Meta บริษัทของมาร์คซัคเคอร์เบิร์กที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อแผนการสร้าง Metaverse รวมถึงตัวของเขาได้มีการพูดถึงเทคโนโลยี ตัวอย่างเช่น Cryptocurrency และ ผลงาน NFT จนถึงขั้นกลายมาเป็นโปรเจคในการพัฒนาเลยทีเดียว

โดยมาร์คซัคเคอร์เบิร์กได้ตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2023 จะเป็น “ปีแห่งประสิทธิภาพ” โดยหลังจากที่มีการปลดคนงานไปกว่า 11,000 ราย ทางบริษัทยุติการจ้างพนักงานเพิ่มและหันมาโฟกัสเกี่ยวกับการตัดสินใจมากขึ้น โดยจะมีการตัดบางส่วนออกไปเพื่อให้การตัดสินใจนั้นรวดเร็วต่อการก้าวหน้าของบริษัท ซึ่งการประกาศการเปลี่ยนแปลงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี NFT แต่ดูเหมือนว่าการกระทำของบริษัทในตอนนี้จะย้อนแย้งกับคำพูดที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้โดย Meta จะยุติทดสอบการสร้างและการขาย NFT บน Instagram รวมถึงการแชร์ผลงาน NFT บน Instagram และ Facebook
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดยทั้งหมดเป็นการประกาศของ Stephane Kasriel หัวหน้าแผนก commerce and fintech โดยเจ้าตัวยังบอกถึงเหตุผลเกี่ยวกับการยุติโปรเจคในคราวนี้ไว้ด้วยว่า ทางบริษัทจะหันมาสนับสนุนครีเอเตอร์และธุรกิจ โดยทางบริษัทต้องการพัฒนาในส่วนที่มันสร้างผลลัพธ์ได้ดีในวงกว้าง ตัวอย่างเช่นการสร้างรายได้และการส่งข้อความในคลิป Reels และการพัฒนาระบบ Meta pay เป็นต้น
การยกเลิกการพัฒนา NFT กลายเป็นอีกหนึ่งโปรเจคเทคโนโลยี Blockchain ที่ทางบริษัท Meta ยกเลิก หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาได้มีการยกเลิกการพัฒนาเหรียญคริปโต Diem และการพัฒนากระเป๋าเก็บเหรียญ Novi

ภาพ Pixabay/geralt
ถึงแม้ว่าบริษัท Meta จะยุติการพัฒนาเทคโนโลยี NFTแต่ก็มีบริษัทอื่น ๆ การกระโจนเข้าหาตลาด NFT หลายเว็บไซต์ได้มีการโปรโมทผลงานศิลปะตัวอย่างเช่น Reddits และยังมีอีกหลายบริษัทได้มีการขายผลงานของตัวเองไม่ว่าจะเป็น Starbucks ที่สามารถขายผลงานราคา 100 เหรียญได้กว่า 2,000 ชิ้นงาน
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าถึงแม้ว่าในช่วงนี้เทคโนโลยี Blockchain และผลงาน NFT จะถูกพูดถึงน้อยลงแต่ก็ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนบางกลุ่มอยู่และถ้าหากสกุลเงินคริปโตเคอรี่กลับมาคึกคักอีกครั้งก็คงจะทำให้ตลาดนี้กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งอย่างแน่นอน
ข้อมูลจาก The Verge
เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook