานนั้นยังสามารถเข้าไฟล์ที่ได้มีการอัปโหลดไว้ก่อนหน้านี้ได้ แต่จะไม่สามารถอัปโหลดไฟล์ต่าง ๆ ไปบน OneDrive ทางบริษัท Microsoft ได้มีการแนะนำว่าผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 และ Windows 8 ก็ควรอัปเดตให้เป็น windows 10 หรือ Windows 11 เพื่อป้องกันปัญหาการใช้งาน OneDrive ก่อนเดือนมีนาคมปีหน้า และสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นใหม่ได้นั้นทางไมโครซอฟท์แนะนำว่าให้ทำการ Backup file และนำไปอัปโหลดลงเว็บ OneDrive

โดยทาง Microsoft บอกว่าจะยุติการสนับสนุน OneDrive บนเครื่องที่ใช้งาน Windows 7, Windows 8 และ Windows 8.1 ในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ เพื่อนำทรัพยากรไปพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่เพื่อให้ผู้บริโภคนั้นได้รับการอัปเดตที่ทันสมัยและได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีมากยิ่งขึ้น

โดยสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นเก่า Microsoft ก็มีการเลิกสนับสนุนหรือกำหนดวันที่จะยุติการสนับสนุนไปบ้างแล้ว ใน Windows 8 บริษัท Microsoft เลิกสนับสนุนไปตั้งแต่ปี 2016 Windows 8.1 เลิกสนับสนุนปี 2018 สำหรับ Windows 7 บริษัท Microsoft เลิกสนับสนุนไปในปี 2020 และสำหรับ Windows 10 นั้น Microsoft จะเลิกสนับสนุนในปี 2025

ถึงแม้ว่าผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นเก่าจะไม่สามารถใช้งาน OneDrive ได้ในอนาคตแต่ก็ยังสามารถที่จะนำไปเก็บไว้ในแหล่งอื่นได้ตัวอย่างเช่น Google Drive หรือว่า Dropbox ที่เป็นระบบเก็บข้อมูลออนไลน์เช่นเดียวกันกับ OneDrive นอกจากนี้ยังมีระบบเก็บข้อมูลออนไลน์อื่นๆ อีกมากมายให้เลือกใช้งานกัน

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก The Verge

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Microsoft ปิด Linkedin ในประเทศจีน

Linkedin

Linkedin เป็นเหมือนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครงานหรือหางาน

เมื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ อยู่รอบตัวเอาการสมัครงานหรือหาที่ทำงานใหม่ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากเมื่อก่อนถ้าหากว่าต้องการที่จะสมัครงานหรือเริ่มงานที่บริษัทใหม่จำเป็นที่จะต้องเดินไปสมัครที่บริษัทหรือโทรศัพท์นัด ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เสียเวลาและก็เสียโอกาสไปมากมายเลยทีเดียว แต่ว่าในยุคปัจจุบันเราสามารถสมัครงานผ่านเว็บไซต์หรือจากแอปพลิเคชันได้เลย เพียงแค่ส่งข้อมูลตามที่บริษัทที่ต้องการสมัครขอเพียงเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่มีคนนิยมใช้งานทั่วโลกก็คือ Linkedin

Linkedin เป็นเหมือนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครงานหรือหางานซึ่งมีผู้ใช้งานจากทั่วทุกมุมโลกไม่เว้นแต่ในประเทศไทยมีการเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 2002 ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีผู้ใช้งานจำนวนมากมายเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าในประเทศจีนจะไม่มี Linkedin อีกต่อไปMicrosoft ได้มีการประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าจะปิดการใช้งาน Linkedin ภายในประเทศจีน โดยจะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันหางานตัวใหม่โดยจะเน้นกลยุทธ์ในเรื่องของการหาผู้เชี่ยวชาญให้เข้ากับงานโดยจะมีการเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ แล้วจะทำแพลตฟอร์มให้ลักษณะความต่างไปจากเดิมโดยจะไม่มีหน้า News Feed หรือจะไม่สามารถแบ่งปันโพสต์ได้ โดยแอปพลิเคชันใหม่นี้จะมีชื่อว่า Injobs

โดยจุดเริ่มต้นของการยุติการใช้งาน Linkedin ในประเทศจีนเริ่มต้นจากฝ่ายควบคุมดูแลอินเทอร์เน็ตของประเทศจีนขอให้ Linkedin จัดระเบียบเนื้อหาภายในแพลตฟอร์มตั้งแต่เดือนมีนาคมโดยให้ระยะเวลา 1 เดือนในการทำตามข้อเรียกร้อง ซึ่งก็เป็นการกดดันและเป็นความท้าทายที่ Microsoft มันต้องจัดการ

Linkedin เริ่มใช้บริการในประเทศจีนตั้งแต่ในช่วงปี 2014 และอยู่ในการดูแลของ Microsoft ตั้งแต่ในช่วงปี 2016 โดยจนถึงปัจจุบันก็มีอายุ 7 ปี การถอนตัวในครั้งนี้จะทำให้ประเทศจีนไม่มีการใช้งานแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นของประเทศสหรัฐเลยแม้แต่แอปพลิเคชันเดียว โดย Facebook และ Twitter ก็โดนบล็อกจากประเทศจีนและ Google ก็ได้มีการถอนตัวออกจากประเทศจีนตั้งแต่ปี 2010

สำหรับประเทศจีนแล้วแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ที่ทั่วโลกใช้งานกันจะไม่ถูกนิยมใช้ในประเทศจีนเพราะว่าประเทศจีนนั้นมีแอปพลิเคชันที่สามารถใช้ในการติดต่อสื่อสารกันภายในประเทศอยู่แล้ว และด้วยการเป็นมหามากของทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกทำให้ทั้งสองฝ่ายนั้นมีการแข่งขันกันในหลาย ๆ ด้านนั่นเอง

ซึ่งก็น่าติดตามดูว่าหลังจากที่ Linkedin ถูกปิดตัวไปแล้วจะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ “Injobs” จะได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเหมือนกับ Linkedin แล้วจะมีฟีเจอร์การทำงานเป็นอย่างไร

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet , CNBC

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Microsoft เปิดใช้งานฟีเจอร์ไร้รหัสผ่าน

Microsoft

Microsoft ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ไร้รหัสผ่าน

รหัสผ่านถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในโลกออนไลน์ เมื่อเราจะเข้าใช้งานโปรแกรมเว็บไซต์หรือว่าเข้าใช้งานระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google, Microsoft, หรือสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีข้อมูลต่างๆ ของเราอยู่เป็นจำนวนมากเราคงไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาร่วมรู้ดังนั้นรหัสผ่านจึงเป็นสิ่งสำคัญนั่นเอง แต่ว่าในโลกของการทำงานหรือในโลกของการใช้ชีวิตจริงเราคงไม่ใช้โปรแกรมเพียงแค่โปรแกรมเดียวหรือมีบัญชีสื่อสังคมออนไลน์เพียงแค่บัญชีเดียว ทุกครั้งที่มีการสมัครเพื่อใช้งาน พวกเราก็จำเป็นที่จะต้องสมัครบัญชีใหม่เสมอและในบางครั้งเมื่อมีจำนวนระบบหรือโปรแกรมที่จะต้องใช้งานเป็นจำนวนมากนั้นทำให้รหัสผ่านที่ถูกตั้งนั้นง่ายดายมากขึ้นเพราะว่าง่ายต่อการจดจำ ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าเป็นข้อเสียที่ร้ายแรงเลยทีเดียว

การสร้างรหัสผ่านที่ง่ายหรือรหัสที่ซ้ำกันหลาย ๆ บัญชีทำให้เมื่อถูกมิจฉาชีพแฮกเข้ามาในบัญชีของพวกเราเพียงแค่บัญชีเดียวก็ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงบัญชีอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเราควรตั้งรหัสผ่านให้ไม่ไม่เหมือนกันหรือให้เหมือนกันน้อยที่สุด ซึ่งทาง Microsoft ก็มองเห็นว่าการมีรหัสผ่านในการเข้าใช้งานโปรแกรมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความปลอดภัยของการใช้งานนั้นลดลง เพราะว่าด้วยเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น Microsoft มีการผลักดันระบบการเข้าใช้งานแบบไร้รหัสผ่านมาโดยตลอด

ซึ่งทาง Microsoft ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ไร้รหัสผ่านมาเป็นเวลาหลายปีและได้เปิดให้ผู้ใช้งานที่มีบัญชีในรูปแบบ commercial ได้ใช้งานกันไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แล้วในปัจจุบันก็เปิดให้ใช้งานกับผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว เมื่อไม่มีรหัสผ่านผู้ใช้งานนั้นสามารถเข้าใช้งาน Microsoft ได้ผ่าน Microsoft Authenticator app, Windows Hello,กุญแจความปลอดภัย,หรือการยืนยันจาก SMS และ E-mail

ก่อนที่ผู้ใช้งานจะต้องมีบัญชีของ Microsoft ที่ผูกกับ Microsoft Authenticator app หลังจากนั้นเข้าไปที่เว็บไซต์ account.microsoft.com หลังจากนั้นเข้าไปที่ Advanced Security Options และเปิดใช้งานบัญชีไร้รหัสผ่าน (passwordless accounts) ที่อยู่ในส่วนของความปลอดภัยเพิ่มเติม (Additional Notice)

ในเรื่องของความปลอดภัยในปัจจุบันนี้การใช้รหัสผ่านแบบเดียวนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความปลอดภัยในโลกออนไลน์มาก ดังนั้นการเข้าใช้งานในเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือในแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้จึงมีรูปแบบการเข้ารหัสผ่าน 2 ชั้นเพื่อให้ยากต่อการถูกแฮกมากยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนของการใช้งานรหัสผ่าน 2 ชั้นก็มีวิธีให้เลือกมากมายซึ่งสามารถเข้าไปศึกษาวิธีการใช้งานจากเว็บไซต์ต่าง ๆ และทาง YouTube ได้ โดยค้นหาคำว่า 2FA (2 factor Authentication)

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก The Verge

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

บริษัท Microsoft ยกเลิกแผนเปิดออฟฟิศ

Microsoft

บริษัท Microsoft บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีที่มีศูนย์ใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการยกเลิกแผนการที่จะเปิดออฟฟิศ

ต้องยอมรับว่าถึงแม้ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะเริ่มมีการฉีดวัคซีนและผู้คนส่วนใหญ่ในบางรัฐก็เริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติแล้วแต่ด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ทั่วไปรวมถึงมีการแพร่ระบาดได้เร็ว ทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องกลับมากังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโรคอีกครั้ง โดยทางรัฐบาลได้ขอให้ทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ นั้นช่วยหยุดแพร่กระจายข่าวปลอมและเปิดเผยความจริงมากยิ่งขึ้นเพื่อเชิญชวนให้คนภายในประเทศนั้นเข้ามาฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นนั่นเอง เช่นเดียวกับบริษัทหลาย ๆ บริษัทที่ต้องมีการปรับตัวอีกครั้ง หลังจากที่เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าเริ่มมีการแพร่กระจายมากขึ้น

บริษัท Microsoft บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีที่มีศูนย์ใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการยกเลิกแผนการที่จะเปิดออฟฟิศและให้พนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศเนื่องจากมีความหวาดกลัวในเรื่องของการแพร่ระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งในทางบริษัท Microsoft ตั้งใจที่จะเปิดศูนย์ใหญ่ที่ตั้งอยู่ในรัฐวอชิงตันให้พนักงานกลับมาทำงาน รวมไปถึงออฟฟิศในหลาย ๆ พื้นที่ในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึง

การที่บริษัท Microsoft ตัดสินใจที่จะเลื่อนเปิดออฟฟิศไปอีกทำให้ Microsoft กลายเป็นอีกหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีแผนการที่จะเลื่อนการเปิดออฟฟิศออกไป หลาย ๆ บริษัทมีแผนการเปิดออฟฟิศหลังช่วงวันแรงงานจนถึงช่วงเดือนตุลาคม และอีกหลาย ๆ บริษัทมีแผนที่จะเปิดออฟฟิศอีกครั้งให้พนักงานเข้ามาทำงานในช่วงปี 2022 เลย

บริษัท Google เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีแผนการที่จะเปิดออฟฟิศให้พนักงานกลับมาทำงานในช่วงวันที่ 10 มกราคม 2022 โดยในระหว่างนี้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ ซึ่งเป็นการประกาศออกมาโดย Sundar Pichai ผู้ที่เป็น CEO ของทางบริษัท

ในช่วงโควิดที่ผ่านมาเราได้เห็นหลาย ๆ บริษัทปรับเปลี่ยนให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ซึ่งนั่นก็เป็นเวลามากกว่า 2 ปีแล้ว และ 2 ปีที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดว่าหลายๆ บริษัทนั้นยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้ถึงแม้ว่าพนักงานจะไม่ทำงานที่บริษัทก็ตามที และก็ดูเหมือนว่าในอนาคตหลังจากที่วิกฤตโควิดหมดไปเราคงจะได้เห็นหลาย ๆ บริษัทนั้นมีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานอย่างแน่นอน จะมีความเป็น Hybrid มากขึ้น ซึ่งการทำงานในรูปแบบนี้ก็อาจจะเหมาะสมกับบุคคลหลาย ๆ คนเลยทีเดียว ก็ต้องมาติดตามดูว่าหลังจากการถ้าระบาดของโลกจบลงเราจะได้เห็นบริษัทหลาย ๆ บริษัทปรับเปลี่ยนไปในทิศทางไหนบ้าง

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก

Cnn: Microsoft abandons plan to reopen US offices amid Covid worries

Cnn: Google pushes its return to the office back to 2022

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Microsoft วางจำหน่าย Microsoft Office 2021 5 ตุลาคม

Microsoft Office 2021 5

Microsoft Office 2021 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 5 ตุลาคมซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่เปิดให้อัปเดต Windows 10 เป็น Windows 11

ในปีนี้ทางบริษัท Microsoft ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านคอมพิวเตอร์นั้นได้มีการอัปเดตมากมายเลยทีเดียวเริ่มต้นจากการเปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่อย่าง Windows 11 ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าและดีไซน์ไปจาก Windows 10 รวมถึงการมีฟังชั่นใหม่ ๆ เข้ามา หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาระบบความปลอดภัยโดยผู้ใช้งานนั้นสามารถเข้าใช้งาน Microsoft ได้โดยระบบไร้รหัสผ่านซึ่งจะทำให้การเข้าใช้งานมีความปลอดภัยมากขึ้น และที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับ Microsoft ก็คือโปรแกรมต่าง ๆ ใน Microsoft Office นั่นเอง

Microsoft Office เป็นโปรแกรมที่ช่วยเหลือผู้ใช้งานทั้งในเรื่องการเรียนการทำงานและในด้านอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งก็แบ่งแยกออกเป็นหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Microsoft Word, Microsoft Excel, Microsoft Powerpoint, Microsoft Outlook และอื่น ๆ ในทุก ๆ ปี Microsoft Office ก็จะได้รับการอัปเดตใหม่อยู่เสมอ และในปีนี้ Microsoft จะมีกาเริ่มวางจำหน่าย Microsoft Office รุ่นล่าสุด หรือในชื่อว่า “Microsoft Office 2021” โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 5 ตุลาคมซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่เปิดให้อัปเดต Windows 10 เป็น Windows 11 นั่นเอง ซึ่ง Microsoft Office 2021 นั้นจะรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac โดยรองรับทั้งเวอร์ชัน 32 Bit และ 64 bit โดยทาง Microsoft จะซัพพอร์ต โปรแกรมรุ่นดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปีด้วยกัน

Microsoft Office 2021 จะมี 2 Version ได้แก่เวอร์ชันผู้ใช้งาน commercial โดยจะใช้ชื่อว่า “LTSC” (Long Term Servicing Channel) และเวอร์ชันผู้ใช้งานทั่วไป ซึ่งในเวอร์ชัน LTSC ได้เปิดให้ใช้งานแล้ว ซึ่ง Microsoft Office 2021 ได้ถูกปรับการเข้าถึงของฟีเจอร์ต่างๆ และยังมีการพัฒนาของโปรแกรมต่าง ๆ อีก

โดยในวันที่ 5 ตุลาคมจะเป็นวันวางจำหน่าย Microsoft Office 2011 สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปแต่อย่างไรก็ดีทาง Microsoft นั้นยังไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคาของผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้ Microsoft ยังมีให้บริการ Microsoft 365 สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกโดยจะจ่ายราคา $7 ต่อเดือนสำหรับผู้ใช้งานคนเดียวและสำหรับผู้ใช้งานในรูปแบบครอบครัวจะจ่ายในราคา $10 ดอลลาร์ต่อเดือน (โดยราคาจะเพิ่มขึ้นอีกในเดือนมีนาคมปีหน้า) ซึ่งผู้ที่เป็นสมาชิกนั้นจะสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ รวมถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้มากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ดีก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่พร้อมที่จะเป็นสมาชิกดังนั้นทาง Microsoft จึงเปิดโอกาสให้ใช้งานแบบฟรี ๆ บนออนไลน์แต่ว่ามีขีดจำกัดในการใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ นั่นเอง

สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows 11 ก็สามารถดูวิธีดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ทั่วไปและสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและทำความรู้จักเกี่ยวกับ Windows 11 ได้ที่ microsoft.com

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก cnet

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ประกาศวันปล่อย Windows 11 อย่างเป็นทางการ

Windows 11

หลังจากที่ทาง Microsoft ได้มีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows เวอร์ชันใหม่ที่ให้ชื่อว่า Windows 11 แต่ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดตัวออกมาให้ทางผู้ใช้งานได้เห็นกันแล้วแต่ทาง Microsoft ก็ยังคงไม่ได้ประกาศวันที่จะปล่อยให้ผู้ใช้งานได้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการมา แต่ให้คำใบ้ว่าจะอยู่ในช่วงปลายปีจนถึงในช่วงกลางปีหน้า

จนกระทั่งล่าสุดทาง Microsoft นั้นได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะปล่อยให้ผู้ใช้งานนั้นเริ่มต้นดาวน์โหลดระบบปฏิบัติการ Windows 11 กันในวันที่ 5 ตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยจะเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีสำหรับผู้ที่ใช้งาน Windows 10 บนเครื่อง PC และสำหรับฮาร์ดแวร์ตัวใหม่ที่มี Windows 11 pre-loaded

โดยสำหรับเครื่อง PC ที่มีความสามารถที่จะใช้งาน Windows 11 ได้จะได้มีสิทธิ์ที่จะดาวน์โหลดก่อน หลังจากนั้นเครื่องรุ่นอื่นๆ ก็จะมีการเปิดให้ดาวน์โหลดมาภายหลังวันที่ 5 ตุลาคมประมาณในช่วงสัปดาห์หรือในช่วงเดือน โดยทาง Microsoft คาดว่าเครื่องที่มีความสามารถมากพอจะสามารถอัพเกรด Windows 11 ได้ทั้งหมดภายในช่วงกลางปีหน้า

สำหรับผู้ที่ใช้งาน Windows 10 ในปัจจุบันนี้เมื่อถึงวันที่ 5 ตุลาคมสามารถเข้าไปเช็คได้ที่ Windows Upgrade ว่าเครื่องของคุณสามารถอัพเกรดเป็น Windows 11 ได้หรือไม่ หรือเข้าไปเช็คได้ที่ Microsoft’s dedicated PC Health Check app และเมื่อทำการอัพเกรดเป็น Windows 11 ระบบจะยังไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมดได้ตามที่ได้กล่าวออกมาในวันเปิดตัว ซึ่งในระบบปฏิบัติการรุ่นแรกนั้นจะมีฟีเจอร์คร่าว ๆ ดังนี้ Mac-like design , อัปเดต start Menu และ multitasking tools แบบใหม่ เป็นต้น ซึ่งใน Windows 11 นั้น Microsoft จะมีการจับมือกับ Amazon และ Intel เพื่อที่จะนำ Application จาก Android มาใส่ไว้ในระบบปฏิบัติการ Windows 11 แต่อย่างไรก็ตาม feature นี้จะยังไม่ได้เปิดใช้งานในวันที่ 5 ตุลาคม

สำหรับสเปคของคอมพิวเตอร์ที่จะสามารถอัพเกรดเป็น windows 11 ได้จะจะต้องเป็นคอมพิวเตอร์ 64 bit หน่วยประเมินผล (processor) 1 GHz มี Core ตั้งแต่ 2 Core ขึ้นไป Ram 4 GBหรือมีหน่วยความจำ (Storage) 64 GB และที่สำคัญเลยต้องมี TPM 1.2 สำหรับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ที่มีสเปคต่ำกว่านี้จะไม่สามารถอัพเกรดเป็น Windows 11 ได้ ดังนั้นถ้าหากว่าอยากจะใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 11 และเครื่องคอมพิวเตอร์มีสเปคไม่ถึงก็มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่หรือมีการอัปเดตคอมพิวเตอร์บางส่วนของตนเอง และในอนาคต Windows 11 ก็คงจะมีการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาให้กับผู้ใช้งานอีกมากมาย เช่นเดียวกับ Windows รุ่นก่อน ๆ ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

และสำหรับผู้ที่ใช้งาน Windows 10 อยู่ทางไมโครซอฟท์จะสนับสนุนระบบปฏิบัติการดังกล่าวไปจนถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2025

ภาพจาก Wallpaperaccess

ข้อมูลจาก The Verge , Cnet

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  
เวปไซด์ getup-it.com

หลุด! ภาพระบบปฏิบัติการ Windows 11

Windows 11

Microsoft จะมีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่มาในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ช่วงเวลา 11:00 น. ตามเวลาประเทศอเมริกาซึ่งจะตรงกับช่วงดึกของประเทศไทยในวันที่ 25 มิถุนายน เวลาประมาณ 22:00 น

ภายในงาน Microsoft Event 2564 ซึ่งระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่นั้น Microsoft ได้บอกว่ามันคือ Next generation of Windows มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะชื่อว่า Windows 11

แต่งานยังไม่ทันได้เริ่มต้นขึ้นก็มี เรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้น โดยใน Twitter ได้มีภาพหลุดของระบบปฏิบัติการ Windows 11 ออกมาโดยผู้ใช้งานหลายรายเลยทีเดียว โดยทั้งหมดนี้มีต้นตอมาจาก Baidu ซึ่ง Interface ของระบบปฏิบัติการ Windows 11 นั้น ส่วนใหญ่มีความคล้ายกับระบบปฏิบัติการ Windows 10X ที่มีบนเครื่องแท็บเล็ต ระบบปฏิบัติการ Windows 11 ที่หลุดออกมาจะมีฟังก์ชันเบื้องต้นดังนี้ 

ในแถบ Start Menu สามารถขยับเขยื้อนได้จากที่อยู่บริเวณด้านริมซ้ายมือสามารถปรับไปไว้ตรงกลางหรือด้านขวามือได้ นอกจากนี้รูปร่างหน้าตาของไอคอนก็จะมีความเปลี่ยนแปลงไปแล้วดูทันสมัยมากขึ้นและจะมีการนำระบบ Widget เข้ามาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถจัดหมวดหมู่คอมพิวเตอร์ได้ตามความต้องการและสามารถเข้าถึงฟังชั่นต่าง ๆ ได้รวดเร็วมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นข่าว สภาพอากาศ และ อื่น ๆ

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Snap Control ที่ทำให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถจัดวางหน้าต่างได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานไม่ว่าจะด้านซ้ายด้านขวา จะแบ่งหน้าต่างเป็น 3 หรือ 4 หน้าต่างก็สามารถทำได้ โดยฟังก์ชันนี้จะทำการย่อหน้าต่างได้อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เหมาะกับการทำงานหลาย ๆ อย่างไปพร้อม ๆ กันมากเลยทีเดียวนั่นเอง โดยสามารถเข้าใช้ฟังก์ชัน Snap Control ได้โดยคลิกที่ปุ่มย่อหน้าจอด้านขวามือบน

ซึ่งฟังก์ชันโดยเบื้องต้นของระบบปฏิบัติการ 11 ก็จะมีประมาณนี้ ซึ่งภาพระบบปฏิบัติการ Windows 11 ที่หลุดออกมานั้นน่าจะเป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาในเวอร์ชันแรก ๆ และอาจจะเป็นไปได้ว่าระบบส่วนใหญ่ในระบบปฏิบัติการ Windows 11 ได้มีการพัฒนาเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังคงมีระบบอีกหลาย ๆ อย่างที่ยังไม่ปรากฏให้เห็นออกมาในภาพหลุดบนโลกออนไลน์ครั้งนี้ ต้องดูกันว่าในงานเปิดตัว Microsoft จะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ผู้ชมบ้าง สามารถเข้าไปดูภาพ Windows 11 ได้ในลิงก์นี้เลย Techbloat

#Windows11 #Microsoft #Windows #Microsoftevent2021 #ทันโลกit  #getup-it.com

ข้อมูลจาก Techbloat, The Verge

ภาพจาก Pixabay