เมตาเวิร์ส (Metaverse) โลกใบใหม่ By Facebook

Facebook

Facebook จะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta

ใครที่เคยดูหนังเรื่อง The Matrix หรือถ้ารุ่นใหม่ๆหน่อยอย่างเช่น  Ready Player One คงจะเคยฝันเหมือนกันว่าถ้ามีโลกเสมือนที่เราสามารถเข้าไปสนุกสนานอยู่ในนั้นได้จริงๆก็น่าจะดี

วันที่ 28  ตุลาคม 2564 คือวันที่เริ่มต้นโลกเสมือนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เมื่อ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าพ่อวงการสื่อรุ่นใหม่ Facebook ปล่อยหน้าเพจในเว็บไซต์ทางการ ที่มาพร้อมกับคลิปคีย์โน๊ตของเขาว่า Facebook จะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta และสิ่งที่เขาเรียกว่า Metaverse ก็จะเข้ามาแทนที่ Facebook ในอนาคต

มาร์คอธิบายโลกที่ผู้คนสามารถเข้าไปเจอกันได้ในโลกเสมือนที่สามารถทำได้ด้วยการสวม VR และเชื่อมต่อเข้ากับระบบเน็ตเวิร์ค เพื่อเข้าไปนั่งทำงาน พบปะสังสรรค์ จากที่บ้าน สวนสาธารณะ ทุกๆที่ที่ต้องการทุกคนจะสามารถเข้าถึงและเชื่อมโยงกัน

และคลิปของ มาร์ค ที่เรากำลังดูอยู่ก็ไม่ใช่ตัวจริงแต่เป็นการแสดงตัวตนของเขาที่อยู่ในโลกไซเบอร์ในสิ่งแวดล้อมประดิษฐ์ที่สวยงาม นำมาเป็นคลิปเปิดตัว Meta นั่นเอง

เราจะได้สัมผัสโลกเสมือนอย่างที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แสดงในคลิปอย่างนั้นหรือ

แน่นอนว่าพรีเซนต์เทชั่นก็ต้องขายความฝันให้เห็นโลกอนาคต และระดับของความจริงที่จะได้สัมผัสได้จะยังอีกไกลกว่าจะได้ระดับของความสมจริงอย่างที่มาร์คแสดงให้ดู

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการขยับของ Facebook ในครั้งนี้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการสื่อทั่วโลกอย่างรุนแรง เพราะต่อให้ความจริงเสมือนจะยังอยู่ในระดับภาพการ์ตูนที่มีรายละเอียดไม่มาก แต่ก็คงจะดีไม่น้อย ที่จะได้สัมผัสโลกที่สามารถทำสิ่งที่เกินจากขีดจำกัดทางฟิสิกส์

โลกที่เราจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นอะไรก็ได้ที่หมายถึงว่าเป็นผู้หญิงก็ได้ เป็นผู้ชายก็ได้ หรือไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลกก็เป็นได้ ตามแต่ที่เราจะกำหนดร่างอวาตารใน Meta

ขายฝันแต่เป็นฝันที่จะเป็นจริง และทุกคนต้องปรับตัว

เรื่องหนึ่งที่ทุกคนแน่ใจคือ โลกเสมือนนี้จะเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคตโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

ยิ่งในโลกที่อาศัยโซเชียลมีเดียเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน ด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพในช่วง Covid-19 แล้ว ถ้าหากสามารถรวมกลุ่มกันทำงานได้เหมือนกับอยู่ในออฟฟิศแต่ว่านั่งทำงานอยู่ที่บ้าน หรือการเข้าร่วมการการละเล่น ชมการแข่งกีฬากับเพื่อนๆที่อยู่กันคนละที่ คนละเมือง คนละประเทศ ยิ่งกลายเป็นการตอบโจทย์ทางการใช้งานที่หลายคนมองหา

โอกาสของ Facebook เมื่อเปลี่ยนร่างเป็น Meta

ในตอนที่ Facebook เปิดตัวนั้นมีคนจำนวนไม่มากที่เข้าใจว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น กว่าที่จะรู้ตัว Facebook กลายเป็นพลังขับเคลื่อนทางธุรกิจขนาดใหญ่ไปแล้ว

เมื่อแปลงร่างเป็น Meta พลังขับเคลื่อนครั้งใหม่นี้จะทำให้โลกธุรกิจจะมีหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งอย่างแน่นอน

ในฐานะเจ้าตลาดและผู้เล่นคนแรก โอกาสของความเป็นไปได้ที่ Facebook จะทำโลกใหม่ที่สร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัทมีมากมาย ลองคิดดูว่าหากเราต้องการพื้นที่ที่ดีที่สุดในโลกเสมือน เช่นบริษัทที่ต้องการรองรับคนประมาณหนึ่งพันคนในการทำงานร่วมกัน  Metaจะสามารถขายพื้นที่หรือฟังก์ชั่นพิเศษให้กับหน่วยธุรกิจเหล่านี้ได้อีกไม่รู้เท่าไหร่

ทั้งความได้เปรียบของ Meta ต่อธุรกิจอื่นๆ รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่าง Meta กับแอพพลิเคชั่นอื่นๆในด้านผลประโยชน์ ซึ่งหลายๆบริษัทก็คงกำลังหนาวๆร้อนๆกันอยู่ว่า Meta จะยืนค้ำหัวเหล่าบริษัทไฮเทคทั่วโลกก็คราวนี้

แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ วันที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กประกาศเรื่องนี้ เป็นวันที่ Facebook รู้แน่นอนแล้วว่า พวกเขาจะทำมันได้

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ เทคโนโลยีรอบโลก 
เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

จะเป็นอย่างไรในวันที่โลกไม่มี FACEBOOK

FACEBOOK

มันจะเป็นอย่างไรในวันที่โลกไม่มี FACEBOOK เหตุการณ์จริง 6 ชั่วโมงที่โลกไร้ FB และ IG

วันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ประมาณเที่ยงวันของเวลาฝั่งเอเชีย เกิดเรื่องที่ผู้ใช้ Facebook และ Instargram ทั่วโลกไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนนั่นคือโลกนี้ไม่มีกำลังหมุนไปข้างหน้าโดยไม่มี Facebook page, instargram page และ FB messengers

ผู้ใช้ Facebook และ IG ทั่วโลกเริ่มไม่สามารถเข้าใช้งานได้อยู่นานจนผู้คนเริ่มรู้แล้วว่า นี่ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาบางเวลาที่การอัพโหลดดาวน์โหลดของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเกิดการคับคั่งทางการใช้งาน จนเน็ตช้าเน็ตห่วย

แต่นี่คือปัญหาร่วมกันจนทำให้ผู้ที่ใช้ Facebook ทั่วไป และผู้ใช้เพื่อการทำงานเริ่มตื่นตระหนก

และมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อทีมสื่อสารของ Facebook ส่งข้อความในโลกทวิภพถึงผู้ใช้ของพวกเขาว่า

“it’s not just you” มันไม่ใช่แค่คุณหรอก (ที่มีปัญหา)

นั่นเป็นการยอมรับอย่างเป็นทางการ และเป็นการบอกผู้ใช้ว่า กำลังอยู่ในปัญหาจริงๆ

หลังจากนั้นไม่นาน Facebook ก็ให้ข่าวว่า ระบบล่มมาจากเซิร์ฟเวอร์เกิดไฟฟ้าดับ (outage) มันทำให้ผู้ใช้จำนวนมากได้แต่งุนงงว่า ไฟฟ้าดับมันเกิดขึ้นได้อย่างไรกับบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดหลายพันล้านเหรียญ

แต่ Outage ก็มีความหมายว่าสัญญาณดับได้เช่นกัน

สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ใช่เด็กเนิร์ด การทำความเข้าใจเรื่องนี้อาจจะทำให้คุณปวดหัวกว่าเดิม

อาจพอเข้าใจได้ง่ายๆว่า Facebook และ IG ต่างก็เป็นเสมือนเว็บไซต์ๆหนึ่ง ไม่ต่างกับ Pantip หรือ Sanook.com

สมมติว่าทุกเว็บไซต์ก็เหมือนบ้านหลังหนึ่ง  Facebook ก็เป็นบ้านหลังใหญ่ที่พร้อมให้คนแวะเวียนเข้าไปทำธุระปะปังกันในนั้นได้อย่างสะดวก

แต่บ้านทุกหลังก็ต้องมีที่อยู่ Facebook เองก็ต้องมีบ้านเลขที่สำหรับระบุตำแหน่งให้ระบบสามารถพา User เข้าสู่บ้านหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการในที่นี้เรียกมันว่า DNS ซึ่งก็คือบ้านเลขที่ของเว็บไซต์ต่างๆ “it’s not just you”

แต่ปัญหาคือระบบของ Facebook เหมือนทำ DNS ของตัวเองหายไป เหมือนทำป้ายบ้านเลขที่หายไปนั่นเอง

ไม่เท่านั้นการล่มของระบบภายในยังหมายถึงการติดต่อสื่อสารกันเองของพนักงาน Facebook ทั่วโลกด้วยจนสามารถจินตนาการได้ว่าภายใน Facebookเองจะโกลาหลกันขนาดไหน

ยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนว่าปัญหาจะซับซ้อนกว่านั้นตรงที่มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า ข้อมูลภายในเซิร์ฟเวอร์ยังถูกลบหายออกไปอีกมากมาย ทำให้ Facebook ต้องปิดบ้านกู้คืนข้อมูลอย่างยากลำบากและทำให้ Server กลับมาสามารถเชื่อมต่อกับโลกได้อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ผ่านไปถึง 6 ชั่วโมง

ยังไม่มีการยืนยันว่าเรื่องนี้เกิดจากการถูกโจมตีจากแฮ็คเกอร์ หรือว่าเกิดจากบัคภายใน แต่คาดว่า Facebook คงไม่ย้ำแผลของตัวเองให้ใครดูมากกว่านี้แล้วปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปมากกว่า

ผลของเรื่องนี้นอกจากสั่นคลอนความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานแล้ว ยังทำให้หุ้นของ Facebook ตกถึง5% เป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ ไม่นับรวมความเสียหายทางการตลาดอีกต่างหาก

ผลก็คือในช่วงเวลาอันยากลำบากของ Facebook เหล่าผู้ใช้และพนักงานต้องหันไปสื่อสารกันผ่านช่องทาง Twitter กันอย่างล้นหลาม จนเหมือนเป็นโจ๊กกันว่า อยากรู้เรื่อง Facebook เหรอเข้ามาเช็คใน Twitter สิ และอีกหลายข้อความล้อเลียนที่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กน่าจะขำไม่ออก

เวลาหกชั่วโมงที่โลกปราศจาก Facebook บางคนบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่เงียบเหงาแต่ว่าสบายใจดีเหมือนกัน แต่สำหรับคนที่ทำธุรกิจฝากชีวิตไว้บน Facebook เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวทีเดียว และอาจทำให้ต้องมองหาช่องทางสำรองเอาไว้บ้าง

อย่าเอาไข่ทั้งหมดไปใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว ก็ยังเป็นสุภาษิตฝรั่งที่ยังใช้ได้อยู่เสมอ

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Facebook จะมอบรางวัลให้กับ Creator

fb

เมื่อโลกเดินทางเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีก็ได้มีอาชีพใหม่ ๆ เกิดขึ้นมามากมายและดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมเสียด้วยซึ่งหนึ่งในอาชีพที่เกิดขึ้นเพราะเทคโนโลยีก็คือ Creator หรือว่าผู้สร้างคอนเทนต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งก็มีรูปแบบที่หลากหลายมากไม่ว่าจะเป็นบทความ คลิปวิดีโอ ข่าวสาร และอื่น ๆ ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีแพลตฟอร์มให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Instagram หรือว่า Tiktok

ซึ่งการที่เหล่าผู้สร้างคอนเทนต์มีจำนวนเพิ่มขึ้นและได้มีการสร้างคอนเทนต์ที่มีความสร้างสรรค์ขึ้นมาก็ทำให้แพลตฟอร์มที่พวกเขาอยู่นั้นเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และเพื่อตอบแทนที่ทำให้แพลตฟอร์มต่างๆ นั้นเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นหลาย ๆ แพลตฟอร์มก็ได้มีการมอบรางวัลให้กับผู้สร้างคอนเทนต์ด้วย

มาร์คซักเกอร์เบิร์กผู้ที่เป็น CEO ของ Facebook และ Instagram อยากจะสร้างแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดให้กับเหล่าผู้สร้างคอนเทนต์นับล้าน โดยจะเริ่มมีการบริจาคเงินให้กับผู้สร้างคอนเทนต์บน Facebook และ Instagram เป็นจำนวนเงิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี 2022 นี้ เพื่อเป็นรางวัลให้กับผู้สร้างคอนเทนต์ที่ได้สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ยอดเยี่ยมบนแพลตฟอร์มนั่นเอง ซึ่งในตอนนี้บน Facebook ก็มีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Facebook Gaming ไว้ให้สำหรับสตรีมเมอร์ได้ถ่ายทอดสดการเล่นเกม โดยมีสตรีมเมอร์หลายคนที่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยก็ใช้ Facebook Gaming เป็นช่องทางในการสตรีม และพูดคุยกับแฟน ๆ ที่สำคัญเลยก็คือยังเป็นพาร์ทเนอร์กับ Facebook อีกด้วยทำให้สามารถสร้างรายได้ได้ผ่านการเล่นเกมบน Facebook Gaming และเพื่อพัฒนาวงการ influencer และ Creator ทาง Facebook นั้นจะมีการ Seed funding เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้สร้างคอนเทนต์สร้างสรรค์คอนเทนต์อีกด้วย

นอกจาก Facebook แล้ว Tiktok และ YouTube ก็ได้มีการระดมทุนให้กับเหล่าผู้สร้างคอนเทนต์ด้วยเช่นเดียวกันเช่นเดียวกับ Twitter ตอนนี้กำลังเปิดโอกาสให้กับผู้สร้างคอนเทนต์มากมาเลยทีเดียวโดยการเพิ่มฟีเจอร์ Tip Jar, Twitter Spaces และ Super Follower เพื่อเป็นช่องทางการหารายได้ให้กับเหล่าผู้สร้างคอนเทนต์ที่มีมากขึ้นทุกวัน

อย่างไรก็ตามการเป็นสตรีมเมอร์นั้นจะต้องใช้ความมุมานะพยายามอย่างมากเลยทีเดียวถ้าใครมีความฝันแล้วก็ขอให้ทำตามฝันอย่างเต็มที่เลยนะครับในตอนนี้แพลตฟอร์มหลาย ๆ แพลตฟอร์มก็เริ่มให้การสนับสนุนอย่างจริงจังแล้ว

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  
เวปไซด์ getup-it.com

Facebook Messenger จะมีฟีเจอร์ใหม่แล้วนะ

Facebook

Facebook Messenger แอปพลิเคชั่นที่ใช้ในการพูดคุยสนทนากับเพื่อนที่อยู่ใน Facebook ซึ่งที่กำลังมีฟีเจอร์ใหม่ซึ่งได้มีการอัพเดทผ่านบล็อกของ Facebook เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมาเข้ามาซึ่งจะมีฟีเจอร์ใดบ้างมาติดตามกันเลย

Quick Reply

ฟังก์ชันที่จะมีการนำมาบรรจุไว้ใน Facebook Messenger โดยปุ่มพี่จะใช้งานฟังก์ชันนี้จะอยู่ที่บริเวณด้านใต้ของ Media Viewer เรื่องฟังก์ชันนี้จะทำให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถที่จะตอบกลับขณะที่ดูภาพหรือดูคลิปวิดีโออยู่ในรูปแบบเต็มจอได้โดยที่ไม่ต้องเข้าไปที่แอปพลิเคชันเพื่อตอบบทสนทนานั้น 

QR Code scaning & Payment link 

ฟีเจอร์ที่จะถูกนำมาใช้เฉพาะในประเทศอเมริกาเท่านั้นสำหรับตอนนี้ โดยฟีเจอร์นี้จะใช้ร่วมกับ Facebook Pay โดยผู้ใช้งานจำเป็นที่จะต้องเข้าไปตั้งค่ากอดเพื่อที่จะใช้ฟีเจอร์นี้ได้ 

นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตธีมใหม่ให้กับ Facebook Messenger อีกด้วยซึ่งก็มีสีสันและหน้าตาที่สวยงามมากเลยทีเดียว โดยการอัปเดตธีมใหม่เป็นการเฉลิมฉลองการเข้าฉายของหนัง Fast & Furious 9 ที่กำลังเข้าฉายในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ตอนนี้ด้วย นอกจากนานแล้วยังเป็นการเฉลิมฉลองในวัน World Ocean อีกด้วย โดยธีมใหม่มีถึง 3 แบบเลยทีเดียว นอกจากจะอัปเดตธีมใหม่ให้กับ Facebook Messenger แล้วยังมีการอัปเดตให้กับ Instagram อีกด้วย ซึ่งการอัปเดตทั้งหมดในครั้งนี้จะออกมาให้ผู้ใช้งานได้เริ่มใช้กันในอนาคต

ถึงแม้ว่าจะเป็นการ Update เล็ก ๆ แต่ก็คงจะเพิ่มสีสันที่แปลกตาให้กับช่องแชทใน App Instagram และ Facebook Messenger ได้และที่สำคัญยังเพิ่มฟังก์ชันใหม่ที่ทำให้การใช้งานนั้นมีความสะดวกสบายมากขึ้นไปอีก

ในตอนนี้ Facebook Messenger รวมไปถึง Instagram ก็มีลูกเล่นในแชทที่หลากหลายแล้วไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสีช่องแชทการเปลี่ยนอิโมจิจากปุ่มกด Like เป็นหน้าตาหรือสัตว์น่ารักๆ ในอนาคตจะมีการอัปเดตอย่างอื่นมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่น่าติดตามไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวสำหรับ App แชทที่เราใช้กันเป็นประจำในทุกวันนี้

ซึ่งถ้าหากว่าใครต้องการเปลี่ยนธีมบน Facebook Messenger และ Instagram สามารถเข้าไปที่ตั้งค่า Theme ในห้องแชทได้เลย

ภาพจาก Canva

ข้อมูลจาก Gadgets.ndtv

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  
เวปไซด์ getup-it.com

Facebook Audio Live พร้อมให้ใช้งานในอเมริกา

Facebook Audio Live

สื่อสังคมออนไลน์ที่ผู้คนทั่วโลกนั้นนิยมใช้งานกันก็คือ Facebook ซึ่งก็มีอายุมากกว่า 10 ปีแล้วและ Facebook เองก็มีการอัปเดตระบบใหม่เข้ามาให้ผู้ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ในปัจจุบันนี้ Facebook ถูกใช้งานในหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ขายของออนไลน์ สตรีมเกม จัดรายการ แชร์ประสบการณ์และแบ่งปันความรู้ เผยแพร่ข่าวสาร รวมไปถึงใช้ในการบันทึกความทรงจำ ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ Facebook ด้วยนำเข้ามานั้นก็ตอบสนองผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี

หลังจากที่ปีที่แล้ว Clubhouse สื่อสังคมออนไลน์น้องใหม่ที่มีลักษณะ Content เปลี่ยนรูปแบบการจัดรายการวิทยุที่สามารถให้ผู้คนสามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ ซึ่งก็ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมาจนในปีนี้ก็เปิดให้ใช้บริการบนระบบปฏิบัติการ Android เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และด้วยความนิยมของ Clubhouse ทำให้ Facebook ต้องพัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพื่อเอาใจผู้ใช้งาน Facebook ซึ่งฟีเจอร์นั้นมีชื่อว่า Facebook Audio Live

Facebook Audio Live มีลักษณะการสร้าง Content ที่คล้ายกับ Clubhouse ทั้งหมดโดยเปิดให้ผู้ใช้งานได้เริ่มใช้กันเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ โดยผู้ใช้งาน Facebook Audio Live สามารถนำเพื่อนๆ เข้ามาพูดคุยกันในห้องถ่ายทอดสดได้มากถึง 50 คน และไม่จำกัดจำนวนผู้เข้าฟัง และที่สำคัญ Facebook Audio Live ยังมีช่องทางสนับสนุนให้กับผู้ชมสามารถสนับสนุนผู้จัดรายการได้อีกด้วยซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับ Facebook Gaming นั่นเอง ในตอนนี้ทาง Facebook เองก็สร้างพาร์ทเนอร์กับผู้สร้างคอนเทนต์เพื่อให้มาใช้งาน Facebook Live Audio นั่นเอง นอกจากนี้ Facebook จะมีบริการ Podcast เข้ามาให้ใช้บริการด้วย

สำหรับวิธีการเปิดใช้งาน Facebook Audio Live ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปที่สร้างโพสต์ > ถ่ายทอดสด หลังจากนั้นให้กดที่รูปไมโครโฟนซึ่งจะทำให้การถ่ายทอดสดนั้นเปลี่ยนจากการถ่ายทอดสดแบบวิดีโอเป็นการถ่ายทอดสดแบบใช้เสียงแทนนั่นเอง สำหรับฟีเจอร์นี้ยังไม่ได้เปิดให้ใช้บริการในประเทศไทยแต่จะเริ่มใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกไม่นานก็คงจะเปิดให้ใช้บริการทั่วโลก

และการมาของแพลตฟอร์ม Facebook Audio Live คงทำให้รายการหลายรายการใช้ช่องทางนี้ในการจัดรายการเช่นเดียวกับในตอนนี้ที่มีหลายรายการมีการถ่ายทอดสดนายหลายๆ แพลตฟอร์มไปพร้อมกันไม่ว่าจะเป็น YouTube, Clubhouse, และ Facebook Live

ข้อมูลจาก Cnet, it24hrs

ภาพจาก Canva

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit  
เวปไซด์ getup-it.com