การแข่งขันของเทคโนโลยีด้านอวกาศในปี 2022 ของสหรัฐอเมริกา

การแข่งขันของเทคโนโลยีด้านอวกาศในปี 2022 ของสหรัฐอเมริกา

                ช่วงเวลาที่ทุกการปล่อยจรวดถูกสตรีมสดบน Youtube ผู้คนนับล้านได้รับที่นั่งแถวหน้าเพื่อความสำเร็จและความล้มเหลวของ บริษัท อวกาศ Astra บริษัทสตาร์ทอัพด้านจรวดที่กลายเป็นบริษัทมหาชน มีทั้งสองอย่าง แต่ตาม CEO Chris Kemp ความสมบูรณ์แบบไม่ใช่ประเด็น “ความคาดหวังที่ฉันคิดว่าผู้คนจำนวนมากมีคือทุกการเปิดตัวจะต้องสมบูรณ์แบบ ฉันคิดว่าสิ่งที่ Astra ต้องทำจริงๆ

คือเราต้องมีการเปิดตัวจำนวนมากจนไม่มีใครคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป” ในที่สุด Astra (แอสตร้า) ต้องการที่จะบรรลุจังหวะการเปิดตัวรายวัน ในระหว่างนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรายสัปดาห์ในต้นปีหน้า เป็นส่วนสำคัญของการที่บริษัทตั้งเป้าที่จะเอาชนะท่ามกลางกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์เปิดตัวรายย่อยที่มีผู้คนหนาแน่นมากขึ้น ไม่ใช่เพราะไม่มีที่ติ แต่ด้วยต้นทุนที่ต่ำและมีปริมาณมากจนความเสี่ยงที่สัมพันธ์กันของความล้มเหลวอันเป็นหายนะบางอย่างหมดไป

ในการไปถึงที่นั่น แอสตร้ากำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันกลายเป็นบริษัทที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ไปถึงวงโคจรในเดือนพฤศจิกายน หกปีหลังจากการก่อตั้งบริษัท Kemp สรุปแนวทางดังกล่าวในวันพฤหัสบดีที่ “Spacetech Day” ของ Astra: “แนวทางที่เราใช้ไม่ใช่การออกแบบและสร้าง PowerPoints และทำการวิเคราะห์ทั้งหมด จากนั้นอีก 5 หรือ 10 ปีต่อมา

ในที่สุดก็อาจสร้างจรวดได้” เขากล่าว “ภายใน 18 เดือนของการก่อตั้งบริษัทในโรงรถนั้น ได้รับใบอนุญาตการยิง และเปิดตัวจรวดตัวแรกของเรา จากนั้นจึงทำอีกครั้งในสองสามเดือนต่อมา และครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ไม่ใช่วิธีที่นิยมในการแก้ไขปัญหานี้” เขากล่าวเสริม

ตลาดสามารถรองรับจังหวะการเปิดตัวรายวันได้หรือไม่? แอสตร้ากำลังเดิมพันว่าทำได้ วิธีที่ Astra มองเห็น อุตสาหกรรมการปล่อยยานก็เหมือนเส้นโค้ง: ด้านหนึ่งมีบริษัทต่างๆ เช่น SpaceX ที่ให้บริการภารกิจที่มีลูกเรือ ส่งสินค้าไปยังอวกาศ และแม้กระทั่งพยายามจะตั้งรกรากในดาวเคราะห์ดวงอื่นในท้ายที่สุด อีกด้านหนึ่งของเส้นโค้งคือ Astra: เล็ก ราคาถูก และเบา เส้นโค้งตรงกลางคือสิ่งที่เคมป์เรียกว่า “หุบเขามรณะ”

“คุณสามารถขยายขนาดจรวดหรือขยายโรงงาน เราคิดว่ามีผู้ชนะที่ปลายทั้งสองของสเปกตรัมนั้น และอยู่ตรงกลาง…มันจะเป็นสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับบริษัททั้งหมดที่อยู่ตรงกลาง”

ความเชื่อมั่นส่วนหนึ่งของบริษัทมาจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มดาวดาวเทียมที่วางแผนไว้หรืออยู่ระหว่างดำเนินการที่จะโคจร การเดิมพันของแอสตร้าว่าผู้ให้บริการเต็มใจที่จะเสี่ยงร้อยละเล็กน้อยของยานอวกาศของพวกเขาไม่ถึงวงโคจร เพื่อแลกกับความเร็วในการปล่อย ต้นทุนที่ต่ำลง และวิถีโคจรที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น แนวทางนี้เป็นแนวทางในการตัดสินใจของบริษัท: จรวดที่ทำจากวัสดุต้นทุนต่ำ เช่น อลูมิเนียม การใช้ชิ้นส่วนที่หล่อด้วยเครื่องจักรกับชิ้นส่วนที่พิมพ์ 3 มิติ

ระบบการเปิดตัวที่ต้องใช้ทีมงานเพียงหกคนในการปรับใช้ และสามารถใส่ลงในตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐานได้ แอสตร้ายังคงลดความซับซ้อนต่อไป จรวดรุ่นต่อไปคือ Rocket 4.0 จะมีเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าเพียงสองเครื่องเท่านั้น เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ขนาดเล็กห้าเครื่องที่พบใน Rocket 3.0 และกระบวนการทั้งหมดจะเป็นแบบอัตโนมัติยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้ทีมควบคุมภารกิจลดจำนวนลงจากไม่ถึงสิบคนเหลือเพียงสองคน

โรงงานผลิตจรวดของ Astra ในเมือง Alameda รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่ง Astra กำลังเรียกกระบวนการใหม่ Launch System 2.0 คาดว่าจะทำการบินทดสอบครั้งแรกของตัวเรียกใช้งาน 4.0 ของระบบในปลายปีนี้ และในที่สุดเมื่อจรวดถูกเตรียมสำหรับการดำเนินการเชิงพาณิชย์

แอสตร้ากล่าวว่าจะสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ 300 กิโลกรัมสู่วงโคจรต่ำของโลกในราคาฐาน 3.95 ล้านดอลลาร์ ในทางตรงกันข้าม ราคามาตรฐานสำหรับจรวดอิเลคตรอนของ Rocket Lab สำหรับน้ำหนักบรรทุกเท่ากันนั้นอยู่ที่ประมาณ 7.5 ล้านดอลลาร์ต่อการเปิดตัวหนึ่งครั้ง แม้ว่า Rocket Lab บอกว่าราคาสุดท้ายนั้นขึ้นอยู่กับข้อกำหนดภารกิจเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย

จังหวะการเปิดตัวที่ทะเยอทะยานดังกล่าวต้องใช้แผนการผลิตที่มีความทะเยอทะยานเท่าเทียมกัน Kemp บอกว่าโรงงานผลิตพื้นที่ 250,000 ตารางฟุตของบริษัททำให้บริษัทสามารถผลิตจรวดได้หนึ่งลูกต่อวัน เพื่อสนับสนุนการผลิตเพิ่มเติม แอสตร้าได้ว่าจ้าง Benjamin Lyon ผู้นำของ Apple มาอย่างยาวนานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว เพื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของบริษัท

การย้ายจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคไปยังเรือจรวดอาจดูผิดปกติ แต่เป็นหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับความตั้งใจของ Astra ที่จะบรรลุระดับการผลิตที่ไม่เคยมีมาก่อนในการบินและอวกาศ ส่วนหนึ่งของแผนการเพิ่มจังหวะการเปิดตัว Astra ได้ประกาศแผนการเมื่อต้นเดือนนี้ที่จะเปิดตัว SaxaVord UK Spaceport โดยเร็วที่สุดในปี 2023 และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนสำหรับบริษัท นั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

Source : https://techcrunch.com/2022/05/13/astras-playing-the-long-game/

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Taste the TV เทคโนโลยีลิ้มรสอาหาร

Taste the TV

Taste the TV เทคโนโลยีลิ้มรสอาหารเพียงปลายลิ้นสัมผัส

ในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีของทวีปเอเชียประเทศแรกที่ต้องยกให้เลยก็คือประเทศญี่ปุ่น เพราะว่าเป็นประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีได้ก้าวล้ำสมัยเป็นอย่างมากเลยทีเดียว หลายต่อหลายปีแล้วที่เราได้เห็นประเทศญี่ปุ่นพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆออกมาให้เราได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกัน ซึ่งนอกจากจะสร้างความตื่นตาตื่นใจแล้วเทคโนโลยีที่ประเทศญี่ปุ่นยังสามารถนำมาใช้ได้จริงอีกด้วย เราจึงได้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่นมักจะใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่นการทำงานของคนอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ล่าสุดก็ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ออกมาอีกแล้วโดยเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีลิ้มรสอาหารผ่านหน้าจอทีวีโดยมีชื่อเทคโนโลยีว่า “Taste the TV” 

Taste the TV เทคโนโลยีที่ทำให้ผู้คนสามารถลิ้มรสอาหารที่แสดงอยู่บนหน้าจอทีวีได้จริงซึ่งในตอนนี้ถูกออกแบบมาเป็นแบบ Prototype โดยเทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกพัฒนาโดยศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่น ภายในทีวีจะมีสเปรย์รสชาติ 10 รสด้วยกันโดยมันจะสามารถผสมผสานกันเป็นรสชาติของอาหารได้ โดยเมื่อมีการผสมรสชาติเสร็จแล้วรสชาติที่ถูกผสมก็จะออกมาบริเวณหน้าจอ ซึ่งเป็นหน้าจอที่สะอาดและถูกหลักอนามัย 

ศาสตราจารย์ Homei Miyashita ที่เป็นผู้สร้าง Taste the TV ได้บอกถึงเป้าหมายในการสร้างเทคโนโลยีนี้ด้วยว่า “ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิดคนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้นพบปะสังสรรค์กันน้อยลง เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้คนสามารถลิ้มรสอาหารที่อยู่ในร้านอาหารต่างประเทศได้โดยที่ตัวเองนั้นไม่ต้องเดินทางไป”

ศาสตราจารย์ Homei Miyashita ร่วมมือกับนักเรียนของเขาจำนวน 30 คนในการพัฒนารสชาติที่อยู่ในเทคโนโลยี  Taste the TV และตัวของเขาก็ใช้เวลาพัฒนาเทคโนโลยีนี้ที่เป็นเทคโนโลยีต้นแบบเป็นเวลามากกว่า 1 ปี และสำหรับการสร้างเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ Taste the TV จะมีราคาอยู่ที่ 100,000 เยน 

ซึ่งเทคโนโลยีนี้อาจจะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้ในการเรียนออนไลน์ได้สำหรับนักเรียนที่เรียนทำอาหาร หรือใช้ในเกมโชว์ที่มีการทำอาหารได้นั่นเอง 

Taste the TV เป็นเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมได้อย่างแน่นอนและที่สำคัญเป็นเทคโนโลยีแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยทีเดียว ซึ่ง Taste the TV จะสามารถนำมาใช้งานได้จริงในอนาคตได้ไหมก็ต้องมาติดตามชมกันเพราะว่าในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด การที่ใช้วิธีการเลียหน้าจอเพื่อรับรสชาติของอาหารอาจจะเป็นวิธีที่เสี่ยงเกินไป ซึ่งถ้าอยากจะให้ปลอดภัยจริง ๆ ก็คงจะต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อทำความสะอาดหน้าจอด้วย 

ภาพ Screenshot จาก Global News

ข้อมูลจาก The Guardian

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ เทคโนโลยีรอบโลก 
เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

iPhone นวัตกรรมเปลี่ยนโลก

iPhone

iPhone นวัตกรรมเปลี่ยนโลกเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว

ในช่วงที่เราใช้โทรศัพท์ที่เป็นปุ่มกดเราคงไม่มีทางคิดถึงได้เลยว่าในปัจจุบันนี้โทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารหรือส่งข้อความจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายถึงขนาดนี้ ในปัจจุบันนี้โทรศัพท์ปุ่มกดแล้วแทบจะไม่เห็นกันแล้วบริษัทส่วนใหญ่หันมาใช้โทรศัพท์ที่เป็นระบบสัมผัส ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากกว่าสามารถทำประโยชน์ได้มากกว่าไม่ว่าจะเป็นใช้ในการติดต่อสื่อสาร เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นำทาง หรือแม้แต่ในเรื่องของความบันเทิง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโทรศัพท์จากปุ่มกดมาเป็นโทรศัพท์ที่ใช้ระบบสัมผัสเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว

ในวันที่ 9 มกราคมปี 2550 ผู้ชายที่มีชื่อว่า Steve Jobs  ได้เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบไปโดยสิ้นเชิงโดยการเปิดตัวโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่มีชื่อว่า iPhone รุ่นแรก ในตอนนั้นเพียงแค่เราได้เห็นโทรศัพท์เปลี่ยนจากปุ่มกดเป็นระบบสัมผัสเราก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจมากแล้วแต่นี่ยังสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตและทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิมขึ้นไปอีก ที่สำคัญเลยก็คือ iPhone เปลี่ยนให้บริษัทหลายๆบริษัทหันมาใช้เทคโนโลยีระบบสัมผัสด้วยปลายนิ้วแทนที่จะใช้ปุ่มกดในโทรศัพท์มือถือ และทำให้ทั้งโลกตอนนี้รู้จักสมาร์ทโฟน นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันบริษัท Apple ก็ได้มีการพัฒนา iPhone มาทั้งหมด 13 รุ่น ด้วยความที่ Apple สามารถดึงสำลีใหม่ๆเข้ามาใน iPhone รุ่นใหม่ๆได้ทำให้ iPhone ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่า Steve Jobs จะไม่ได้อยู่แล้วก็ตามที

ในวันแรกที่ Steve Jobs เปิดตัว iPhone รุ่นแรกนั้นบริษัท Apple มีมูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 

174.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ และด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องและออกเทคโนโลยีใหม่ๆให้ผู้บริโภคได้ใช้งานกันอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ ปีทำให้บริษัท Apple ในปัจจุบันนี้มีมูลค่ามากกว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นที่เรียบร้อย เรียกว่าเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากเลยทีเดียว 

เมื่อมาเทียบเนื้อเรื่องของราคา iPhone รุ่นดั้งเดิมนั้นมีราคาอยู่ที่ 499 เหรียญสหรัฐสำหรับเครื่องความจำ 4 GB  แต่ในปัจจุบันนี้ iPhone 13 Pro Max ที่เป็นโทรศัพท์ที่ทันสมัยมากที่สุดมีราคาอยู่ที่ 1099 เหรียญสหรัฐสำหรับ 256 GB  เรียกว่าราคาต่างกันมากมหาศาล

โทรศัพท์ iPhone จะเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมของโลกแล้วยังทำให้เกิดเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆอีกมากมายเลยทีเดียวในรูปแบบของแอปพลิเคชัน ในตอนนั้นเรายังไม่รู้จัก Facebook Instagram หรือว่า Twitter เลยด้วยซ้ำ การมาถึงของ iPhone ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้เกิดขึ้นมามากมาย  ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้เกิดขึ้นมามากมาย เรียกว่าโทรศัพท์ iPhone เป็นจุดกำเนิดที่ทำให้ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีนั้นก้าวล้ำทันสมัยมากขึ้นและการติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นจริง ๆ

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet 

ติดตามบทความเรื่องเทคโนโลยีได้ที่ เทคโนโลยีรอบโลก 
เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

หม้อทอดไร้น้ำมัน Phillips…สำหรับคนที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ

หม้อทอดไร้น้ำมัน Phillips

เบื่อไหมกับการกินอาหารแบบเดิมๆ อยากเลี่ยงการกินของทอดแต่อดไม่ได้ นอกจากเสี่ยงต่อสุขภาพเวลาใช้ซ้ำแล้ว ยังต้องเสียเวลาทำอาหารในหลายๆ กรรมวิธีเพื่อซับน้ำมัน จากเมนูที่เสี่ยงต่อสุขภาพ เพียงแค่เราปรับวิธีการปรุงอาหารที่แตกต่างจากแบบเดิมๆ ด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน เราสามารถทำอาหารได้หลากหลายตามฉบับ Healthy Diet ได้ง่าย สะดวก ทำได้ด้วยตนเอง และดีต่อสุขภาพ อีกทั้งสามารถจัดการชีวิต ตารางการกินได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องงดอาหารที่ชอบอีกด้วย หม้อทอดไร้น้ำมัน Phillips…ออกแบบมาสำหรับคนที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ

หม้อทอดไร้น้ำมัน Phillips แทบจะทุกรุ่นเป็นอะไรที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพอย่างมาก แต่มักจะกังวลเรื่องราคา ผู้เขียนมองว่าคุณภาพการผลิตได้มาตรฐานมาก เรื่องราคาไม่ต้องกังวลเลย ต้องเท้าความก่อนว่าในหม้อทอดไร้น้ำมัน Phillips จะใช้เทคโนโลยี Rapid Air ช่วยให้คุณทอดอาหารได้ด้วยอากาศ ยังเป็นหม้อทอดที่สภาพดี รีวิวยอดนิยม ต้องยกให้ Phillips เลย เนื่องด้วยคุณภาพคงทน และชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้ามากที่สุดอีกแบรนด์หนึ่ง จากยอดขายที่ติดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยหลายปีซ้อน เทคโนโลยีเด็ดของหม้อทอดไร้น้ำมันนี้เพราะเทคโนโลยี Rapid  Air ซึ่งเป็นเทคโนโลยีลมร้อนเร็ว ทำให้อาหารสุกเร็ว ทั่วถึงชนิดที่ไม่ต้องพลิกกลับไปกลับมา ไม่ว่าจะทำเมนูไหนก็ตาม

อีกทั้งยังช่วยลดไขมันในน้ำมันทอดปกติได้ถึง 80% อาหารมีความหอม นุ่ม น่ารับประทาน อีกปัจจัยหนึ่งก็คือเวลาทำอาหาร  จะช่วยรีดน้ำมันออกจากอาหาร ยังคงรสชาติปกติแม้ไร้น้ำมัน และสามารถถอดล้างออกทำความสะอาดง่าย ไม่ทิ้งคราบมัน ตัวหม้อมีความแข็งแรง เคยมีผู้ใช้งานเคยรีวิวในเว็บพันทิป ว่าบางคนจ่ายแพงแต่หม้อทอดคงทนอย่างมาก บางคนใช้มา 3 ปีสภาพดีเยี่ยมมากๆ และตัดไฟโดยอัตโนมัติ

ทำให้การปรุงอาหารราบรื่น เมนูไหนทำได้หมดชนิดที่ All In 1 เลยทีเดียว และตอบโจทย์กับครอบครัวที่มีลูกเล็กเด็กแดง หรือบ้านไหนมีผู้สูงอายุที่ต้องระมัดระวังเรื่องโรคทางสุขภาพ และระวังความเสี่ยงเรื่อง NCDs หม้อทอดไร้น้ำมัน Phillips ถือว่าตอบโจทย์กลุ่มนี้พอสมควร…ผู้เขียนขอการันตี

หม้อทอดไร้น้ำมัน Phillips คุณภาพคับแก้วแทบทุกรุ่น หากจะซื้อตามเว็บไซต์ต้องบอกก่อนว่าราคาแพง โดยราคาของ หม้อทอดไร้น้ำมัน Phillips ในแต่ละรุ่นมีราคาถูกที่สุดอยู่ที่ 7,990 บาท แต่ก็มีไม่น้อยที่ซื้อตามช่องทางของ E-Commerce เช่น Shopee, Lazada, Central Online หรือช่องทางอื่นๆ

ที่มีหม้อทอดไร้น้ำมัน Phillips ถ้าหากใครไปซื้อตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า แนะนำให้เลือก Phillips เลย เพราะเครื่องมีสภาพดีตั้งแต่ผลิตจากโรงงาน และมาตรฐานอุตสาหกรรมดีเยี่ยมมากอีกค่ายหนึ่งเลย จึงสบายใจได้ในเรื่องการใช้งาน อีกทั้งปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมอย่างมาก

#เทคโนโลยี #หม้อทอดไร้น้ำมัน  #Phillips #getup-it.com #ITgadget

Apple จัดงานอีเว้นท์ช่วงปลายเดือนเมษายน

apple

ท่ามกลางที่เศรษฐกิจทั้งโลกนั้นจะต้องหยุดชะงักกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด เทคโนโลยีของโลกนั้นก็ไม่ได้หยุดพัฒนาแต่อย่างใด ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีอย่างบริษัท Apple กำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้

ในวันที่ 20 เมษายน 2564 ทางบริษัท Apple จะมีการจัดอีเว้นท์ขึ้นเพื่อใช้ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รวมไปถึงอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคได้รับทราบโดยปกติแล้วทางบริษัท Apple นั้นจะจัดงานอีเว้นท์เป็นประจำ เฉลี่ยปีละ 3-4 ครั้ง แต่สำหรับปี 2021 นี้เป็นงานอีเว้นท์ที่บริษัท Apple ได้จัดนั้นจะเป็นการจัดในรูปแบบใหม่ เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิดทำให้ในปีนี้บริษัท Apple ไม่สามารถจัดงานให้มีผู้เข้าชมได้ โดยจะเป็นการจัดรูปแบบ Virtual Event แทน โดยจัดที่บริษัทใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนียโดยในอีเว้นท์ที่จะถูกจัดขึ้นจะเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น IPad Pro, iPad mini, Airpod lines ซึ่งเป็นอีเว้นท์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งแรกของ Apple ในปีนี้เลย 

ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้านี้ ผู้บริโภคอย่างเราก็คงจะได้เห็น Design ใหม่ของผลิตภัณฑ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแอลอีดีของ iPad Pro ขอบหน้าจอที่เล็กลงของ iPad mini ที่จะทำให้หน้าจอนั้นมีความกว้างมากขึ้น รวมไปถึงการเปิดตัวAirpod lines รุ่นใหม่ล่าสุด นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง iOS 14.5 การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้คงจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้บริโภคไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วทางบริษัท Apple ยังได้มีข่าวลือเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น แว่นตา รวมไปถึงเทคโนโลยี AR ซึ่งถ้าหากว่าเขาดีเป็นจริงแล้วละก็เทคโนโลยี AR ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าจับตามองมากเลยทีเดียวเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่จะสามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมากมาย 

สำหรับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ตัวอย่างเช่น Macbook ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Macbook ในช่วงสัปดาห์หน้าหรือไม่ อย่างไรก็คงจะต้องรอติดตามชมข่าวของผลิตภัณฑ์ Apple ในช่วงสัปดาห์หน้า ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ไหนที่จะทำให้เรารู้สึกเซอร์ไพรส์ได้บ้าง

แม้ว่าในช่วงเวลานี้ทั่วทั้งโลกนั้นจะต้องหยุดชะงัก ในเรื่องเทคโนโลยีและในโลกของดิจิตอลแล้วการแข่งขันนั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ นาฬิกา ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเก่านั้นได้ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่แทบทุกวัน สิ่งที่จำเป็นต่อพวกเราก็คือการอัปเดตข่าวสารอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะให้อยู่ภายในเทคโนโลยี

#Apple #เทคโนโลยี  #ทันโลกit  #getup-it.com

ข้อมูลจาก CNN , Cnet

ภาพจาก Canva