Microsoft เข็น Microsoft Loop หวังพลิกเกมในตลาด

Microsoft

Microsoft เข็น Microsoft Loop หวังพลิกเกมในตลาดสำนักงานตอบโจทย์เรื่องการทำงานร่วมกัน สำหรับวิถีชีวิตใหม่

ช่วงนี้เป็นช่วงที่บริษัทไฮเทคต่างๆเข็นนวัตกรรมของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนวัตกรรมในโลกออนไลน์ และแม้แต่ยักษ์ใหญ่ที่เป็นธุรกิจไฮเทคแบบออฟไลน์อย่าง Microsoft ก็ยังต้องปรับตัวเองให้เข้ากับโลกสมัยใหม่เช่นกัน

Microsoft เป็นอันดับหนึ่งในฐานะเจ้าพ่อระบบปฏิบัติการ ที่ Microsoft Windows ยังครองตลาดมากกว่า 80% ทั่วโลก ชนิดที่ว่าคู่แข่งรายอื่นๆแม้จะทำเปอร์เซ็นต์กระเตื้องขึ้นมาบ้างแต่ว่าก็นับว่ายังห่างกันมาก

แต่กับโปรแกรมใช้งานในออฟฟิศอย่าง Microsoft office นั้นแตกต่างกันออกไป 

เพราะว่าช่วงหลัง G suit คู่แข่งสำคัญที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ Google ประกอบด้วย Google Docs, Google Sheet, Google Sildes ที่สามารถใช้แทนกันกับ Microsoft office ในระดับหนึ่งโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ทำให้สัดส่วนผู้ใช้ G suit ในอเมริกาสูงถึง 59% มากกว่าครึ่งไปแล้ว

โดยจุดเด่นของ G suit คือการแชร์เอกสารใช้งานร่วมกัน โดยสามารถทำงานพร้อมกันแบบเรียลไทม์ได้ด้วย 

ในที่สุดเมื่อวันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน Microsoft จึงเข็น Microsoft loop ออกมาโดยที่ตั้งใจให้เป็นกระดานไวท์บอร์ดที่สามารถทำงานอะไรก็ได้บนนั้น โดยที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ หรือโปรเจคนั้นๆ สามารถที่จะเข้าไปเพิ่มเติมหรือแก้ไขส่วนงานของตัวเองได้ตลอดเวลา

Loop คืออะไร

สิ่งที่ Microsoft พยายามอธิบายก็คือ บน Loop จะไม่มีการแบ่งว่าต้องไปทำ Words ไฟล์มาก่อน หรือ Excel มาก่อน (หรืออื่นๆ) ทุกคนสามารถเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับรูปแบบงานที่ต้องการบนพื้นที่เดียวกันได้อย่างเป็นอิสระ โดยไม่มีความจำเป็นต้องสลับไปใช้โปรแกรมอื่นเลย

ต้องบอกว่าคลิปอธิบาย Microsoft Loop นั้นทำออกมาได้ยังไม่ค่อยชัดเจนนักว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อ Loop ถูกนำไปใช้จริงๆ เพียงเห็นแต่คอนเซ็ปต์การทำงานร่วมกันเท่านั้น ซึ่งพอจะทำให้เราเข้าใจได้ว่าบนหน้าจอเดียวกันนอกจากจะมีคนทำงานร่วมกันอยู่ได้เป็นสิบ ยังมีเลเยอร์ของการทำงานที่เป็นชั้นๆซ้อนได้อีก

ยังเข้าใจยากแต่พอเห็นภาพว่าทุกคนอยู่บนพื้นที่เดียวกันได้

ดูเหมือนมีใครทำอยู่แล้วหรือเปล่า

แน่นอนว่าไอเดียนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะโปรแกรมจากบริษัทที่มีจำนวนคนหลักสิบต้นๆ แต่มีคนใช้งาน 1 ล้านยูสเซอร์ อย่าง NOTION ได้อยู่ในธุรกิจนี้มาแล้วตั้งแต่ปี 2016 โดยสามารถให้ผู้ใช้ทำงานร่วมกันและวางแผนงานร่วมกันได้บนแพลทฟอร์มเดียว ที่สามารถเข้าถึงบนโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ก็ได้ เรียกว่าล้ำหน้าไปขั้นหนึ่งในแง่การร่วมมือทำงาน (collaborate) แต่จุดอ่อนก็คือ NOTION ไม่ได้มีโปรแกรมที่ซับซ้อนสำหรับการทำงานเป็นของตัวเอง แต่เป็นเหมือนแฟ้มเอกสารที่ใช้งานร่วมกันได้อย่างสะดวกมากกว่า

โอกาสของ Microsoft  กับ Online collaborate
แต่ที่แน่ๆ Loop มี Microsoft office เป็นทรัพยากรพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้นการเอาฟังก์ชั่นของแต่ละโปรแกรมมารวมกัน หรือกระทั่งเอามาผสมกัน แม้ว่าจะยากสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเริ่มต้นได้ง่ายกว่าผู้เล่นรายอื่นๆมาก ยิ่งมีข้อได้เปรียบที่ผู้ใช้งานทั่วโลกคุ้นเคยกับหน้าตาและรูปแบบของโปรแกรมของ Microsoft อยู่แล้วด้วย

ทำให้ Loop มีสิทธิเบียดทุกคนไปอยู่สุดขอบได้

แต่พูดก็พูดเถอะการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีตอนนี้เร็วมาก แม้ว่าเริ่มขยับตัว Microsoft ก็ดูเหมือนจะได้เปรียบ แต่ในโลกที่ทุกอย่างฝากไว้อยู่กับระบบคลาวด์ได้นั้น ผู้เล่นรายอื่นอาจจะเชี่ยวชาญมากกว่า 

หากว่าไม่ใช่ NOTION หรือผู้ให้บริการแพลทฟอร์มแบบเดียวกันรายอื่นๆที่จะเหวี่ยงหมัดใส่ Microsoft กลับแล้วละก็ ยังมี Google ที่เป็นผู้ชำนาญการ Online sharing ที่ยังไม่ได้ขยับ และยังไม่นับ Facebook ที่เพิ่งแปลงร่างเป็น Meta ก็จ้องทำตลาดพื้นที่การทำงานร่วมกันทางโซเชียลอยู่อีกราย

รับรองว่างานนี้ไม่หมูแน่

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Microsoft เปิดให้ลง Windows 11 ด้วยตัวเองฟรีๆ

Microsoft

พร้อมหรือไม่ Microsoft เปิดให้ลง Windows 11 ด้วยตัวเองฟรีๆ แม้ว่าจะเป็นเครื่องเก่าก็ตาม (2)

แม้ว่าคนส่วนใหญ่อาจจะทำการอัพเกรด Windows 10 เป็น Windows 11 ด้วยตัวเองไม่เป็นแต่สำหรับคนที่ชื่นชอบเรื่องพวกนี้  และมีความสุขกับการอัพเดทด้วยตัวเองอยู่แล้ว ก็ต้องทราบว่า สิ่งที่ Microsoft แนะนำมาตรฐานขั้นต่ำสุดที่เหมาะสม สำหรับบุคคลทั่วไปไว้ด้วย

Microsoft แนะสเปคขั้นต่ำของ Windows 11

  • CPU 1 GHZ 64-bit core 2 ขึ้นไป (แม้ว่าจะมีการระบุ CPU processor เอาไว้ข้างต้น แต่อันที่จริงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับรุ่นของ CPU เท่าไหร่นัก)
  • RAM 4 GB (ถ้าให้ดีมีสัก 8 GB จะลื่นไหลกว่า)
  • Disc space 64 GB
  • สำหรับ CPU ตามที่บอกว่าเพียงให้ Spec ถึงก็พอแต่ก็มีเรื่องน่ารู้อยู่บ้างกันพลาด

    ตั้งแต่ที่ Microsoft ประกาศตัว CPU ที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่มิถุนายน พวกเขาทำงานควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาในการลง Windows 11 ของลูกค้ามาตลอด ด้วยการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อที่จะสามารถเพิ่มรุ่น CPU ที่สามารถรับรองได้แบบเป็นทางการ ล่าสุดมีการเพิ่ม แบบ Core X Series และ Xenon W Series เข้าไปรายการโปรเซสเซอร์ในเว็บไซค์แล้ว รวมไปถึง Intel Core i7 820 HQ ที่อยู่ในเครื่อง Surface Studio 2 ด้วย โดยที่มาจากการทดสอบในแลปปฏิบัติการที่ Intel กับMicrosoft ทำงานด้วยกัน

    แต่สำหรับ Intel Core i7 820 HQ ในเครื่องอื่นๆสามารถใช้งานได้เมื่อมี โปรแกรม DHC ประกอบเท่านั้น (ซึ่ง DHC เป็นเหมือนโปรแกรมรวมไดรเวอร์ที่สนับสนุนการใช้งานโปรแกรมที่ผ่านการรับรองจาก Microsoft แล้ว) ซึ่งการมีโปรแกรมนี้ใน GPU Driver เป็นสิ่งที่ Microsoft ได้พยายามสนับสนุนให้ผู้ผลิตเครื่องPC และผู้ผลิต ฮาร์ดแวร์ นำไปใช้ในหลายปีที่ผ่านมา

    Zen series ของ AMD ไม่อยู่ในรายการรับรองอย่างเป็นทางการ

    Microsoft จะไม่รับรองการใช้งาน Windows 11 กับ CPU Zen series ของ AMD โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากได้รับการทดสอบ ไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้

    หลังจากวิเคราะห์อย่างละเอียดด้วยการทำงานด้วยกันระหว่าง AMD กับ Microsoft กลับ CPU Zen series ทั้งสองได้ข้อสรุป ตรงกัน ว่า ไม่สามารถ นำ AMD processor รุ่น Zen 1 ไม่อยู่ใน รายการ ที่ Windows 11 รับรองได้

    อย่างไรก็ตามถ้าคุณมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ AMD processor ยังไม่ต้องตกใจคุณสามารถตรวจสอบได้ใน link นี้ เพื่อดูว่า Microsoft รับรอง AMD ตัวไหนบ้างที่ Microsoft ทดสอบและรับรองเอาไว้บ้าง (https://docs.microsoft.com/en-us/windows-hardware/design/minimum/supported/windows-11-supported-amd-processors )

    Microsoft ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ใช้ที่ใช้ CPU AMD รุ่นเก่า ว่าครื่องที่ไม่ผ่านมาตรฐานความต้องการขั้นต่ำ จะมีโอกาส 52 เปอร์เซ็นต์ที่ ระบบ kernel mode (การทำงานในส่วนของระบบปฏิบัติการ) จะสะดุด ส่วนเครื่องที่ผ่านมาตรฐานขั้นต่ำจะมีโอกาสที่ปฏิบัติการจะทำงานได้อย่างราบรื่นถึง  99.8%

    ตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยโปรแกรมจาก Microsoft

    Microsoft มีโปรแกรม PC Health Check อยู่แล้วแต่ว่ายังไม่ครอบคลุมการตรวจสอบคอมพิวเตอร์กับความเข้ากันได้กับ Windows 11 หลังจากนี้ไมโครซอฟท์ก็จะปล่อย โปรแกรม PC Health check เวอร์ชั่นใหม่ที่สามารถใช้ร่วมกับ Intel CPU ได้ และจะให้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นว่าทำไมเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณถึงได้ไม่สามารถที่จะอัพเดทได้  และยังบอกผู้ใช้ Windows ให้รู้ว่ามีอะไรบ้างที่เป็น รายละเอียดของสิ่งที่ขาดหาย

    ดูเหมือนไม่พร้อมแต่ทำไมต้องปล่อย Windows 11

    Microsoft ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า ที่ต้องกำหนดความต้องการขั้นต่ำของเครื่องที่จะลง Windows 11 อย่างชัดเจนแบบลงรายละเอียดของ  ไมโครโปรเซสเซอร์เพราะว่าต้องการเพิ่มขีดความสามารถความเข้ากันได้ของไดรเวอร์และเพิ่มขีดความสามารถ ในการรักษาความปลอดภัยของระบบ

    ในเรื่องที่การอัพเดทเวอร์ชั่นครั้งนี้มีผลให้ PC หลายล้านเครื่องต้องอยู่ในสถานะที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน (อย่าลืมว่าเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ใช้Windows 10 จะพบสถานการณ์ที่ Microsoft จะหยุดการสนับสนุนในการอัพเดททั้งหมด)

    Microsoft บอกว่าเพราะยังไงก็แล้วแต่ มันจะไม่มีช่วงเวลาที่เรียกว่าเหมาะสมในการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์อยู่แล้ว ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆแต่ว่า การแก้ปัญหาที่เหมาะสมก็ยังต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ เป็นสิ่งที่ Microsoft ทิ้งท้ายให้กับการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบเป็นวงกว้างครั้งนี้

    ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  
    เวปไซด์ getup-it.com

    Windows 11 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

    Windows 11

    หลังจาก Microsoft ปล่อยข่าวเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการใหม่มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง และได้มีภาพหลุดของระบบปฏิบัติการ Windows 11 เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งก็สามารถดึงดูดความสนใจของคนได้เป็นจำนวนมากและเมื่อค่ำคืนของวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมานี้ทางบริษัท Microsoft ก็ได้มีการเปิดตัว Windows 11 อย่างเป็นทางการแล้ว

    Windows 11 นั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมาย เริ่มต้นจากรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปภาพพื้นหลังหน้าจอที่มีความสวยงามและมีธีม Wallpaper หน้าจอให้เลือกถึง 6 รูปแบบด้วยกัน โดยที่ระบบตั้งมานั้นจะเป็นภาพพื้นหลังหน้าจอสีน้ำเงิน และรูปไอคอนต่าง ๆ มีรูปร่างลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปจากระบบปฏิบัติการ Windows 10 และมีความทันสมัยมากขึ้น โค้งมนมากขึ้นเพื่อให้มีความโดดเด่นออกมานั่นเอง และระบบปฏิบัติการ Windows 11 ยังมี Light Mode และ Dark mode ให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้

    Start Menu ที่ในระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นจนก่อนนั้นจะอยู่บริเวณด้านข้างของหน้าจอในระบบปฏิบัติการ Windows 11 นั้นได้เลื่อนให้มาอยู่ตรงกลางหน้าจอ แต่ก็สามารถนำไปไว้ด้านข้างหน้าจอได้ดั่งเช่นเดิม

    ฟีเจอร์ Snap ที่ทำให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถจัดสัดส่วนหน้าจอได้ตามที่ต้องการ โดยระบบจะทำการแบ่งหน้าจอให้มีขนาดที่เหมาะสม โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้สามารถทำงานหลายอย่างได้ในช่วงเวลาเดียวกันได้ซึ่งจะอำนวยความสะดวกมากขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งหน้าจอตั้งแต่ 2 หน้าจอจนถึง 4 หน้าจอเลยทีเดียว

    ในระบบปฏิบัติการ Windows 11 นั้นยังมี Widget ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจัดหมวดหมู่ของแถบต่าง ๆ ได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน

    นอกจาก Windows 11 จะเหมาะกับการทำงานแล้ว Windows 11 นั้นยังได้ถูกพัฒนามาให้สำหรับเกมเมอร์ด้วย โดย Windows 11 นั้นจะมีระบบ HDR Auto ซึ่งจะทำให้ภาพของเกมนั้นมีความชัดขึ้น แต่จะใช้งานได้เฉพาะเกมที่เขียนบน DirectX 11 เป็นต้นไปเท่านั้น และสำหรับผู้ที่เล่นเกมของ Xbox ในระบบปฏิบัติการ Windows 11 ยังมีการเพิ่ม Xbox Game Pass เข้ามา ทำให้ผู้ที่เล่นเกม Xbox สามารถเข้าถึงเกม Xbox ได้ง่ายมากขึ้น นอกจากเกมแล้วแอปของระบบปฏิบัติการ Android ก็สามารถรันบน Windows 11 ได้ด้วย

    สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows 11 นั้นสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีสำหรับผู้ที่ใช้งาน Windows 7, Windows 8, Windows 8.1, และ Windows 10 (ที่ทางไมโครซอฟท์จะยุติการสนับสนุนในปี 2568) โดยจะเปิดให้อัปเดตในช่วงปลายปีนี้และผู้ที่ใช้งาน Surface (แท็บเล็ตของ Microsoft)

    สำหรับใครที่ต้องการดูคลิปการเปิดตัว Windows 11และรายละเอียดอื่น ๆ สามารถดูได้ที่ Cnet Highlight

    ข้อมูลจาก Cnet, Techhub, Blognone

    ภาพจาก Cnet Highlight

    ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  
    เวปไซด์ getup-it.com