Facebook ลงทุน Metaverse จำนวน 50 ล้านดอลลาร์
ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเกิดขึ้นมากมายและทำอะไรได้หลายอย่างมากขึ้นรวมไปถึงสามารถสร้างโลกเสมือนจริงให้กับพวกเราได้ด้วยซึ่งในตอนนี้มันก็คือสื่อสังคมออนไลน์นั่นเอง แต่ในอนาคตพวกเราคงจะได้เห็นอะไรที่มากไปกว่าโลกเสมือนจริงที่อยู่ในหน้าจอแบบเป็นรูปเสมือนจริงที่เราสามารถเห็นได้ในรูปแบบ 3 มิติและสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจนซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เรียกว่า Metaverse นั่นเอง และทาง Facebook นั้นผู้ที่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี AR และ VR ก็คือความเอาจริงเอาจังที่จะศึกษาและทำให้ Metaverse นั้นเป็นจริงขึ้นมาในอนาคต

โลกเสมือนจริงที่สามารถพาผู้คนที่อยู่คนละพื้นที่ให้มาอยู่พื้นที่เดียวกันได้เพื่อที่จะออกไปค้นหาและค้นพบสิ่งต่าง ๆ ในโลกเสมือนจริงซึ่งในปัจจุบันนี้มันก็คือเทคโนโลยี VR นั่นเองรวมไปถึงเทคโนโลยี AR ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งทาง Facebook นั้นเอาจริงเอาจังกับเรื่องดังกล่าวนี้มากและได้ลงทุนไปเป็นจำนวนเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียวในการพัฒนาและศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม XR ทุนในการทำวิจัย รวมถึงมีการร่วมมือกับ Organization อื่น ๆ สถาบันต่าง ๆ รวมไปถึงรัฐบาลเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวให้เป็นความจริงโดยเทคโนโลยีนี้จะไม่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้อย่างแน่นอนแต่อาจจะต้องใช้เวลามาก 10 ถึง 15 ปีเลยทีเดียว

และแน่นอนว่าโลกเสมือนจริงที่ Facebook ต้องการที่จะสร้างขึ้นมานั้นยังคงมีปัญหาอีกมากมายที่ยังไม่ได้เรียนรู้หรือจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข้อมูล, ความปลอดภัย, การเข้าถึง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นที่น่าสนใจมากเลยว่าในอนาคตนั้นจะสามารถต่อยอดเทคโนโลยีให้กลายเป็นโลกเสมือนจริงหรือ Metaverse ได้ดีมากน้อยเพียงใด แต่การมีเทคโนโลยีนี้เข้ามาคงทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ มากขึ้นอย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คงจะเป็นการที่มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาทำให้ผู้คนนั้นเสพติดง่ายและอาจจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือนจริงมากกว่าโลกแห่งความเป็นจริงดังนั้นการจัดการเวลาให้เหมาะสมและอยู่กับโลกของความเป็นจริงบ้างก็อาจจะเป็นส่วนสำคัญอย่างมากเลยถ้าหากว่า Metaverse นั้นเกิดขึ้นจริง ๆ ถึงแม้ว่าเราจะมีความสุขบนโลกเสมือนจริงมากเพียงไหนแต่ก็ต้องไม่ลืมไปว่าโลกแห่งความจริงเราก็ต้องมีความสุขมากด้วยเช่นเดียวกัน
ภาพจาก Pixabay
ข้อมูลจาก Cnet
ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ ทันโลกit
เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook