เมกะเทรนด์ในโลก Metaverse

เมกะเทรนด์ในโลก Metaverse

    หลายคนคงคุ้นหูกับ Metaverse โลกเสมือนในอนาคตที่เป็นโอกาสสำหรับคุณได้เข้ามาใช้ชีวิตแบบที่คุณอยากจะเป็นในโลกเสมือน และยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วย ด้วยความหลากหลายในการนำเทคโนโลยีมาใช้ใน Metaverse ทำให้เกิดอาชีพใหม่ และมีความต้องการทักษะใหม่ในโลกเสมือน วันนี้เราจะพาทุกคนมาเปิดจักรวาลโลก Metaverse กับเมกะเทรนด์ที่มาแน่ในอนาคต แล้วคุณพร้อมรับมือกับเมกะเทรนด์เหล่านี้รึยัง

Cr.pic; https://www.extremeit.com/

1. โลกเสมือนจะกลายเป็นกระแสหลัก

    ผู้คนจะเข้ามาใช้ชีวิตในโลกเสมือนมากขึ้น รวมถึงการลงทุนทุกประเภท โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอเรนซี่ การลงทุนซื้อที่ดิน หรืออสังหาเพื่อขายเกร็งกำไร และโฆษณาสินค้าเพื่อให้คนจากทั่วโลกเห็นสินค้าของเราได้ง่ายขึ้น และเสียค่าโฆษณาน้อยลง แต่ได้ประสิทธิภาพมากกว่าการโฆษณาผ่านทีวี แต่โลกเสมือนก็มีมุมมืดที่ใครๆอาจไม่รู้ เพราะอาจเจอภัยในโลกไซเบอร์ได้ อย่างการขโมยข้อมูลส่วนตัว ไซเบอร์บูลลี่ ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะเกิดอาชีพใหม่ที่มาช่วยป้องกันภัยในโลกไซเบอร์ ทำให้โลกเสมือนจริงมีความปลอดภัยมากขึ้น

Cr.pic; https://www.extremeit.com/

2. ธุรกิจแพลตฟอร์มถูกท้าทายจากโลกเสมือน และจะเกิดระบบนิเวศของแอพพลิเคชั่นในระบบปิด        เนื่องจากความเป็น decentralized หรือ ไม่มีผู้ควบคุมจุดศูนย์กลาง ทำให้แพลตฟอร์มต่างๆ ต้องเชื่อมโยงแพลตฟอร์มตัวเอง ให้สามารถใช้งานร่วมกับแอพลิเคชั่นอื่นได้ และทางอยู่รอดของแพลตฟอร์มคือ ต้องสร้างระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์ตนเอง ให้ผู้ใช้งานใช้งานผลิตภัณฑ์ของแพลตฟอร์มเราอย่างครบวงจรบริษัทยุคใหม่ ไม่จำเป็นต้องใช้โค้ด หรือใช้โค้ดน้อยที่สุด ด้วยการทำงานแบบอัตโนมัติ ทำใช้งานในโลกเสมือนได้ง่ายและเร็วขึ้น

Cr.pic; https://www.extremeit.com/

3. เครื่องจักรจะทำหน้าที่แทนมนุษย์

  ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้ AI มาช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของเรา มาเป็นผู้ช่วย และสร้างผลงานที่น่าเหลือเชื่อ แต่ในอนาคตเราอาจเห็นหุ่นยนต์มาทำงานแทนมนุษย์ในบางอาชีพ และ AI ที่นำมาใช้ในโลกเสมือน จะประมวลผลได้เร็วขึ้น รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น เพราะเป็นตัวกลางในการรองรับเทคโนโลยีและข้อมูลมหาศาล

Cr.pic; https://www.extremeit.com/

4. โลกเสมือนจะคล้ายกับโลกจริง

   คาดว่าต่อไปผู้คนจะใช้ชีวิตในโลกเสมือนมากขึ้น และภาพกราฟฟิกในโลกเสมือนจะมีความสมจริงมากขึ้น วิถีชีวิตของผู้คนจะเปลี่ยนไป สามารถใช้ชีวิตที่อยากเป็นได้ในโลกเสมือน  รวมถึงการใช้ดิจิตอลทวินในการเก็บข้อมูล การพยากรณ์อากาศ ข้อมูลการจราจร การเก็บข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลและสามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้ ทำให้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้ล่วงหน้า ไม่แน่ในอนาคตอาจคาดการณ์โรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นได้

       เห็นไหมว่าโลกจักรวาลนฤมิต Metaverse เป็นโลกที่น่าค้นหา  และสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ๆในวิถีชีวิตแบบเดิม เช่น การช้อปปิ้งออนไลน์ เราสามารถจับต้องสินค้าได้จริง แม้จะนั่งอยู่ที่บ้าน ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าและอีกไม่กี่นาทีสินค้าจะส่งตรงถึงบ้านคุณ  โลกเสมือนยังพร้อมให้ทุกคนเข้าไปคว้าโอกาสให้กับชีวิตตัวเองอีกด้วย

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เมตาเวิร์ส (Metaverse) โลกใบใหม่ By Facebook

Facebook

Facebook จะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta

ใครที่เคยดูหนังเรื่อง The Matrix หรือถ้ารุ่นใหม่ๆหน่อยอย่างเช่น  Ready Player One คงจะเคยฝันเหมือนกันว่าถ้ามีโลกเสมือนที่เราสามารถเข้าไปสนุกสนานอยู่ในนั้นได้จริงๆก็น่าจะดี

วันที่ 28  ตุลาคม 2564 คือวันที่เริ่มต้นโลกเสมือนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เมื่อ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าพ่อวงการสื่อรุ่นใหม่ Facebook ปล่อยหน้าเพจในเว็บไซต์ทางการ ที่มาพร้อมกับคลิปคีย์โน๊ตของเขาว่า Facebook จะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta และสิ่งที่เขาเรียกว่า Metaverse ก็จะเข้ามาแทนที่ Facebook ในอนาคต

มาร์คอธิบายโลกที่ผู้คนสามารถเข้าไปเจอกันได้ในโลกเสมือนที่สามารถทำได้ด้วยการสวม VR และเชื่อมต่อเข้ากับระบบเน็ตเวิร์ค เพื่อเข้าไปนั่งทำงาน พบปะสังสรรค์ จากที่บ้าน สวนสาธารณะ ทุกๆที่ที่ต้องการทุกคนจะสามารถเข้าถึงและเชื่อมโยงกัน

และคลิปของ มาร์ค ที่เรากำลังดูอยู่ก็ไม่ใช่ตัวจริงแต่เป็นการแสดงตัวตนของเขาที่อยู่ในโลกไซเบอร์ในสิ่งแวดล้อมประดิษฐ์ที่สวยงาม นำมาเป็นคลิปเปิดตัว Meta นั่นเอง

เราจะได้สัมผัสโลกเสมือนอย่างที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แสดงในคลิปอย่างนั้นหรือ

แน่นอนว่าพรีเซนต์เทชั่นก็ต้องขายความฝันให้เห็นโลกอนาคต และระดับของความจริงที่จะได้สัมผัสได้จะยังอีกไกลกว่าจะได้ระดับของความสมจริงอย่างที่มาร์คแสดงให้ดู

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการขยับของ Facebook ในครั้งนี้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการสื่อทั่วโลกอย่างรุนแรง เพราะต่อให้ความจริงเสมือนจะยังอยู่ในระดับภาพการ์ตูนที่มีรายละเอียดไม่มาก แต่ก็คงจะดีไม่น้อย ที่จะได้สัมผัสโลกที่สามารถทำสิ่งที่เกินจากขีดจำกัดทางฟิสิกส์

โลกที่เราจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นอะไรก็ได้ที่หมายถึงว่าเป็นผู้หญิงก็ได้ เป็นผู้ชายก็ได้ หรือไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลกก็เป็นได้ ตามแต่ที่เราจะกำหนดร่างอวาตารใน Meta

ขายฝันแต่เป็นฝันที่จะเป็นจริง และทุกคนต้องปรับตัว

เรื่องหนึ่งที่ทุกคนแน่ใจคือ โลกเสมือนนี้จะเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคตโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

ยิ่งในโลกที่อาศัยโซเชียลมีเดียเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน ด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพในช่วง Covid-19 แล้ว ถ้าหากสามารถรวมกลุ่มกันทำงานได้เหมือนกับอยู่ในออฟฟิศแต่ว่านั่งทำงานอยู่ที่บ้าน หรือการเข้าร่วมการการละเล่น ชมการแข่งกีฬากับเพื่อนๆที่อยู่กันคนละที่ คนละเมือง คนละประเทศ ยิ่งกลายเป็นการตอบโจทย์ทางการใช้งานที่หลายคนมองหา

โอกาสของ Facebook เมื่อเปลี่ยนร่างเป็น Meta

ในตอนที่ Facebook เปิดตัวนั้นมีคนจำนวนไม่มากที่เข้าใจว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น กว่าที่จะรู้ตัว Facebook กลายเป็นพลังขับเคลื่อนทางธุรกิจขนาดใหญ่ไปแล้ว

เมื่อแปลงร่างเป็น Meta พลังขับเคลื่อนครั้งใหม่นี้จะทำให้โลกธุรกิจจะมีหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งอย่างแน่นอน

ในฐานะเจ้าตลาดและผู้เล่นคนแรก โอกาสของความเป็นไปได้ที่ Facebook จะทำโลกใหม่ที่สร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัทมีมากมาย ลองคิดดูว่าหากเราต้องการพื้นที่ที่ดีที่สุดในโลกเสมือน เช่นบริษัทที่ต้องการรองรับคนประมาณหนึ่งพันคนในการทำงานร่วมกัน  Metaจะสามารถขายพื้นที่หรือฟังก์ชั่นพิเศษให้กับหน่วยธุรกิจเหล่านี้ได้อีกไม่รู้เท่าไหร่

ทั้งความได้เปรียบของ Meta ต่อธุรกิจอื่นๆ รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่าง Meta กับแอพพลิเคชั่นอื่นๆในด้านผลประโยชน์ ซึ่งหลายๆบริษัทก็คงกำลังหนาวๆร้อนๆกันอยู่ว่า Meta จะยืนค้ำหัวเหล่าบริษัทไฮเทคทั่วโลกก็คราวนี้

แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ วันที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กประกาศเรื่องนี้ เป็นวันที่ Facebook รู้แน่นอนแล้วว่า พวกเขาจะทำมันได้

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ เทคโนโลยีรอบโลก 
เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook