Apple โดนแบนในประเทศจีน ย้ายฐานผลิตไปอินเดีย

Apple โดนแบนในประเทศจีน ย้ายฐานผลิตไปอินเดีย

Apple บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศอเมริกาถูกประเทศจีนสั่งแบน ทำให้หุ้นของบริษัทร่วงลงมาอย่างรวดเร็วโดยเมื่อวันพุธราคาของหุ้น Apple ร่วงลงมากกว่า 4% ต่อด้วยวันพฤหัสบดีลงมาอีก 3%

ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนมีนโยบายกีดกันการ ค้าซึ่งกันและกันทำให้ทั้งสองประเทศไม่ยินดีที่จะใช้เทคโนโลยีของกันและกันนั่นเอง ซึ่งทางรัฐบาลจีนก็ได้ออกประกาศให้พนักงานที่ทำงานภายใต้รัฐบาลจีนห้ามใช้โทรศัพท์ iPhone ของ Apple ซึ่งรวมไปถึงบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้หุ้นของ Apple ร่วงลงมาโดยทันทีและที่สำคัญเลยก็คือตลาดจีนไม่ว่าจะเป็นประเทศไต้หวัน เมืองฮ่องกง และประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของ Apple ตีเป็นมูลค่า 18% ของยอดรายได้ 394 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

ภาพ Pexels/Matcuz

นอกจากจะทำให้หุ้นร่วงแล้วการสั่งแบนในครั้งนียังทำให้ยอดขายของ Apple ลดลงอีก 5% ด้วย แถมถ้ารัฐบาลจีนมีการสั่งแบนอย่างต่อเนื่องทุก ๆ วันก็มีความเป็นไปได้ว่าประชาชนใน ประเทศจีนส่วนใหญ่อาจจะเปลี่ยนไปใช้โทรศัพท์รุ่นอื่นแทน iPhone ของ Apple ก็เป็นได้ยิ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเปิดตัวโทรศัพท์ Huawei mate 60pro ซึ่งก็ได้ผลตอบรับจากประชาชนในประเทศจีนเป็นอย่างดีส่วนแบ่งของ Apple ก็อาจจะลดลงไปอีกในประเทศจีน

ภาพ Pexels/652234

อีกหนึ่งปัญหาที่ทาง Apple ก็ได้หาทางแก้ไขไปแล้วนั่นก็คือศูนย์กลางการผลิตส่วนประกอบต่าง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ Apple มีฐานการผลิตหลักอยู่ที่ประเทศจีนแต่ก็ได้เกิดปัญหาเช่นเดียวกัน เพื่อหาทางหนีทีไล่บริษัท Apple ก็เริ่มย้ายศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีไปที่ประเทศอินเดียแล้ว โดยจะตั้งโรงงานการผลิตในรัฐ Telangana โดยในช่วงเฟสแรกของการทำงานจะจ้างพนักงานจำนวนกว่า 25,000 คนย้ายฐานผลิตไปอินเดีย หลังจากที่ตั้งโรงงานแรกเสร็จสิ้นก็จะไปตั้งโรงงานอีกหนึ่งโรงงานในรัฐ Karnataka ซึ่งการย้ายฐานการผลิตมาครั้งนี้ก็เหมือนมาถูกที่ด้วยเช่นเดียวกันเพราะประเทศอินเดียก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มียอดการขายโทรศัพท์ iPhone ของ Apple สูงโดย 4% จากยอดขายทั้งหมดในไตรมาสที่ 2 ก็มาจากประเทศอินเดีย

ข้อมูลจาก CNBC Apple shares fall after reports that China banned iPhone use by government employees

CNBC India is now one of Apple’s top 5 iPhone markets for the first time

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

ตลาดสมาร์ทโฟนหดตัว คนเริ่มเมินซื้อรุ่นใหม่แต่ Apple ยังไปได้สวย

ตลาดสมาร์ทโฟนหดตัว คนเริ่มเมินซื้อรุ่นใหม่แต่ Apple ยังไปได้สวย

โทรศัพท์สมาร์ทโฟนเป็นเทคโนโลยีที่อยู่ติดตัวเรามามากกว่า 10 ปี ในทุก ๆ ปีบริษัทยักษ์ใหญ่ก็จะมีการพัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกมาให้ใช้งานกัน ในช่วงแรกเทคโนโลยีของโทรศัพท์แต่ละรุ่นก็จะมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทำให้การซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทุกปีเป็นสิ่งจำเป็นของใครหลาย ๆ คน แต่ในระยะหลังสมาร์ทโฟนอกมาใหม่นั้น อาจจะมีเทคโนโลยีที่ไม่ได้แตกต่างกับสมาร์ทโฟนรุ่นเก่า ๆ มากนัก หรืออย่างน้อย ๆ ก็รุ่นก่อนหน้า 1 ปี ทำให้คนสนใจในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่น้อยลง เราจะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนก็ต่อเมื่อโทรศัพท์ของเราเสีย หรือรู้สึกว่ามันตกรุ่นมากเกินไปเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนกดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด Counterpoint Research มีการคาดการณ์ไว้ว่าความต้องการโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจะลดลงกว่า 6% แบบ YOY (Year on Year) ในปีนี้

ภาพ Pexels/ Niklas Jeromin

จากความต้องการสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ลดลงทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนในปีนี้ตกต่ำที่สุดในรอบ 1 ทศวรรษเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าความต้องการโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจะลดลงแต่บริษัท Apple ก็ยังคงมาตรฐานได้ดีโดยยังมาเป็นผู้นำของตลาด และในเดือนกันยายนปีนี้ Apple ก็จะมีการเปิดตัวโทรศัพท์ iPhone รุ่นใหม่อย่าง iPhone 15 อีกด้วยมา ซึ่ง iPhone รุ่นนี้อาจจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ Apple แสดงว่าบริษัทยังคงเป็นผู้นำในตลาดนี้อยู่ แต่ว่าล่าสุดบริษัท Apple ก็ดันไปแพ้คดีจนต้องเสียเงินเสียทองจากการกระทำแย่ ๆ ของบริษัทเอง

Apple แพ้คดี เตรียมจ่ายเงินให้ลูกค้าหลังจงใจลดประสิทธิภาพ iPhone รุ่นเก่า

ภาพ Pexels/Beyzaa Yurtkuran

แม้ว่าบริษัท Apple จะแสดงให้เห็นแล้วว่าปีนี้เขายังคงเป็นผู้นำของสมาร์ทโฟนแต่ว่าล่าสุดบริษัทก็ต้องขึ้นศาลเพื่อดำเนินคดีกับลูกค้าโดย บริษัท Apple ถูกฟ้องคดีจากลูกค้าที่ใช้โทรศัพท์ iPhone รุ่นที่ผลิตก่อนปี 2018 ได้แก่

  • iPhone 6
  • iPhone 6 Plus
  • iPhone 6s
  • iPhone SE
  • iPhone 7
  • iPhone 7 Plus

โดยลูกค้าได้มีการฟ้อง Apple ว่า บริษัท Apple มีการจงใจทำให้โทรศัพท์รุ่นเก่าตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นทำงานช้าลงและทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่ลดลงหลังจากได้มีการอัพระบบปฏิบัติการ iOS (iOS 10.2.1 สำหรับ iPhone 6 และ iOS 11.2 สำหรับ iPhone 7) ซึ่งทางบริษัท Apple ก็ดันแพ้คดี ทำให้จำเป็นที่จะต้องควักเงินจำนวนกว่า 310 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐถึงประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจ่ายค่าเสียหายให้กับลูกค้าจำนวนกว่าล้านราย ซึ่งการกระทำนี้ของ Apple เป็นเหมือนการบังคับให้ลูกค้าเลิกใช้งานโทรศัพท์รุ่นเก่า และเปลี่ยนมาเป็นเครื่องรุ่นใหม่นั่นเอง

ข้อมูลจาก WatcherGuru , CNBC

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

งาน WWDC 2023 Apple เปิดตัวสินค้าอะไรใหม่บ้าง

งาน WWDC 2023 Apple เปิดตัวสินค้าอะไรใหม่บ้าง

เข้าสู่ช่วงกลางปีแล้วในช่วงนี้บริษัท Apple ก็มักจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เราได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกันอย่างเช่นเคยโดยในปีนี้ไฮไลท์ของงาน WWDC 2023 จะอยู่ที่แว่น VR ที่จะเปลี่ยนโลกของเราให้มีความดิจิตอลมากยิ่งขึ้น และก็มีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมาติดตามดูกันดีกว่าว่า Apple เปิดตัวสินค้าอะไรบ้าง

ภาพ Apple

Apple Vision Pro

แว่น Apple Vision Pro เป็นไฮไลท์ของงาน WWDC 2023 นี้โดยเปิดตัวมาในราคา 3,499 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 121,730 บาท สิ่งที่น่าสนใจสำหรับแว่นตา VR ตัวนี้ก็คือการใช้ชิป Apple M2 ในการประมวลผลกล้องและเลนส์มีความละเอียดมากถึง 4K มีระบบ HDReye movement detection system ที่ช่วยในการตรวจจับการกรอกสายตา

แว่นตา Apple Vision Pro เมื่อสวมใส่เข้าไปแล้วมุมมองที่เราเห็นผ่านแว่นจะเป็นมุมมองปกติในโลกของความจริงแต่จะมีแอปต่าง ๆ ขึ้นมาให้เราได้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นดูหนังฟังเพลงเล่นเกมก็สามารถทำผ่านแว่นตานี้ได้ หรือแม้กระทั่งการประชุมออนไลน์ก็ทำได้ด้วยเช่นเดียวกัน ระบบเสียงของแว่นตาจะใช้ระบบ spatial audio สำหรับการสั่งงานแว่นตา VR ตัวนี้จะใช้การขยับของนิ้วมือ, ข้อมือ, ดวงตา และ เสียง ทำให้ง่ายต่อการใช้งานและจะไม่รู้สึกเวียนหัว

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับแว่นตา Apple Vision Pro ระบบ Eyesight ซึ่งจะทำให้ผู้สนทนากับเราสามารถเห็นสายตาเราได้แม้เราจะใส่แว่นตาอยู่ก็ตาม ทำให้การมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างจะยังคงอยู่เหมือนเดิม Apple Vision Pro จะวางจำหน่ายในปี 2024

ชมรายละเอียดอื่น ๆ ของ Apple Vision Pro ได้ที่ Apple

ภาพ Apple

Macbook Air

ในงาน WWDC 2023 เครื่อง Macbook Air รุ่น 15 นิ้วเปิดตัวมาพร้อมกับการเป็น laptop 15 นิ้วที่บางที่สุดในโลก หน้าจอเป็น Liquid Retina ใช้ชิปประมวลผล M2 ลำโพง 6 ตัวที่รองรับ Spatial Audio กล้องความละเอียด 1080p พร้อมกับแบตอึดยาวนานถึง 18 ชั่วโมง ราคาเปิดตัว 47,900 บาท

ชมรายละเอียดอื่น ๆ ได้ที่ Apple/Macbook Air

ภาพ Apple

Mac Studio และ Mac Pro

Mac Studio และ Mac Pro ได้รับการอัพเกรดชิปประมวลผลเป็น M2 โดยจะมีรุ่น M2 Max, M2 Pro และ M2 Ultra นอกจากอัพเกรดเรื่องชิปประมวลผลแล้วยังเพิ่ม PCIe slot Gen 4 ทำให้ส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

M2 Ultra เป็นชิปประมวลผลตัวใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในตระกูล M2 ซึ่งเป็นการรวมกันของชิป M2 Max โดยใช้ DIE มาต่อกันด้วยเทคโนโลยี UltraFusion สำหรับตัว GPU สามารถอัพเกรดได้ถึง 76 Core

Mac Studio จะมีราคาเปิดตัว 74,900 บาท และ Mac Pro จะอยู่ที่ราคา 249,000 บาท

ชมรายละเอียดอื่น ๆ ได้ที่ Apple/Mac Studio , Apple/Mac pro

ข้อมูลจาก Beartai, iaumreview

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

iOS 17 และ iPadOS 17 มีอะไรใหม่และน่าสนใจบ้างนะ

iOS 17 และ iPadOS 17 มีอะไรใหม่และน่าสนใจบ้างนะ

ในงาน WWDC 2023 ของ Apple ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น Mac Studio, Mac Pro และแว่น VR อย่าง Apple Vision Pro นอกจากผลิตภัณฑ์ใหม่ยังมีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ด้วยเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็น iOS 17และ iPadOS 17 และมันจะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจกันบ้างมาติดตามไปด้วยกัน

ภาพ Apple

iOS 17

สำหรับ iOS 17 จะเน้นฟีเจอร์ไปในเรื่องของการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นแอป Phone , Messages และ FaceTime

Phone

ผู้ใช้งานสามารถทำรูปโปสเตอร์ของคนที่โทรเข้ามาหาเราได้โดยมันจะแสดงบน หน้าจอ Lock Screen เมื่อมีคนโทรเข้ามา โดยรูปโปสเตอร์นั้นจะเป็นได้ทั้งรูปภาพบุคคล หรือ Avatar ก็ได้รวมทั้งยังสามารถปรับแต่งตัวอักษร เปลี่ยนภาษา (จีนและญี่ปุ่น) รวมไปถึงปรับสีของตัวอักษรได้อีกด้วย ต่อด้วย VoiceMail เมื่อมีคนส่งข้อความเสียงเข้ามาหา ระบบจะทำการขึ้น subtitle ของข้อความให้โดยอัตโนมัติแบบ Real Time ให้เรียกได้ว่าไม่ตกหล่นกันเลยทีเดียว

Messages

Messages สามารถกรองการค้นหาให้สามารถค้นหาข้อความได้ง่ายขึ้น มีปุ่มสำหรับดูจุดเริ่มต้นของการสนทนาในห้องแชท ทำให้ไม่ต้องเลื่อนข้อความซึ่งทำให้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถกดแช่ที่ข้อความและเลื่อนไปทางด้านขวาเพื่อตอบกลับข้อความได้ ข้อความเสียงก็จะมี subtitle ให้ด้านล่างข้อความ นอกจากนี้ยังสามารถแชร์โลเคชั่น และมีปุ่มเช็คอินสำหรับระบุตำแหน่งของผู้ใช้งาน ที่น่าสนใจเลยก็คือสามารถนำรูปภาพมาทำเป็นสติ๊กเกอร์เพื่อส่งในแอป Messages และแอปอื่น ๆ ได้

FaceTime

แอป FaceTime จะสามารถส่งข้อความเสียงหรือข้อความวีดีโอได้ สามารถแสดง Reaction ขณะที่โทรคุยกันได้ ตัวอย่างเช่น Emoji หัวใจเป็นต้น นอกจากนี้ FaceTime ยังสามารถทำงานร่วมกับ Apple TV ได้อีกด้วย

Airdrop

ในส่วนของฟีเจอร์ Airdrop นอกจากจะใช้ส่งเพียงแค่รูปภาพใน iOS 17จะสามารถส่งข้อมูลการติดต่อ แชร์เพลง หรือ ภาพยนตร์ โดยการนำ iPhone มาไว้ในบริเวณใกล้เคียงกัน

นี่เป็นเพียงฟีเจอร์สำคัญสำหรับ iOS 17 และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ มาเสริมทำให้การใช้งาน iPhone นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกซึ่งสามารถติดตามได้ที่ Apple

โทรศัพท์ iPhone ที่รองรับระบบปฏิบัติการ iOS 17 มีดังนี้

  • iIPhone SE รุ่น 2
  • iPhone XR
  • iPhone XS
  • iPhone XS Max
  • iPhone 11 ทุกรุ่น
  • iPhone 12 ทุกรุ่น
  • IPhone 13 ทุกรุ่น
  • iPhone 14 ทุกรุ่น

ภาพ Apple

iPadOS 17

ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ของ iPad อย่าง iPadOS 17 ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนมากมายมากนักเหมือนกับ iOS 17 แต่ก็มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นเดียว

Interact Widget

ผู้ใช้งานสามารถสั่งใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ จากหน้าต่าง Widget ได้เลย

ปรับเปลี่ยนหน้าจอ Lock Screen

หลังจากที่ iOS 16 ทำให้ iPhone สามารถปรับแต่งหน้าจอล็อกสกรีนได้ตอนนี้ iPadOS 17 ก็ทำได้ด้วยเช่นเดียวกัน เพียงแค่กดค้างไปที่หน้าจอของ iPad ก็สามารถปรับแต่งได้แล้ว โดยสิ่งที่ปรับเปลี่ยนได้ได้แก่ฟอนต์ตัวหนังสือ ปรับขนาดตัวอักษรรวมไปถึงสีของตัวอักษร Widgetก็สามารถเพิ่มได้บนหน้าจอล็อกสกรีน นอกจากภาพพื้นหลังที่เป็นภาพนิ่งแล้วยังสามารถนำภาพ Live Photo มาตั้งได้อีกด้วย

Live activities

เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีอยู่บน iPhone มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วการนำมาใส่บน iPad จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถดูกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นปัจจุบันได้ตัวอย่างเช่น ผลกีฬา, ไฟท์เครื่องบิน หรือการจับเวลาเป็นต้น

Health App

Health หรือแอปสุขภาพที่มีอยู่บน iPhone ก็ได้ถูกเพิ่มเข้ามาใน iPad เช่นเดียวกันซึ่งการที่หน้าจอกว้างทำให้สามารถเก็บรายละเอียดของข้อมูลทางสุขภาพของเราได้ละเอียดและสมบูรณ์มากขึ้น

PDF

iPadOS 17 อาจจะเป็นระบบปฏิบัติการที่คนที่ทำงานบน iPad ชื่นชอบด้วยฟีเจอร์ PDF ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งไฟล์ PDF ได้มากขึ้นรวมถึงมีคำสั่ง Auto fill ที่จะเติมข้อมูลลงไปในช่องว่างได้ โดยข้อมูลที่ถูกเติมลงไปจะมาจากข้อมูลส่วนตัวที่ลิงก์กับ iPad ไว้ นอกจากนี้ยังสามารถเปิดไฟล์ PDF บนแอป Note ได้อีกด้วย ซึ่งสามารถจดรายละเอียดต่างๆ ลงบน Note ได้เลย ที่น่าสนใจเลยก็คือมันสามารถที่จะแชร์ Note กับเพื่อนได้อย่างเรียลไทม์ ทำให้สามารถช่วยกันแก้ไขงานต่าง ๆ ได้

สำหรับ iPad ที่รองรับระบบปฏิบัติการ iPadOS 17 มีดังนี้

  • iPad mini รุ่น 5-6
  • iPad รุ่น 6-9
  • iPad Air รุ่น 3-5
  • iPad Pro 10 นิ้ว
  • IPad Pro 11 นิ้ว รุ่น 1-4
  • iPad Pro 12.9 นิ้ว รุ่น 2-6

ข้อมูลจาก Apple

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Apple ประกาศวันจัดงาน WWDC 2023 งานนี้มีอะไรที่น่าติดตามบ้าง

Apple ประกาศวันจัดงาน WWDC 2023 งานนี้มีอะไรที่น่าติดตามบ้าง

เฉกเช่นทุกปีบริษัท Apple จะมีการจัดงานเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งในช่วงกลางปีจากมีการจัดงานที่มีชื่อว่า “Worldwide developer Conference” หรือที่รู้จักกันในชื่อ WWDC โดยในปีนี้ได้มีการประกาศจัดงานขึ้นในช่วงวันที่ 5 มิถุนายนจนถึงวันที่ 9 มิถุนายน โดยเป็นการจัดในระบบออนไลน์เช่นเดิม แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นในวันที่ 5 มิถุนายนซึ่งเป็นวันแรกที่งานถูกจัดขึ้น จะมีการจัดในรูปแบบของ in-person ใน Apple Park โดยปัจจุบันนี้มีการเปิดให้ลงทะเบียน เพื่อเข้าร่วมงานที่เว็บไซต์ของ Apple

ภาพ Apple

สำหรับงาน WWDC จะเป็นงานเปิดตัวซอฟต์แวร์ไม่ว่าจะเป็น iOS, iPadOS, MacOS TvOS และอื่น ๆ โดยในปีที่แล้วมีการเปิดตัว iOS 16 พร้อมกับชิปปฏิบัติการ M2 รวมถึงสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย และในปีนี้ Susan Precott ในตำแหน่งรองประธานฝ่าย Worldwide developer relation ก็บอกมาอีกด้วยว่าจะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่และน่าสนใจมากที่สุด โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในงาน WWDC 2023

บริษัท Apple จะมีการเปิดตัวอุปกรณ์ Augment/ Virtual reality (AR/VR) Headset เนื่องจากในภาพโปรโมทงานมีลักษณะคล้ายเลนส์แว่นตาและอีกสิ่งหนึ่งที่ Apple และอีกสิ่งหนึ่งที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเปิดตัวภายในงานนี้ก็คือเครื่อง Macbook 15 นิ้ว โดยในปีที่ผ่านมา Apple ก็ได้มีการเปิดตัว Macbook 13 นิ้วภายในงาน WWDC 2022 เช่นเดียวกัน โดยเครื่อง Macbook 15 นิ้วนั้นได้มีข่าวลือออกมาโดยตลอดว่าทาง Apple นั้นกำลังซุ่มพัฒนาอยู่

ภาพ Pixabay/Pixaline

เมื่อพูดถึงฮาร์ดแวร์กันไปแล้วซอฟต์แวร์ที่คาดว่าจะเปิดตัวภายในงาน WWDC 2023 ก็คือระบบปฏิบัติการ iOS 17 ในระบบปฏิบัติการรุ่นนี้อาจจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ น้อยลงแต่มาพร้อมด้วยระบบที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่เรียกร้องกัน โดยอาจจะมีการอัปเดต Car Play, อัปเดต Siri, รองรับการทำงานของ Sideloading รวมไปถึง AR/VR Headset นอกจากนี้จะมีฟีเจอร์อะไรอีกนั้นก็คงต้องติดตามดูกันในงานเปิดตัว

นี่ก็เป็นเพียงการคาดการณ์คร่าวๆ ว่าภายในงาน WWDC 2023 จะมีผลิตภัณฑ์ใดที่ถูกเปิดตัวออกมาบ้าง แต่แน่นอนว่าทาง Apple คงจะไม่ปล่อยทีเด็ดให้หลุดออกมาก่อนวันงาน ในวันที่ 5 มิถุนายนคงจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ มาให้ผู้ใช้งานได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกันอีกเช่นเคยอย่างแน่นอน สำหรับใครที่รอติดตามชมสามารถติดตามได้ทาง YouTube ของ Apple

ข้อมูลจาก The Verge, Driodsans

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

IOS 16.4 Beta 3 มีอะไรน่าสนใจบ้าง

IOS 16.4 Beta 3 มีอะไรน่าสนใจบ้าง

สำหรับคนที่ใช้โทรศัพท์ iPhone ในตอนนี้ระบบปฏิบัติการล่าสุดก็คือ iOS 16.3.1 ซึ่งได้มีการปล่อยให้อัปเดตมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่สำหรับระบบปฏิบัติการล่าสุดที่กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนานั้นก็คือระบบปฏิบัติการ iOS 16.4 Beta 3 ซึ่งในปัจจุบันนี้เปิดให้มีการทำ Public Tester

บริษัท Apple ได้มีการปล่อยระบบปฏิบัติการรุ่น iOS 16.4 Beta 3 ออกมาให้ทำการทดสอบกันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเราสามารถตีความได้ว่าในอนาคตอันใกล้ระบบปฏิบัติการ iOS 16.4 จะปล่อยให้ผู้ใช้งาน iPhone ได้อัปเดตกัน ซึ่งในช่วงที่ได้มีการทดสอบอยู่ตอนนี้ก็มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากมายปรากฏออกมา มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่น่าสนใจ

ภาพ Wallpaper.com/Gourmet

Apple ID และ Beta Software Update

iOS 16.4 จะอนุญาตให้สามารถใช้ Apple ID อื่นในเครื่องเดียวกันได้ หรือเรียกง่าย ๆ นั่นก็คือการสับเปลี่ยน account ในการใช้งานนั่นเอง

อัปเดต Apple Books

ในระบบปฏิบัติการ iOS 16.4 Beta 2 ได้มีการนำอนเมชั่น page-turn curl กลับมาหลังจากที่นำออกไปในระบบปฏิบัติการ iOS ก่อนหน้านี้ โดยในเวอร์ชั่น iOS 16.4 Beta 3 ผู้ใช้งานจะสามารถเลือกรูปแบบของอนิเมชั่นได้

อิโมจิใหม่

IOS 16.4 Beta ได้มีการเพิ่มอิโมจิใหม่ให้กับเครื่อง iPhone ทั้งหมด 31 ตัวด้วยกัน

อัปเดต Apple podcast

Apple podcast เป็นอีกหนึ่งแอปที่คนนิยมใช้งานกัน ในการอัปเดตใหม่นี้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงช่องพอตแคสที่ติดตามจากส่วนของ Library ได้เลยและยังสามารถใช้ฟังก์ชัน Up Next เพื่อที่จะฟังพอดแคสต่อ เริ่มต้นตอนใหม่ที่ได้มีการเซฟไว้หรือลบตอนที่ไม่อยากฟังออกไป

แอป Music ที่เปลี่ยนไป

หน้าตาของแอป Music จะไม่เหมือนเดิมโดยได้มีการปรับเปลี่ยนตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ iOS Beta 1 เมื่อผู้ใช้งานเพิ่มเพลงในคิว ก็จะมีภาพ banner ขึ้นอยู่บริเวณด้านล่าง แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ขึ้นมาเต็มหน้าจอ

ภาพ Wallpaper.com/Marshall

คีย์บอร์ด เสียง Siri และ การอัปเดตภาษา

ใน iOS 16.4 Beta 1 ได้มีการเพิ่มภาษาของคีย์บอร์ดเข้าไปซึ่งก็คือ Choctaw และ Chickasaw ในส่วนของเสียง Siri มีการเพิ่มภาษาอารบิกและภาษาฮิบบลู ในส่วนของการอัพเดทของภาษานั้น Apple ได้มีการเพิ่มภาษาเกาหลี ภาษายูเครน ภาษาคุชราต ภาษาปัญจาบ และภาษาอูรดู

การอัปเดตของระบบปฏิบัติการ iOS 16.4 นั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ และก่อนปล่อยตัวเต็มออกมาคงจะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมา อย่างไรก็ตามยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าระบบปฏิบัติการ iOS 16.4 นั้นจะปล่อยมาให้ดาวน์โหลดกันเมื่อใด

ข้อมูลจาก Cnet

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

iPhone SE 4 ยังไม่ตาย Apple มีแผนรื้อฟื้น

iPhone SE 4 ยังไม่ตาย Apple มีแผนรื้อฟื้น

อย่างที่เรารับรู้กันดีว่าบริษัท Apple มักจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในทุกๆ ปี และก็จะมีการยุติการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตัวอย่างเช่นเราเห็น Apple ประกาศหยุดการผลิต iPod Touch เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา และแน่นอนว่าคงมีอุปกรณ์อีกหลายรุ่นที่ทาง Apple จะยุติการผลิตในอนาคตอย่างไรก็ตามไม่ใช่กับiPhone SE 4

iPhone SE ถูกผลิตครั้งแรกในปี 2016 และ iPhone SE (Gen 2) ถูกผลิตขึ้นมาในปี 2020 และ Gen 3 นั้นได้มีการผลิตขึ้นมาเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา โดย 2 เดือนก่อนหน้านี้ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้มีการออกมาบอกว่าทางบริษัทจะยุติการผลิต iPhone SE แต่ล่าสุดตัวเขาก็ได้ออกมากลับคำพูดและบอกว่า iPhone SE 4 จะกลับมาเป็นแผนการผลิตของ Apple อีกครั้ง

ภาพ Apple

ตามข่าวที่ Ming-Chi Kuo ให้มา ลักษณะของ iPhone SE 4รูปร่างจะคล้ายคลึงกับ iPhone 14 โดยมีหน้าจออยู่ที่ 6.1 นิ้วและเป็นจอ OLED โดยจะมีขนาดใหญ่กว่า iPhone SE 3 ที่สำคัญยังเปลี่ยนชิป 5G เป็นของ Snapdragon โดยก่อนหน้านี้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Qualcomm แต่ที่ยังไม่แน่ใจก็คือใน iPhone SE 4 จะมีพรีเมี่ยมฟีเจอร์เหมือน ใน iPhone 14 หรือไม่ ตัวอย่างเช่นระบบโทรฉุกเฉิน, ระบบ Face ID, และการถ่ายภาพกลางคืน โดยฟีเจอร์ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่มีอยู่ใน iPhone SE 3 และถ้าหากว่า iPhone SE 4

จะเปลี่ยนเป็นระบบ Face ID จะทำให้ iPhone รุ่นใหม่ทั้งหมดไม่มีระบบ Touch ID ในการปลดล็อก ซึ่งจะทำให้บริเวณหน้าจอนั้นกว้างขึ้นและไม่มีปุ่มอีกต่อไป ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า Apple จะมีการเปิดตัวมาiPhone SE รุ่นใหม่ตามที่นักวิเคราะห์รายนี้ได้ให้ข่าวไว้หรือไม่ สำหรับช่วงเวลาในการเปิดตัว iPhone SE 4นั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะเปิดตัวในช่วงปีหน้าหรือในปี 2024 สำหรับราคามีความเป็นไปได้ว่าจะมีราคาใกล้เคียงกับเครื่องรุ่นเก่าโดยจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 400 เหรียญสหรัฐจนถึง 600 เหรียญสหรัฐขึ้นอยู่กับขนาดความจุ

ภาพ Apple

iPhone SE เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะกับคนที่มีงบน้อย เพราะนอกจากจะราคาถูกแล้วคุณภาพในด้านต่าง ๆ ก็ไม่แพ้กับ iPhone พี่เปิดตัวมาในปีเดียวกัน ดังนั้นถ้าหาก Apple จะยุติการผลิตไปก็คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเสียดายอย่างแน่นอน

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ผู้ใช้งาน Apple สามารถตั้งเสียงของ Siri ได้ผู้ใช้งาน Apple สามารถตั้งเสียงของ Siri ได้

ผู้ใช้งาน Apple สามารถตั้งเสียงของ Siri ได้

Apple นั้นมีผลิตภัณฑ์มากมายไม่ว่าจะเป็น iPhone iPod หรือ iPad และอื่น ๆ โดยในเครื่องทุกเครื่องนั้นจะมีตัวช่วยภายในเครื่องที่เรารู้จักกันในชื่อ Siri

โดยตัวของ Siri นั้นจะช่วยให้การทำงานบนผลิตภัณฑ์ของ Apple ทำได้ง่ายมากขึ้นโดยไม่ต้องใช้ปลายนิ้วของเราสัมผัสกับตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการโทรออก การค้นหาข้อมูล การตั้งค่าภายในเครื่อง และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งโดยปกติแล้วเสียงของตัวผู้ช่วยอย่าง Siri นั้นจะเป็นเสียงผู้หญิงและเป็นเสียงที่ตั้งค่าเริ่มต้นของตัวเครื่องทุกเครื่องจากโรงงาน

แต่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นสามารถเลือกเสียงให้กับ Siri ได้แล้ว โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาบริษัท Apple ได้ออกมารายงานว่าโทรศัพท์รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นั้นจะสามารถเลือกเสียงของ Siri ได้ ระหว่างเสียงของผู้ชายและเสียงของผู้หญิง และยังมีสำเนียงให้เลือกถึง 6 สำเนียงเลย แต่ว่าค่าพื้นฐานในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะเป็นเสียงผู้หญิง ส่วนในประเทศอังกฤษนั้นจะเป็นเสียงผู้ชาย นอกจากนี้ทางบริษัท Apple นั้นยังได้เพิ่มเสียงใหม่ให้กับ Siri ถึง 2 เสียงด้วยกัน

โดยการเปลี่ยนแปลงเสียงของ Siri นี้จะนำเข้ามาในระบบปฏิบัติการ iOS 14.5 Beta และยังมีการอัปเดตระบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเทียบระบบสุขภาพแบตเตอรี่รวมไปถึงชุดคำสั่งอื่น ๆ อีกมากมาย โดยตัวระบบ iOS 14.5 นั้นยังอยู่ในขั้นทดลองระบบปฏิบัติการและยังไม่เปิดมาให้ผู้บริโภคได้อัปเดตกัน โดยจะมีการอัปเดตในช่วงหลังของปีนี้อย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดูจะไม่ค่อยน่าตื่นเต้นมาสักเท่าไหร่กับการเปลี่ยนแปลงเสียงของผู้ช่วย Siri เนื่องจากบางคนแทบไม่ได้ใช้ตัวของผู้ช่วยนี้เลย แต่สำหรับบางคนก็ใช้ตัวผู้ช่วยของผลิตภัณฑ์จาก Apple เป็นประจำการที่มีอะไรแปลกใหม่เข้ามาก็คงจะทำให้รู้สึกถึงความแปลกใหม่ที่มีเข้ามาภายในตัวเครื่อง

ในปัจจุบันนี้ระบบผู้ช่วยด้วยเสียงนับว่าเป็นอีกหนึ่งระบบที่ต้องมีอยู่ในเครื่องสมาร์ทโฟนแทบทุกเครื่องเลยก็ว่าได้ แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าเป็นระบบที่ไม่สำคัญมากนักจนบางครั้งไม่ได้ใช้งานมันเลย แต่ในสถานการณ์บางสถานการณ์นั้นมันก็เป็นระบบที่สำคัญมาก ดังนั้นก็ควรที่จะฝึกใช้ระบบผู้ช่วยไว้บ้างนะครับหรืออย่างน้อยศึกษาไว้ก็ดีว่าตัวผู้ช่วยสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่แน่อาจจะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้งานสมาร์ทโฟนของเราก็เป็นได้

ข้อมูลจาก CNN, IPhoneMod

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok ออกไป สมาชิกรัฐสภาสั่ง Apple และ Google ให้นำแอปออกจากร้านค้า

Tiktok ออกไป สมาชิกรัฐสภาสั่ง Apple และ Google ให้นำแอปออกจากร้านค้า

ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนเป็น 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ในโลกและเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจ โดยทั้งสองประเทศมักจะมีประเด็นความขัดแย้งให้ได้ติดตามกันเป็นประจำ หนึ่งในนั้นก็คือปัญหาความมั่นคงระดับชาติจาการใช้งานสังคมออนไลน์

เมื่อสมัยรัฐบาลของโดนัลด์ท รัมป์ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังอย่าง Tiktok ที่ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท ByteDance ยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน ว่าเป็นแอปพลิเคชันที่อันตรายและอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือลักษณะใบหน้า ถึงแม้ว่าจะมีกระแสต่อต้าน แต่ในรัฐบาลของโจ ไบเดนก็ได้มีการยกเลิกคำสั่งแบน Tiktok และ WeChat ทำให้ชาวอเมริกันยังสามารถใช้งานแอปทั้ง 2 ได้จนถึงปัจจุบันนี้

 ภาพ Pixabay

หลังจากข่าวเงียบหายไป กระแสการต่อต้านก็กลับมา Michael Bennet สมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาพรรคเดโมแครตจากรัฐโคโลราโด ได้มีการเขียนจดหมายถึง Tim Cook ผู้บริหารของ Apple และ Sundar Pichai ผู้บริหารของ Google เพื่อให้นำ Tiktok และ WeChat ออกจากร้านค้า App Store เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีความเคลื่อนไหวของทาง Google และ Apple ออกมา ถึงแม้ตอนนี้จะมีการพยายามให้ระงับการใช้งานแอปพลิเคชันจากจีนทั่วทั้งประเทศแต่ก็ยังทำได้แค่บางพื้นที่ เช่นในรัฐโอไฮโอ, นิว เจอร์ซีย์ มีการสั่งแบนแอป Tiktok จากอุปกรณ์ภายในพื้นที่ของรัฐ ตามมาด้วยรัฐเวอร์จิเนียที่ห้ามใช้งาน Tiktok และ WeChat เมื่อ เมื่อปลายปีที่ผ่านมารัฐจอร์เจียก็มีการสั่งระงับการใช้งานแอปจากจีนด้วยเช่นเดียวกัน

 ภาพ Pixabay

ท่ามกลางความกดดันทางบริษัทผู้พัฒนาก็รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของรัฐบาลในบางรัฐของอเมริกา ซึ่งทางโฆษกของบริษัทก็ชี้แจงว่าทางบริษัทพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาและพัฒนาตามแนวทางของกฎระเบียบในแต่ละประเทศ และจะเพิ่มความปลอดภัยให้กับแพลตฟอร์มในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ Shou Zi Chew เจ้าของ Tiktok จะมีการทำให้การยืนยันในการประชุมที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อชี้แจงข้อมูลต่าง ๆ และแก้ไขประเด็นที่ถูกโจมตี

ถึงแม้ว่าจะไม่กระทบกับผู้ใช้ในประเทศไทย แต่การสูญเสียฐานผู้ใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีประชากรเป็นจำนวนมากนั้น ก็ทำให้ Tiktok เสียรายได้ไปไม่น้อยเลยทีเดียว สุดท้ายก็คงต้องมาติดตามดูว่าประเทศอเมริกาจะสามารถใช้งานแอปจากจีนได้อีกหรือไม่ แต่ในทางกลับกันตอนนี้ประเทศจีนก็ไม่สามารถใช้ Facebook ได้เช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก Cnet

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

อัปเดต iOS 16.3 เพิ่มความปลอดภัย

อัปเดต iOS 16.3 เพิ่มความปลอดภัย

Apple ได้มีการปล่อยระบบปฏิบัติการ iOS 16.3 ให้ผู้ใช้งานโดยทั่วไปได้ดาวน์โหลดกันแล้ว โดยระบบปฏิบัติการใหม่นี้จะเน้นในเรื่องความปลอดภัยของ Apple ID

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่ผ่านมา Apple มีการเปิดตัว Hardware Key ซึ่งเป็นเหมือนความปลอดภัย 2 ชั้นในการเข้าใช้งาน Apple ID เช่นเดียวกันมันสามารถช่วยผู้ใช้งานล็อกดาวน์การทำงานของ iCloud ได้ รวมถึงมีการประกาศเกี่ยวกับ Advanced Data Protection ที่เป็นการทำงานในรูปแบบ End-to-End Ecrypted ใน Cloud Storage ซึ่งทั้งหมดถูกอัปเดตไว้ใน iOS 16.2 และถูกใช้งานภายในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Apple ได้มีการปล่อยอัปเดต iOS 16.3 ซึ่งมีฟีเจอร์เหล่านี้พ่วงมาด้วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ทั่วโลก สำหรับฟีเจอร์อื่น ๆ iOS 16.3 จะมี Emergency SOS call พร้อมกับการตั้งค่าพื้นหลังหน้าจอ iPhone

ภาพ Apple

นอกจาก iOS 16.3 จะมาพร้อมกับระบบความปลอดภัย ยังมาพร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่ของ Homepod Minis โดยมันจะมีสัญญาณตรวจจับความร้อนที่ทำงานโดยอัตโนมัติ โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานผ่านเสียง ให้ตรวจหาบุคคลภายในบ้านหรือ Find My devices ได้ ได้ด้วย โดยสามารถทำการอัปเดตได้โดยการเข้าไปที่แอป Home > Home Setting > Software Update

ภาพ Apple

นอกเหนือฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ถูกนำเข้ามาในระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ ยังมีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบปฏิบัติการก่อนหน้านี้ด้วยเช่นเดียวกัน ยังมีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบปฏิบัติการก่อนหน้านี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดย iOS 16.3

  • แก้ไข Horizontal Line ของ iPhone 14 Pro Max
  • แก้ไข Home Lock Screen widget ที่ไม่แสดงบนแอป Home
  • แก้ไข Siri ที่ไม่ตอบสนองเมื่อมีการขอให้เปิดเพลง
  • แก้ไข Siri เพื่อรับคำสั่งผ่าน Carplay ให้ดีมากยิ่งขึ้น

ใครที่ต้องการดาวน์โหลด iOS 16.3 สามารถดาวน์โหลดได้เลยตอนนี้

นอกจากเรื่องซอฟต์แวร์แล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัท Apple ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Macbook ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล M2 ที่มีประสิทธิภาพการทำงานมากกว่า M1 แน่นอนว่าต้องมีราคาสูงกว่า ใครอยากดูรายละเอียดสามารถกดได้ที่ลิงก์นี้ Apple และสำหรับใครที่ตั้งหน้าตั้งตารอการมาถึงของ iPhone 15 ทาง Apple จะมีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ ในส่วนของราคาก็มีการคาดเดากันไว้ว่า iPhone 15 จะมีราคาที่ใกล้เคียงกับ iPhone 14 เมื่อเทียบกันรุ่นต่อรุ่น

ข้อมูลจาก The Verge , PhoneArena

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook