Microsoft ปิด Linkedin ในประเทศจีน

Linkedin

Linkedin เป็นเหมือนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครงานหรือหางาน

เมื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ อยู่รอบตัวเอาการสมัครงานหรือหาที่ทำงานใหม่ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากเมื่อก่อนถ้าหากว่าต้องการที่จะสมัครงานหรือเริ่มงานที่บริษัทใหม่จำเป็นที่จะต้องเดินไปสมัครที่บริษัทหรือโทรศัพท์นัด ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เสียเวลาและก็เสียโอกาสไปมากมายเลยทีเดียว แต่ว่าในยุคปัจจุบันเราสามารถสมัครงานผ่านเว็บไซต์หรือจากแอปพลิเคชันได้เลย เพียงแค่ส่งข้อมูลตามที่บริษัทที่ต้องการสมัครขอเพียงเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่มีคนนิยมใช้งานทั่วโลกก็คือ Linkedin

Linkedin เป็นเหมือนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครงานหรือหางานซึ่งมีผู้ใช้งานจากทั่วทุกมุมโลกไม่เว้นแต่ในประเทศไทยมีการเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 2002 ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีผู้ใช้งานจำนวนมากมายเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าในประเทศจีนจะไม่มี Linkedin อีกต่อไปMicrosoft ได้มีการประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าจะปิดการใช้งาน Linkedin ภายในประเทศจีน โดยจะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันหางานตัวใหม่โดยจะเน้นกลยุทธ์ในเรื่องของการหาผู้เชี่ยวชาญให้เข้ากับงานโดยจะมีการเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ แล้วจะทำแพลตฟอร์มให้ลักษณะความต่างไปจากเดิมโดยจะไม่มีหน้า News Feed หรือจะไม่สามารถแบ่งปันโพสต์ได้ โดยแอปพลิเคชันใหม่นี้จะมีชื่อว่า Injobs

โดยจุดเริ่มต้นของการยุติการใช้งาน Linkedin ในประเทศจีนเริ่มต้นจากฝ่ายควบคุมดูแลอินเทอร์เน็ตของประเทศจีนขอให้ Linkedin จัดระเบียบเนื้อหาภายในแพลตฟอร์มตั้งแต่เดือนมีนาคมโดยให้ระยะเวลา 1 เดือนในการทำตามข้อเรียกร้อง ซึ่งก็เป็นการกดดันและเป็นความท้าทายที่ Microsoft มันต้องจัดการ

Linkedin เริ่มใช้บริการในประเทศจีนตั้งแต่ในช่วงปี 2014 และอยู่ในการดูแลของ Microsoft ตั้งแต่ในช่วงปี 2016 โดยจนถึงปัจจุบันก็มีอายุ 7 ปี การถอนตัวในครั้งนี้จะทำให้ประเทศจีนไม่มีการใช้งานแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นของประเทศสหรัฐเลยแม้แต่แอปพลิเคชันเดียว โดย Facebook และ Twitter ก็โดนบล็อกจากประเทศจีนและ Google ก็ได้มีการถอนตัวออกจากประเทศจีนตั้งแต่ปี 2010

สำหรับประเทศจีนแล้วแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ที่ทั่วโลกใช้งานกันจะไม่ถูกนิยมใช้ในประเทศจีนเพราะว่าประเทศจีนนั้นมีแอปพลิเคชันที่สามารถใช้ในการติดต่อสื่อสารกันภายในประเทศอยู่แล้ว และด้วยการเป็นมหามากของทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกทำให้ทั้งสองฝ่ายนั้นมีการแข่งขันกันในหลาย ๆ ด้านนั่นเอง

ซึ่งก็น่าติดตามดูว่าหลังจากที่ Linkedin ถูกปิดตัวไปแล้วจะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ “Injobs” จะได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเหมือนกับ Linkedin แล้วจะมีฟีเจอร์การทำงานเป็นอย่างไร

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet , CNBC

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เมื่อบัญชีของ Linkedin ถูกมือดีแฮกเอาไปขาย

Linkedin

Linkedin เป็น Social Networkประเภทหนึ่งที่ใช้ในงานทางด้านการประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพฟรีแลนซ์ การหาอาชีพเสริม รวมไปถึงการที่นายจ้างต้องการที่จะหาลูกจ้างเพื่อจะทำงานเป็นชิ้น โดยผู้ที่สมัครเข้าไปในเว็บไซต์หรือ Application ของ Linkedin จะต้องใส่ข้อมูลส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นชื่อที่อยู่อีเมลที่ใช้ในการติดต่อรวมไปถึงประสบการณ์การทำงานและผลงานให้เหมาะสมกับงานที่อยากทำ และเพื่อให้นายจ้างสามารถประเมินได้ว่าถ้าหากว่าจ้างไปแล้วจะสามารถทำงานได้สำเร็จตามที่มอบหมายไว้หรือไม่

สำหรับบัญชีผู้ใช้ของ Linkedin ในปัจจุบันนี้มีอยู่ที่ 675 ล้านบัญชีทั่วโลกอ้างอิงจากเว็บไซต์ แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีมือดีนั้นหากนำเอาข้อมูลของบัญชีผู้ใช้งานในเว็บไซต์ Linkedin นั้นไปขายเป็นจำนวน 500 ล้านบัญชีเรียกว่าเป็น3 ส่วนของบัญชีทั้งหมดที่มีอยู่เลยทีเดียว ซึ่งทางเว็บไซต์ Linkedin ก็มีเครื่องมือที่ใช้ป้องกันอยู่แล้วแต่ว่าเครื่องมือตัวนั้นยังไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพพอสมควร การที่ข้อมูลรั่วไหลในครั้งนี้ก็คงจะส่งผลเสียต่อ Linkedin และยังส่งผลเสียต่อบัญชีผู้ใช้ที่ข้อมูลรั่วไหลอีกด้วยเช่นเดียวกัน แต่ว่าอย่างไรก็ตาม Linkedin ก็จะส่งข้อความเตือนไปยังบัญชีผู้ใช้ที่ถูกแฮกข้อมูลไปและที่ถูกนำข้อมูลไปขายเพื่อรับผิดชอบต่อลูกค้าของตนเอง

เหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลในโลกของ Social Mediaในช่วงนี้ถือว่าเกิดขึ้นถี่มาก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของ Facebook ที่ข้อมูลรั่วไหลออกมา ซึ่งบัญชีส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปและในตอนนี้ทาง Facebook ก็ยังไม่ได้มีการส่งแจ้งเตือนไปให้กับบัญชีที่มีข้อมูลรั่วไหลออกมาเลยทีเดียว ตอนนี้ผู้ใช้บริการต่างต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อที่จะตรวจสอบว่าข้อมูลของตนเองนั้นได้รั่วไหลออกมาหรือไม่ 

ผ่านจากเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลของ Facebook เพียงไม่กี่วันก็เกิดขึ้นกับ Linkedin ไม่แน่ในอนาคตอาจจะมีข้อมูลรั่วไหลจากบริษัทอื่น ๆ อีก คราวนี้ก็ต้องมาดูว่าบริษัทหลาย ๆ บริษัทที่เป็นบริษัทที่มีข้อมูลของผู้คนจำนวนมากอยู่จะหาทางป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลอย่างไร เพราะถ้าข้อมูลที่ถูกปล่อยออกไปไม่ว่าจะเป็นชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อายุหรืออื่น ๆ ถ้าหากถูกนำไปใช้ในทางที่เสียหายแล้ว ผู้ที่เสียหายที่สุดอาจจะไม่ใช่บริษัทที่ถูกทำให้ข้อมูลรั่วไหลแต่จะเป็นผู้ใช้บริการ

#Linkedin #แฮก #SocialMedia #ทันโลกit  #getup-it.com

ข้อมูลจาก CNN