Google Play เปลี่ยนนโยบายใหม่เปิดรับ NFT

Google Play เปลี่ยนนโยบายใหม่เปิดรับ NFT

กระแสคริปโตเคอเรนซี่และเทคโนโลยีบล็อกเชนเริ่มจะซาลง เราเห็นได้ชัดว่าคนเริ่มพูดถึง NFT และ GameFi ลดลงอย่างมากรวมถึงบริษัทบางบริษัทที่ดำเนินธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีก็เริ่มมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวน้อยลงด้วยเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้มันดำรงอยู่การลองพัฒนาหรือการปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อนำมาใช้ควบคู่ในการดำเนินธุรกิจก็เกิดขึ้นได้เสมอ Google ได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายใน Google Play เพื่อนำ NFT และบล็อกเชนกับมาอีกครั้ง

นโยบายและข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้บล็อกเชนในการทำเกม

ภาพ Pixabay/ Maiconfz

Google ได้มีการปรับนโยบายของ Marketplace อย่าง Google Play ใหม่อีกครั้งโดยอนุญาตให้นักพัฒนา Apps สามารถที่จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนและ NFTs เข้าไปใส่ในเกมที่วางขายอยู่ใน Google Play ได้ แต่ต้องทำตามกฎระเบียบที่วางเอาไว้ดังนี้

  • Application ต้องมีความโปร่งใสกับผู้ใช้งานโดยเฉพาะกับสินทรัพย์ดิจิตอล
  • ผู้พัฒนาไม่สามารถที่จะโปรโมทเกมโดยใช้รูปแบบของ Play to earn หรือ Trading ได้

แอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อการพนัน การเล่นเกม การแข่งขัน โดยที่มีเงินจริงเข้ามาเกี่ยวข้องถือว่าละเมิดต่อนโยบายของ Google Play และจะถูกห้ามเอาไว้ รวมไปถึงการเติมเงินเพื่อให้สามารถรับไอเทม NFTs ที่ดีกว่าคนอื่น อย่างไรก็ดีการเติมเงินเพื่อซื้อ Loot Boxes แบบสุ่มไอเทม จะอยู่ในข้อจำกัดนี้แต่ไม่ได้ห้ามเอาไว้

ด้วยนโยบายต่าง ๆ ข้างต้นจะป้องกันไม่ให้ผู้เล่นใหม่หลงเชื่อว่าการเติมเงินเพื่อให้ได้มาซึ่งไอเทม NFTs จะได้รับผลตอบแทนที่ดีกลับมา

ภาพ Wallpaperaccess

โดยทางบริษัทคาดว่าจะมีการเปิดให้บริการเกมรูปแบบใหม่นี้ในช่วงปลายฤดูร้อนที่จะถึงนี้ และจะมีการปล่อยให้ผู้พัฒนาทุกคนได้เข้ามาพัฒนา Application ในช่วงปลายเดือนนี้หลังจากที่ได้มีการทดสอบกับกลุ่มพัฒนาบางกลุ่มก่อน

นอกจากเรื่องของการพัฒนาแอป ในอนาคต Google Play นั้นได้มีการวางแผนกับบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีบล็อกเชนเป็นฐานด้วย เรียกได้ว่าตอนนี้ Google เริ่มก้าวนำในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain แต่ก่อนคู่แข่งอย่าง Apple เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องคอยติดตามว่า Apple จะมีการตอบโต้อย่างไร

ข้อมูลจาก Techcruch

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

Google เปิดตัวเครื่องมือใหม่ “About this Image”

Google เปิดตัวเครื่องมือใหม่ “About this Image”

ในปัจจุบันนี้การค้นหาภาพเป็นเรื่องที่ง่ายดายเพียงแค่เข้าเว็บไซต์ Google แล้วกดค้นหาภาพที่ต้องการ ภาพเหล่านั้นก็จะปรากฏขึ้นมาให้เราได้เห็น แต่ในโลกของอินเทอร์เน็ตที่มีข้อมูลมากมายทำให้เราไม่สามารถทราบได้ว่าข้อมูลหรือรูปภาพที่ปรากฏขึ้นมานั้นเป็นรูปภาพที่มีอยู่จริง หรือเป็นภาพที่ถูกสร้างขึ้นโดย AI หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ทาง Google จึงได้มีการนำเสนอเครื่องมือใหม่ขึ้นมาโดยเครื่องมือตัวนี้มีชื่อว่า “ About this Image”

About this Image เป็นเครื่องมือที่จะถูกบรรจุไว้ใน Google search และจะมีการเปิดให้ใช้งานในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ โดยเครื่องมือตัวนี้จะช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับรูปภาพใน Google ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเว็บไซต์ที่อัปโหลดรูปภาพเป็นครั้งแรก รูปภาพที่คล้ายคลึงกันเป็นต้น ซึ่งทาง Google ก็ได้มีการยกตัวอย่างเป็นรูปภาพการสำรวจดวงจันทร์ดังภาพข้างล่าง

ภาพ blog.google

เมื่อมีการใช้เครื่องมือ About this Image ก็จะปรากฏข้อมูลขึ้นมาว่ารูปภาพนี้เป็นรูปภาพที่ไม่ตรงกับความจริง หรือในตัวอย่างอื่นๆ รูปภาพที่ถูกอัปเดตจาก Breaking New ที่ถูกอัพโหลดขึ้นจากสำนักข่าว Reuter หรือ CNN หรือได้มีการอัปโหลดจาก Getty Image ก็จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่ารูปภาพที่ปรากฏขึ้นครั้งแรกในเว็บไซต์อื่น ๆ ตัวอย่างเช่นเว็บไซต์กระทู้เป็นต้น นอกจากจะสร้างเครื่องมือในการตรวจจับรูปภาพที่สร้างจาก AI แล้ว Google ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้าไปใน Google Search อีกด้วย โดยรูปภาพที่ถูกสร้างโดย AI จะมีข้อความกำกับไว้ว่า “สร้างโดย AI” (ภาษาอังกฤษ AI generated)

ภาพ blog.google

นี่อาจจะเป็นข้อเสียแรกของ AI ในโลกของอินเทอร์เน็ตเลยก็ว่าได้ เมื่อก่อนการหาข้อมูลที่เป็นความจริงก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว แต่การมี AI เข้ามาดูเหมือนว่าจะทำให้การหาข้อมูลที่มีมูลความจริงนั้นจะกลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น ในอนาคตอาจจะมีผลอย่างมากโดยเฉพาะในวงการศิลปะ คนอาจจะใช้ AI ในการสร้างรูปมากขึ้นขึ้นมาเพื่อหารายได้ แทนที่จะใช้ฝีมือของตัวเอง และมันก็คงสร้างปัญหาให้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นบริษัทเทคโนโลยีก็ควรที่จะสร้างเครื่องมือหรือระบบในการตรวจจับ AI ขึ้นมา Google กลายเป็นบริษัทที่ก้าวนำบริษัทอื่น ๆ ในเรื่องนี้ไปแล้ว ก็ต้องคอยดูว่าบริษัทที่ตามหลังมานั้นจะทำได้ดีมากแค่ไหน ซึ่งทาง Google เองก็หวังว่าบริษัทอื่น ๆ จะนำเครื่องมือนี้ไปใช้เพื่อลดข้อมูลเท็จที่มีอยู่ในโลกออนไลน์ เพื่อป้องกันปัญหาข้อมูลเท็จที่มีอยู่ทั่วโลกอินเทอร์เน็ต

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Google เปิดตัว WebGPU บน Chrome 113

Google เปิดตัว WebGPU บน Chrome 113

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2021 Google ได้มีการพัฒนาเว็บใหม่ที่มีชื่อว่า WebGPU ซึ่งจะใช้อำนวยความสะดวกในการเล่นเกมบนระบบ Cloud โดยในช่วงนั้นได้มีการทดสอบบน Chrome 94 และได้มีการคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จในปี 2022 ที่ผ่านมา แต่ข่าวคราวก็ได้เงียบหายไป จนเวลาล่วงเลยมาถึงปี 2023 ในที่สุด Google ก็เปิดตัว WebGPU อย่างเป็นทางการโดยมันจะถูกติดตั้งเป็น Default บน Chrome 113 ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเวอร์ชัน Beta

ภาพ Pexels

WebGPU ถูกพัฒนาโดย W3C มันคือระบบ API ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงการทำงานของกราฟิกสูงสุดเท่าที่จะทำได้คล้ายกับ Metal, DirectX 12 หรือ Vulkan ที่สำคัญนักพัฒนาจะใช้การทำงานของโค้ด Javascript น้อยลง ที่สำคัญยังมาพร้อมกับระบบ Machine Learning Model ที่ดีมากกว่า 3 เท่า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้นักพัฒนาเกมสามารถสร้างเกมที่มีคุณภาพให้เล่นบนเบราว์เซอร์ ซึ่งทาง Google ก็ยังบอกอีกด้วยว่าจะมีการอัปเดตให้กับ WebGPU หลังจากนี้โดยจะเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ เข้าไปไม่ว่าจะเป็น ระบบกราฟิกขั้นสูง หรือ การเข้าถึง Shader cores และการพัฒนาในด้านอื่นๆ จะขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาที่พัฒนาคอนเทนต์บนระบบดังกล่าว ในด้านของการใช้งาน WebGPU ถูกพัฒนามาให้ใช้บน Windows PCs ที่รองรับ Direct3D 12, MacOS และ ChromeOS ที่รองรับการทำงานของ Vulkan ซึ่งจะมีการรองรับระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ในภายหลัง

ภาพ babylonjs

ในปัจจุบันนี้การเล่นเกมบนเว็บไซต์เริ่มเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้นดังนั้นการที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาจะช่วยให้การพัฒนาเกมบนเบราว์เซอร์นั้น เป็นไปในทิศทางบวกมากยิ่งขึ้น เราอาจจะได้เห็นเกมที่มีกราฟิกที่ดีมากยิ่งขึ้น และ พัฒนาได้ง่ายมากขึ้น สำหรับในปัจจุบันนี้เว็บไซต์ BabylonJS เป็นเว็บไซต์ที่ใช้ในการสร้างภาพ 2 มิติและ 3 มิติ รวมถึงเกมซึ่งเปิดให้ใช้บริการฟรี ใครที่เป็นสายเขียนโค้ดและอยากสร้างภาพกราฟิกของตัวเองก็สามารถไปลองใช้ดูได้ นอกจากจะเปิดตัว WebGPU แล้วทาง Google ยังมีการอัปเดตเกี่ยวกับ Chrome 114 อีกด้วยโดยจะมีความเร็วมากขึ้นซึ่งสามารถไปอ่านรายละเอียดได้ที่ Developer.Chrome

ข้อมูลจาก The Verge , Techhub

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Microsoft จับมือ OpenAI เปิดตัวแชทบอท AI ใน Bing ท้าชน Google

Microsoft จับมือ OpenAI เปิดตัวแชทบอท AI ใน Bing ท้าชน Google

การมาของ ChatGPT ทำให้เทคโนโลยี AI กลายเป็นที่จับตามองในช่วงต้นปีนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ก็เริ่มต้นพัฒนาระบบ AI ของตัวเองขึ้นมา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Google บริษัทเทคโนโลยี Search Engine ก็ได้มีการเปิดตัว Bard AI ที่จะคอยตอบคำถามอย่างเป็นธรรมชาติโดยมีทำงานที่คล้ายกับ ChatGPT แต่ข้อมูลต่างๆ ที่ระบบ AI นั้นประมวลผลจะทันสมัยมากกว่า

ภาพ pngwing , pngegg

ในสัปดาห์นี้ Microsoft ก็ไม่น้อยหน้าเปิดตัว Bing และ Edge รูปแบบใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน โดยคราวนี้ได้เทคโนโลยีของ OpenAI อย่าง Prometheus Model มาใช้ในการพัฒนา โดยทาง Microsoft บอกว่าในปัจจุบันนี้การค้นหาใน Search Engine แบบเก่าจะเจอคำตอบที่ไม่ตรงคำถามมากถึง 50% การใช้ระบบ AI มาช่วยจะทำให้การค้นหาได้คำตอบที่ตรงตรงประเด็นและมีความเป็นกันเอง ผู้ใช้งานสามารถเลือกระดับของภาษาให้กับระบบ AI ได้ เช่นเดียวกันกับ ChatGPT มันสามารถถูกใช้งานในการโพสต์หรือพิมพ์ข้อความต่าง ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ระบบ AI ที่ Microsoft ใส่ไว้ใน Bing จะเข้ามาเสริมจุดเด่นและกลบจุดด้อยของ Search Engine ได้ดังนี้

แหล่งอ้างอิงข้อมูล โดยปกติแล้วการทำงานของ ChatGPT จะเป็นการรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลกมาประมวลผลแล้วย่อเป็นคำตอบให้กับผู้ค้นหา แต่สำหรับระบบ AI ของ Microsoft นอกจากจะทำเช่นนั้นแล้ว บางครั้งระบบจะใส่แหล่งอ้างอิงของข้อมูลที่ค้นหามาให้ด้วย ซึ่งมันเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ Microsoft เมื่อทำการค้นหาด้วยระบบ AI ที่อยู่ใน Bing คำตอบที่ได้จากระบบอาจจะมีโฆษณาติดมาด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ระบบ AI จะแนบลิงก์ถึงบริษัทนำเที่ยวมาให้ผู้ค้นหาได้พิจารณาด้วย

ช่วยแก้ปัญหาของ Bing Bing เป็น Search Engine ที่มีปัญหาเมื่อทำการค้นหาด้วยภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ คำตอบที่ได้บางครั้งจะไม่ค่อยตรงประเด็น การมีระบบของ OpenAI อย่าง Large Language Model เข้ามาช่วยเหลือจะทำให้ประสิทธิภาพการค้นหาในภาษาอื่น ๆ มีมากขึ้น

เพิ่มความเป็นปัจจุบันของข้อมูล ระบบ GPT-3.5 เป็น AI ที่อยู่ใน ChatGPT ถูกฝึกให้ค้นหาข้อมูลตั้งแต่อดีตจนถึงปี 2021 ดังนั้นข้อมูลต่าง ๆ ในช่วงปี 2022 จนถึงปัจจุบันจะยังไม่ได้ถูกอัปเดต แต่เมื่อนำมารวมกับ Bing ก็จะได้ข้อมูลที่มีความเป็นปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

ภาพ Wallpaperaccess

อย่างไรก็ตามตอนนี้ระบบ AI ของ Microsoft ที่อยู่ใน Bing และ Edge ยังไม่ได้เปิดใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยมารองรับแค่การค้นหาบางส่วนเท่านั้น ส่วนจะเปิดตัวมาให้ใช้งานจริงเมื่อไหร่ก็คงต้องติดตามกันต่อไป ในปีนี้เราอาจจะได้เห็นเทคโนโลยีออกใหม่อาจจะเป็นโทรศัพท์, แล็บท็อป และ ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ จะมีระบบ AI เพิ่มเข้าไปด้วยก็เป็นได้ ซึ่งจะทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้มีความก้าวล้ำนำสมัยมากยิ่งขึ้นอย่างการเปิดตัวแชทบอท AI ใน Bing ท้าชน Google

ข้อมูลจาก Cnet, Driodsans

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok ออกไป สมาชิกรัฐสภาสั่ง Apple และ Google ให้นำแอปออกจากร้านค้า

Tiktok ออกไป สมาชิกรัฐสภาสั่ง Apple และ Google ให้นำแอปออกจากร้านค้า

ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนเป็น 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ในโลกและเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจ โดยทั้งสองประเทศมักจะมีประเด็นความขัดแย้งให้ได้ติดตามกันเป็นประจำ หนึ่งในนั้นก็คือปัญหาความมั่นคงระดับชาติจาการใช้งานสังคมออนไลน์

เมื่อสมัยรัฐบาลของโดนัลด์ท รัมป์ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังอย่าง Tiktok ที่ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท ByteDance ยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน ว่าเป็นแอปพลิเคชันที่อันตรายและอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือลักษณะใบหน้า ถึงแม้ว่าจะมีกระแสต่อต้าน แต่ในรัฐบาลของโจ ไบเดนก็ได้มีการยกเลิกคำสั่งแบน Tiktok และ WeChat ทำให้ชาวอเมริกันยังสามารถใช้งานแอปทั้ง 2 ได้จนถึงปัจจุบันนี้

 ภาพ Pixabay

หลังจากข่าวเงียบหายไป กระแสการต่อต้านก็กลับมา Michael Bennet สมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาพรรคเดโมแครตจากรัฐโคโลราโด ได้มีการเขียนจดหมายถึง Tim Cook ผู้บริหารของ Apple และ Sundar Pichai ผู้บริหารของ Google เพื่อให้นำ Tiktok และ WeChat ออกจากร้านค้า App Store เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีความเคลื่อนไหวของทาง Google และ Apple ออกมา ถึงแม้ตอนนี้จะมีการพยายามให้ระงับการใช้งานแอปพลิเคชันจากจีนทั่วทั้งประเทศแต่ก็ยังทำได้แค่บางพื้นที่ เช่นในรัฐโอไฮโอ, นิว เจอร์ซีย์ มีการสั่งแบนแอป Tiktok จากอุปกรณ์ภายในพื้นที่ของรัฐ ตามมาด้วยรัฐเวอร์จิเนียที่ห้ามใช้งาน Tiktok และ WeChat เมื่อ เมื่อปลายปีที่ผ่านมารัฐจอร์เจียก็มีการสั่งระงับการใช้งานแอปจากจีนด้วยเช่นเดียวกัน

 ภาพ Pixabay

ท่ามกลางความกดดันทางบริษัทผู้พัฒนาก็รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของรัฐบาลในบางรัฐของอเมริกา ซึ่งทางโฆษกของบริษัทก็ชี้แจงว่าทางบริษัทพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาและพัฒนาตามแนวทางของกฎระเบียบในแต่ละประเทศ และจะเพิ่มความปลอดภัยให้กับแพลตฟอร์มในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ Shou Zi Chew เจ้าของ Tiktok จะมีการทำให้การยืนยันในการประชุมที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อชี้แจงข้อมูลต่าง ๆ และแก้ไขประเด็นที่ถูกโจมตี

ถึงแม้ว่าจะไม่กระทบกับผู้ใช้ในประเทศไทย แต่การสูญเสียฐานผู้ใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีประชากรเป็นจำนวนมากนั้น ก็ทำให้ Tiktok เสียรายได้ไปไม่น้อยเลยทีเดียว สุดท้ายก็คงต้องมาติดตามดูว่าประเทศอเมริกาจะสามารถใช้งานแอปจากจีนได้อีกหรือไม่ แต่ในทางกลับกันตอนนี้ประเทศจีนก็ไม่สามารถใช้ Facebook ได้เช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก Cnet

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Google เพิ่มความปลอดภัยข้อมูลใน Google Play

Google เพิ่มความปลอดภัยข้อมูลใน Google Play

ทุกวันนี้ในโลกของอินเทอร์เน็ตสิ่งที่มีมูลค่ามากที่สุดนั่นก็คือข้อมูล เพราะมันสามารถสร้างประโยชน์และโทษได้ในหลายด้าน ทำให้การปกป้องข้อมูลของตัวเองหรือการรับรู้ว่าข้อมูลของตัวเองถูกนำไปใช้งานอย่างไรนั้นจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งในตอนนี้บริษัทส่วนใหญ่ก็เริ่มปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันนั่นก็คือการเก็บข้อมูลลูกค้าให้ปลอดภัยมากที่สุด แต่ในส่วนของ Google นั้นได้มีการยกระดับให้ ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบดูได้ว่าแอปพลิเคชันจะใช้ข้อมูลอย่างไร พร้อมกับเพิ่มมาตรฐานในการคัดกรองแอปพลิเคชันมาลงใน Google Play ด้วย ซึ่งระบบนี้ก็เป็นระบบที่ Apple ก็มีเช่นเดียวกัน

ภาพ Pixels

ฟีเจอร์ใหม่เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล

ภาพ Wallpaperaccess

Google ได้เริ่มใช้งานส่วนความปลอดภัยของข้อมูลใน Google Play ร้านค้าดาวน์โหลดแอปของ Google เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานตัวอย่างเช่นการเก็บข้อมูลการรักษาข้อมูลและการใช้ข้อมูลของแอปพลิเคชัน ระบบดังกล่าวขึ้นมานั้นเพื่อใช้กับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันโดยตรงโดยผู้พัฒนาจะต้องระบุให้ชัดเจนว่าข้อมูลไหนจะถูกเก็บไว้และจะถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด

โดยระบบจะแสดงข้อมูลดังนี้

  • การเก็บข้อมูลและวัตถุประสงค์การใช้งานข้อมูล
  • ข้อมูลที่ถูกส่งต่อให้บุคคลที่ 3
  • การถอดรหัสการส่งข้อมูลรวมไปถึงผู้ใช้งานสามารถร้องขอให้ลบข้อมูลได้
  • ทุก App ที่ถูกคัดเลือกจะต้องผ่านนโยบายของ Google Play เสียก่อน และจะต้องปลอดภัยกับเยาวชน
  • ต้องได้มาตรฐานสากล

ภาพ Pixels

ระบบความปลอดภัยข้อมูลของ Google นั้นได้มีการพูดถึงการในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาโดยมันครอบคลุมไปถึงผู้พัฒนาในรูปแบบ First Party และ Third Party ซึ่งมีลักษณะการทำงานเดียวกันกับ “Nutrition Label” ของ Apple ซึ่งระบบนี้จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการเข้าถึงของข้อมูลได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงสถานที่ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถอนุญาตให้เข้าถึงสถานที่ของผู้ใช้งาน 1 ครั้งหรือขณะใช้งานแอปพลิเคชันก็ได้และรวมไปถึงข้อมูลอื่นๆ ก็สามารถควบคุมด้วยเช่นเดียวกัน โดยสามารถตรวจสอบได้โดยการเข้าไปที่ Android privacy dashboard เพื่อดูรีวิวของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้

ย้ำอีกครั้งเมื่อเราเข้าสู่โลกของอินเตอร์เน็ตข้อมูลทุกอย่างถือว่าเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามากพยายามอย่าแชร์ข้อมูลที่เป็นข้อมูลส่วนตัวมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดผลเสียมาภายหลัง 

ข้อมูลจาก Cnet

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Microsoft กำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ให้กับ Xbox Series XMicrosoft กำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ให้กับ Xbox Series X

Microsoft กำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ให้กับ Xbox Series XMicrosoft กำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ให้กับ Xbox Series X

ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมเกมจะต้องเจอกับปัญหาอย่างหนึ่งก็คือการสร้างชิปประมวลผลขาดตลาด ทำให้เครื่องเล่นเกมหลายรุ่นมีราคาที่สูงมากยิ่งขึ้นและเมื่อปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นบริษัทหลายบริษัทพยายามที่จะผลิตชิปประมวลผลของตัวเองขึ้นมาเพื่อลดต้นทุน ในการผลิตและต้นทุนของสินค้า

Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก กำลังพัฒนาชิปประมวลผลตัวใหม่ให้กับเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Xbox Series X โดยมันจะมีขนาดที่เล็กลงใช้พลังงานได้ดีมากยิ่งขึ้นและที่สำคัญมันช่วยลดต้นทุนของเครื่อง Xbox รุ่นใหม่นี้ได้ด้วย

ภาพจาก  Xbox

อย่างไรก็ตามการพัฒนาชิปตัวเล็กตัวใหม่นี้ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเราจะได้เห็นเครื่อง Xbox Series X ที่มีขนาดเล็กลง เหมือนกับเมื่อก่อน ที่มีเครื่อง Xbox 360 Slim ออกมาให้เราได้เล่น 5 ปี หลังจากที่เครื่อง Xbox 360 ออกมา หรือแม้แต่เครื่อง Xbox One S ที่ออกมาหลังจากเครื่อง Xbox One 3 ปี

ภาพจาก  Xbox

การพัฒนาออกมาเลยคราวนี้ในอนาคตเราคงจะได้เห็นเครื่อง Xbox Series X มีราคาถูกลงแน่นอนและอาจจะเป็นการต่อสู้กับคู่แข่งยังค่าย Sony ผู้ผลิตเครื่อง PlayStation 5 ได้ไม่มากก็น้อยเลย น่าจะเป็นราคาเท่าไหร่นั้นก็คงต้องมาติดตามดูกันและที่สำคัญเลยคือเครื่องรุ่นใหม่ของทั้งสองค่ายนั้นมีประสิทธิภาพที่ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนักการที่มีเครื่องใดเครื่องหนึ่งราคาต่ำกว่าคงจะเป็นการดึงดูดให้ผู้เล่นได้มีการโยกย้ายค่ายกันอย่างแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับเกมด้วยเช่นเดียวกันเพราะบางเกมก็เป็นเกม Exclusive เฉพาะบนเครื่องใดเครื่องหนึ่งเพียงเท่านั้นไม่ได้มีการเปิดให้เล่นบนเครื่องทั้ง 2 รุ่นนั่นเอง

ภาพจาก  Xbox

เมื่อมีการผลิตชิปตัวใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้กับเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุดคำถามเพื่อหลายคนคงจะต้องตั้งขึ้นมาก็คงจะหนีไม่พ้นประสิทธิภาพของมัน สำหรับชิปประมวลผลตัวใหม่นี้ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้พลังงานได้ดีมากยิ่งขึ้นมีขนาดที่เล็กลงแต่ในด้านประสิทธิภาพของการเล่นเกมอาจจะยังไม่เปลี่ยนแปลงจากชิปประมวลผลตัวดั้งเดิม

สำหรับเรื่องของการอัปเดตฮาร์ดแวร์ที่ทาง Microsoft ได้มีการประกาศออกมาเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะใช้เวลาในอีกสักพักหนึ่งถึงจะมีการปล่อยออกมาให้เห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับตัวฮาร์ดแวร์ตัวใหม่

ข้อมูลจาก Gamespot

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ดีจริงต้องติดป้าย Google Chrome คัดสรรส่วนขยายที่มีคุณภาพ

Google Chrome

ภาพจาก Pixabay

ส่วนขยาย Google Chrome หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Google Chrome Extension เป็นโปรแกรมที่ถูกบรรจุไว้ในเว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome โดยโปรแกรมเหล่านั้นจะช่วยให้การทำงานของเว็บไซต์นั้นสามารถทำงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นมีตัวช่วยให้เราได้เลือกในการใช้งานเพิ่มมากขึ้นโดย Google Chrome Extension มีให้เลือกมากมายเลย มีทั้งที่มีคุณภาพและไม่มีคุณภาพปะปนกันไปทำให้บางครั้งการเลือกใช้งานอาจจะได้ประสิทธิภาพไม่เต็มที่ และบางครั้งอาจจะสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ก็เป็นได้

ภาพจาก Chrome WebStore

Google Chrome เลยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้าไปเพื่อเป็นการคัดสรรส่วนขยาย Google Chrome ที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมในการใช้งานโดยจะเป็นการติดป้ายกำกับบนส่วนขยายที่มีคุณภาพนั่นเอง โดยมีทั้งหมดสองป้ายด้วยกัน อันแรกจะเป็นป้ายกำกับรางวัล ซึ่งจะเป็นป้ายที่เป็นการยืนยันว่าส่วนขยายนี้ได้รับการทดสอบก่อนนำมาใช้งานและเป็นที่นิยมของคนจำนวนมาก ส่วนอีกหนึ่งป้ายนั้นจะเป็นป้ายกำกับผู้พัฒนาโดยป้ายนี้จะแสดงให้เห็นก็ตอบเนี่ยผู้พัฒนาได้มีการยืนยันตัวตนรวมไปถึงพวกเขาเหล่านั้นได้ปฏิบัติตามนโยบายของผู้พัฒนาซึ่งการที่จะได้ปรับป้ายนี้มานั้นเป็นเรื่องที่ยากมากเพราะว่าผู้พัฒนาจะต้องทำผลงานให้ดีอย่างต่อเนื่องและไม่มีการละเมิดกฎโดยจะใช้เวลาในการสังเกตการณ์ประมาณหนึ่งถึงสามเดือน

ภาพจาก Chrome WebStore

โดยการที่จะได้รับป้ายทั้งสองป้ายนั้นผู้พัฒนาจะต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการใช้งานรวมไปถึงจะต้องเข้าถึงได้และไม่มีการชำระค่าบริการต่าง ๆ ภายหลัง

การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่นี้ของ Google Chrome ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของบริษัทที่จะทำให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถเลือกใช้งานส่วนขยาย Google Chrome ได้อย่างมั่นใจมากขึ้นและหลีกเลี่ยงส่วนขยายที่ถูกพัฒนามาเพื่อการหลอกลวงให้ได้มากที่สุด

ภาพจาก Chrome WebStore

สำหรับเพื่อน ๆ คนใดที่ยังไม่เคยใช้ส่วนขยาย Google Chrome สามารถหาข้อมูลแก้ตาม YouTube หรือเข้าไปดูส่วนขยายได้ที่เว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ Chrome webstore หลังจากนั้นก็ค้นหาส่วนขยายที่ต้องการใช้งานได้เลยโดยในเว็บไซต์จะมีแนะนำอยู่ด้วยเช่นเดียวกันอย่างไรก็ตามอย่าลืมดูเครื่องหมายที่ถูก Google กำกับไว้ด้วยเช่นเดียวกันจะได้ใช้งานเฉพาะส่วนขยายที่มีคุณภาพนั่นเอง

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tags #ส่วนขยายGoogleChrome #GoogleChromeExtension #GoogleChrome
ข้อมูลจาก The Verge

Google สัญญา! ปรับระบบปฏิบัติการ Android ให้ทำงานได้ดีขึ้น

Google

บริษัท Google ได้มีการเปิดเผยแผนการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Android

ภายในงาน CES2022 บริษัท Google ได้มีการเปิดเผยแผนการทำงานในเรื่องของการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้งานอยู่ในเทคโนโลยีที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟน, นาฬิกา Smart Watch, แท็บเล็ต และอื่น ๆ โดย Google บอกว่าจะทำให้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ทำงานร่วมกันได้ดีมากยิ่งขึ้น

ระบบปฏิบัติการ Android เป็นระบบปฏิบัติการที่ทำงานบนเทคโนโลยีของหลาย ๆ ยี่ห้อ ไม่เหมือนกับระบบปฏิบัติการ OS ของ Apple ที่สามารถทำงานได้แค่เพียงผลิตภัณฑ์ของ Apple เท่านั้น ทำให้ระบบปฏิบัติการ Android สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีให้เข้ากันได้หลากหลายมากกว่า ซึ่ง Google ก็จะทำให้มันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ฟีเจอร์ Android Fast Pair สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น

Android Fast Pair เป็นฟีเจอร์ของระบบปฏิบัติการ Android ที่ถูกเปิดตัวมาในปี 2017 ซึ่งจะช่วยในการเชื่อมต่อหูฟังหรือลำโพงและรถยนต์เข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งทาง Google จะทำให้ฟีเจอร์นี้สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ททีวีและอุปกรณ์สมาร์ทโฮมได้ 

โดยในช่วงแรกของการพัฒนานั้นจะพัฒนาให้กับ Chromebook ด้วยจะทำให้อุปกรณ์นี้สามารถตรวจจับอุปกรณ์ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่นหูฟังและเชื่อมต่อมาโดยอัตโนมัติผ่านการคลิกเพียงแค่คลิกเดียว โดยหลังจากนี้อีก 1 เดือน Google จะทำให้ Android Fast Pair สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมผ่าน Google Home และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้ น้าสามารถเชื่อมต่อหูฟังกับ Google TV และทีวีที่ใช้ระบบปฏิบัติการของ Android อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเข้ากับ Windows ผ่านบลูทูธได้ด้วย

อุปกรณ์ Android ในการปลดล็อกเทคโนโลยีที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ได้ 

ในปัจจุบันนี้ผู้ที่ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนของระบบปฏิบัติการ Android สามารถที่จะปลดล็อก Chromebook ผ่านโทรศัพท์ได้แล้ว ในอนาคต Google จะทำให้นาฬิกา Smart Watch สามารถทำการปลดล็อก Chromebook โทรศัพท์สมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ตได้ได้ และสำหรับและผู้ที่ใช้งานโทรศัพท์ Samsung และ Google Pixel สามารถที่จะปลดล็อก ล็อก หรือว่าสตาร์ทรถยนต์ผ่านการใช้กุญแจดิจิตอลได้

เปลี่ยนอุปกรณ์การรับเสียงได้อย่างอัตโนมัติ

Google จะทำให้ระบบปฏิบัติการ Android สามารถปรับเปลี่ยนอุปกรณ์รับเสียงได้โดยอัตโนมัติผ่านบลูทูธ ตัวอย่างเช่นถ้าหากว่าเรากำลังรับชมหรือรับฟังคลิปวิดีโอและเพลงบนแท็บเล็ต และทันทีทันใดนั้นมีเสียงโทรศัพท์เข้ามา วิดีโอที่เรากำลังดูอยู่นั้นจะถูกหยุดลงโดยอัตโนมัติและอุปกรณ์บลูทูธจะเปลี่ยนจากการเชื่อมต่อแท็บเล็ตไปเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อที่จะพูดคุยกับคนที่โทรเข้ามาและเมื่อพูดคุยเสร็จสิ้นแล้วก็จะมีการสลับกลับเป็นดังเดิม 

นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งสามารถเข้าไปติดตามได้ที่ Cnet 

ภาพ Screenshot จาก Blog.Google

ข้อมูลจาก Cnet

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Google จะนำ Android games

Google

Google จะนำ Android games ลงบน PC

Google กำลังวางแผนที่จะนำเกมใน Google Play Games  ซึ่งเป็นการเล่นเกมบนระบบ Cloud คล้ายกับ Game Center ของ Apple ลงในคอมพิวเตอร์ในช่วงปี 2022 โดยเกมที่อยู่ใน Google Play Games จะสามารถเล่นได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือว่าแล็บท็อป 

ในปัจจุบันนี้เราเล่นเกมบนเครื่องมือถือมากขึ้นเพราะว่าเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ติดตัวเรามากที่สุดและมีความสะดวกสบายบวกกับสามารถเลขที่ไหนก็ได้ แต่บางครั้งการเล่นเกมบนมือถือก็อาจจะทำให้ไม่ได้รับประสบการณ์การเล่นที่มากพอหน้าจอที่เล็กอาจจะทำให้เราเห็นรายละเอียดบางอย่างไม่ชัด Google จึงอยากเพิ่มประสบการณ์การเล่นให้กับผู้เล่นโดยการทำให้เกม Google Play Games สามารถเล่นได้หลายแพลตฟอร์มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือว่าแล็บท็อปรวมไปถึง Chromebook 

โดยทาง Google บอกว่าบริษัท Google ได้พัฒนาแอปนี้โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจาก Microsoft, BlueStacks และบริษัทอื่น ๆ เลย โดย Google Play Games จะอนุญาตให้ผู้เล่นที่เล่นเกมในแอปสามารถเชื่อมต่อบันทึกและสามารถเล่นเกมที่เล่นอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อจากเกมที่เล่นค้างไว้บนสมาร์ทโฟนหรือว่า Chromebook ได้เลย ทำให้ผู้เล่นไม่จำเป็นที่ต้องเริ่มเล่นใหม่ โดย Google บอกว่าแอปพลิเคชัน Google Play Games ที่ทำให้สามารถเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ได้นั้นจะลองรับตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ Windows 10 เป็นต้นไป และ Google ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าสำหรับ Windows 11 จะมีอะไรที่พิเศษกว่า Windows รุ่นเก่าหรือไม่ 

แต่สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows 11 รองรับให้สามารถเล่นแอปพลิเคชันที่เป็น Android App ได้ และจากการร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ Amazon ทำให้ผู้ที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows 11 สามารถที่จะดาวน์โหลดเกมจาก Amazon Appstore บางเกมมาเล่นบนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 11 ได้ 

ซึ่งแผนการของ Google ครั้งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้เล่นเกมอย่างมากเลยทีเดียวเพราะว่านอกจากจะทำให้ผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์เล่นเกมที่ดีขึ้นแล้ว ยังลดภาระของการใช้โทรศัพท์มือถือด้วยเพราะว่าถ้าหากเล่นเกมไปชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือไปก็จะทำให้มือถือนั้นมีคุณภาพเสื่อมลง ดังนั้นการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้คนที่ชื่นชอบในการเล่นเกมเล่นเกมที่ตัวเองชื่นชอบได้นานมากขึ้น สำหรับวันที่ Google จะเปิดใช้งานระบบดังกล่าวนั้นก็คงต้องติดตามกันต่อไป และสำหรับ Windows 11 ก็คงต้องมาติดตามดูว่าจะมีอะไรที่พิเศษกว่า Windows 10 หรือไม่หลังจากที่ระบบดังกล่าวได้ถูกเปิดใช้งาน

ภาพจาก Pexels

ข้อมูลจาก The Verge

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook