Twitter Blue ฟีเจอร์ใหม่อัปโหลดคลิป 2 ชั่วโมง

Twitter Blue ฟีเจอร์ใหม่อัปโหลดคลิป 2 ชั่วโมง

เรียกได้ว่าเตรียมดูหนังกันบน Twitter ได้ เพราะว่าอีลอน มัสก์ได้มีการเปิดเผยฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้งาน Twitter Blue โดยเจ้าตัวประกาศออกมาว่าสามารถอัปโหลดคลิปวิดีโอที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงได้แต่ต้องมีความจุไม่เกิน 8 GB ส่วนความชัดนั้นจะอยู่ที่ 1080p

ด้วยคลิปวิดีโอที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงนั้นสามารถทำผ่านแค่ระบบปฏิบัติการ iOS และเว็บไซต์เท่านั้นสำหรับคนที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Android ยังคงจำกัดตวามยาวคลิปวีดีโออยู่ที่ 10 นาทีเพียงเท่านั้น ซึ่งก็ยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาว่าจะมีการอัปเดตให้ระบบ Android เมื่อใด สำหรับคนที่ใช้ Twitter ทั่วไปสามารถลงคลิปที่มีความยาวได้เพียง 2 นาที 20 วินาทีเพียงเท่านั้น

ภาพ Pexels/Sanket Mishra

การอัปโหลดคลิปยาว 2 ชั่วโมงจะมีข้อดีอะไรบ้าง

การอัปโหลดคลิปวิดีโอที่มีความยาว 2 ชั่วโมงนั้นเท่ากับการดูภาพยนตร์ 1 เรื่องในโรงภาพยนตร์ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง อยู่บน Twitter Blue ซึ่งคงถูกใจคอภาพยนตร์อยู่ไม่น้อย นอกจากนี้อาจจะทำให้ Twitter Blue เป็นจุดดึงดูดใหม่ของทวิตเตอร์ให้กับเหล่าอินฟูลเอนเซอร์โดยเฉพาะกับสายทำคลิปวีดีโอ ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับ การทำอาหาร, การสอนบทเรียนต่าง ๆ , การถ่าย Vlog ท่องเที่ยว เป็นต้น แต่ในส่วนของอินฟูลเอนเซอร์ก็คงต้องมีรายได้มารองรับให้กับพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน

ในด้านของธุรกิจฟีเจอร์นี้อาจจะกลายเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้ มีธุรกิจอยู่ไม่น้อยที่ใช้ Twitter ในการกระจายข่าวสารหรือข้อมูลต่างๆ ให้กับผู้ติดตาม การที่อัพโหลดคลิปที่มีความยาวได้มากกว่า 10 นาทีจนถึง 2 ชั่วโมงอาจจะเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางในการสื่อสารมากขึ้น นอกจาก Facebook และ YouTube

ภาพ Pexels/freestocks.org

เมื่อรวมกับฟีเจอร์อื่น ๆ ที่จะถูกเพิ่มเข้ามาใน Twitter Blue ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ตัวอักษรได้ถึง 10,000 ตัวอักษร สามารถแก้ไขข้อความในทวิตที่ถูกโพสต์ไปได้ จะทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่มีจุดเด่นในด้านการเขียนบทความประกอบคลิปวีดีโอขึ้นมาเลยทีเดียวซึ่งมันจะสอดคล้องกับแนวทางของอีลอน มัสก์ ที่ต้องการให้ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์ม Free Speech แต่จากข่าวที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมว่าตัวของเขาจะมีการลงจากตำแหน่ง CEO ของ Twitter และให้คนอื่นขึ้นมาแทนที่ ทำให้เรายังคงต้องติดตามก้าวต่อไปของ Twitter ว่าจะเดินไปในทิศทางไหน

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

“podcast” ฟีเจอร์ใหม่ใน YouTube Music

“podcast” ฟีเจอร์ใหม่ใน YouTube Music

YouTube เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีคนติดตามดูกันเป็นจำนวนมากซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย นอกจากการดูคลิปวิดีโอโดยทั่วไป ยังมี YouTube Short ไว้สำหรับคลิปวิดีโอสั้นๆ และ YouTube Music สำหรับคนที่ชื่นชอบในการฟังเพลง นอกเหนือจากนี้ยังมีบริการ YouTube Premium ที่มีฟีเจอร์อำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานตัวอย่างเช่น Background Play และ Free Ads ถึงแม้ว่าจะมีฟีเจอร์ที่เพิ่มความเพลิดเพลินให้กับผู้ใช้งานก็ตามแต่ทาง YouTube ก็ยังมีคู่แข่งอย่าง Spotify ซึ่งในตอนนี้มีฐานผู้ใช้งานที่มากกว่า YouTube เสียอีก

ภาพ Pexels/ Anna Tarazevich

YouTube มีการรายงานว่าเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมามีผู้ใช้งาน YouTube Music และ YouTube Premium รวมการราว ๆ 80 ล้านบัญชี ในขณะที่ Spotify Premium งั้นมีผู้ใช้งานสูงถึง 210 ล้านบัญชี และทาง Spotify ก็เพิ่งมียอดผู้ใช้งานต่อเดือนทะลุ 500 ล้านบัญชีไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ทำให้ YouTube นั้นจำเป็นที่จะต้องเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้าไปในแพลตฟอร์มเพื่อใช้ในการแข่งขันแย่งชิงกันทางการตลาด ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้ก็ได้มีการเปิดตัวในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วนั่นก็คือ “YouTube podcast”

ภาพ Pexels/cottonbro studio

YouTube podcast ได้มีการประกาศเปิดตัวภายในงานThe Verge’s Hot Pod Summit ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นบริการใหม่ของทาง YouTube Music ที่ผู้ใช้งานสามารถฟังแบบ on-demand offline และยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถฟังแบบ Background play โดยไม่ต้องสมัคร YouTube Premium และผู้ฟังยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบของพอดแคสได้ทั้งแบบ Audio และ Video ผ่าน YouTube Music ปัจจุบัน YouTube podcast เปิดบริการในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งทาง YouTube ก็มีแผนที่จะเปิดให้บริการในประเทศอื่น ๆ ในอนาคต โดยสามารถใช้บริการได้ทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น Android, iOS หรือแม้แต่บนเว็บไซต์ สามารถดูตัวอย่างของ YouTube podcast ได้ที่ Twitter/TeamYouTube

สุดท้ายแล้ว YouTube podcast จะได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใดและจะช่วยให้ค่ายแดงอย่าง YouTube นั้นสามารถจะต่อสู้แย่งชิงผู้ใช้งานกับค่ายเขียวอย่าง Spotify ได้หรือไม่ ในโลกของเทคโนโลยีที่ทุกๆ อย่างนั้นเปลี่ยนแปลงไปโดยเร็ว เมื่อมีการขยับเขยื้อนของคู่แข่ง แน่นอนว่า Spotify จะไม่อยู่นิ่งแน่นอนและคงจะมีฟีเจอร์ใหม่ออกมาให้กับผู้ใช้งานเช่นเดียวกัน ท่ามกลางการแข่งขันกันเรื่องการตลาดผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดก็คงจะเป็นผู้ใช้บริการอย่างเรา

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

หนทางความมั่นคงทางการเงินรูปแบบใหม่ “Apple Saving”

หนทางความมั่นคงทางการเงินรูปแบบใหม่ “Apple Saving”

บริษัท Apple ได้ออกมาโปรโมทฟีเจอร์ใหม่ทางด้านการเงินที่มีชื่อว่า “Apple Saving” โดยเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานร่วมกับบัตร Apple ข้อดีของ Apple Saving คือให้ดอกเบี้ยที่สูงถึง 4.15% ต่อปี แถมไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ซึ่งตัวเลขสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับจากธนาคารเสียอีก

โดยบริษัท Apple ต้องการที่จะสร้างเครื่องมือนี้เพื่อให้ผู้ใช้งานนั้นได้มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงมากยิ่งขึ้นและสามารถที่จะออมเงินจ่ายเงินโดยไร้พรมแดนและขอบเขตซึ่งเครื่องมือดังกล่าวได้มีการประกาศออกมาเมื่อช่วงประมาณเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเพิ่งเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา Apple Saving กลายมาเป็นหนึ่งในโปรเจคของระบบการเงินของ Apple ซึ่งก่อนหน้านี้มี Apple Pay, บริการการผ่อน Apple pay later, บัตรเครดิต Apple Card และ Apple Cash

ภาพ Pixabay

Apple Saving จะให้ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินส่วนหนึ่งที่อยู่ในบัญชีเข้ามาในบัญชีเงินออมเพื่อรับดอกเบี้ยโดยไม่มีขั้นต่ำในการฝากและไม่จำกัดจำนวนเงินในบัญชี โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าบัญชีได้จาก Apple card ใน Wallet เพื่อที่จะทำให้มีการโอนอัตโนมัติได้ นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนบัญชีปลายทางได้ตลอดเวลานอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินจากบัญชีธนาคารเข้ามาใน Apple Cash Balance ได้ด้วยเรียกได้ว่าอำนวยความสะดวกมากที่สุด อย่างไรก็ตามบริการ Apple Saving ยังมีใช้อยู่ในประเทศอเมริกาเพียงเท่านั้นสำหรับประเทศอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยอาจจะต้องรอกันอีกสักหน่อย

ภาพ Pixabay

การมาของ Apple Saving คงทำให้ธนาคารหรือระบบการเงินดั้งเดิมนั้นต้องรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เป็นอย่างแน่นอน ยิ่งตอนนี้สถานการณ์การเงินในประเทศอเมริกานั้นเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤตเลยก็ว่าได้เงินเฟ้อถึงแม้จะลดลงบ้างแล้วแต่ก็ยังต้องแก้ไขกันต่อ หลังจากการขึ้นดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่องธนาคารหลายแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกาก็เริ่มล้มลง และในอนาคตเพดานหนี้ก็อาจจะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการมีช่องทางทางการเงินให้คนได้กักเก็บมูลค่าเงินของตัวเองไว้ก็จะเป็นอีกหนึ่งทางออกในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้

แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมาติดตามดูกันว่า Apple Saving จะกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกการเงินสหรัฐหรือไม่โดยเฉพาะกับธนาคารกลางของสหรัฐ จะยินยอมให้ Apple ได้ดำเนินโปรเจคนี้ต่อไปหรือไม่เพราะอนาคตถ้าหากว่า Apple Saving เป็นไปได้ด้วยดีแล้วละก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งของระบบธนาคารเลยทีเดียว

ข้อมูลจาก Apple , MacThai

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

แนะนำ OPPO Reno 8T 5G โทรศัพท์สำหรับผู้หญิง สายฟรุ้งฟริ้ง ต้องห้ามพลาด

แนะนำ OPPO Reno 8T 5G โทรศัพท์สำหรับผู้หญิง สายฟรุ้งฟริ้ง ต้องห้ามพลาด

สาวคนไหนที่รู้ตัวว่าเป็นสายเซลฟี่รักการถ่ายรูป และต้องการโทรศัพท์ที่มีกล้องสวย คมชัด และมีความสวยปิ๊งแบบไม่ต้องแต่งอะไรเยอะแยะ เชิญทางนี้เลยจ้า เพราะวันนี้เราก็ได้มี โทรศัพท์สำหรับผู้หญิง สายฟรุ้งฟริ้งที่ชอบการเซลฟี่มาแนะนำกันด้วย นั่นก็คือ OPPO Reno 8T 5G ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้เอง เรียกได้ว่ากำลังมาแรงเลยทีเดียว หากอยากรู้ว่าโทรศัพท์รุ่นนี้มีความพิเศษและรายละเอียดอะไรที่น่าสนใจอีกบ้างนั้น ก็ตามเรามาเช็คกันเลย

ทำไม OPPO Reno 8T 5G จึงเหมาะสำหรับผู้หญิง

สำหรับโทรศัพท์ OPPO Reno 8T 5G อีกหนึ่งรุ่นท็อปของทางแบรนด์นี้ ที่มีจุดเด่นในด้านการเซลฟี่ เพราะรุ่นนี้จะชูเรื่องของการถ่ายรูปเป็นหลัก แบบภาพ Portrait หน้าชัดฉากหลังละลายแบบเนียนๆ มาพร้อมกล้องเลนส์หลักที่ให้ความละเอียดสูงถึง 108 ล้าน เรียกได้ว่าคมชัดสวยงาม และเป็น โทรศัพท์สำหรับผู้หญิง ที่แท้ทรูแบบไม่มีข้อกังขาเลย

ต่อมารุ่นนี้ยังมีดีในเรื่องของการชาร์จเร็วอีกด้วย ซึ่งแบรนด์นี้นั้นขึ้นชื่อว่าตัวแม่แห่งการชาร์ตเร็วมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว โดยจะให้ชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC ซึ่งทางแบรนด์ได้เคลมมาว่าสามารถชาร์จเต็ม 100% ภายใน 44 นาที และก็ยังมีหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว สาวๆ สายซีรีย์นี่นอนดูได้แบบฟินๆ เลยทีเดียว แถมยังมีน้ำหนักที่เบาเพียงแค่ 171 กรัม เท่านั้น บอกเลยว่าพกพาง่ายเก็บสะดวกสุดๆ

รายละเอียดสเปกของ โทรศัพท์สำหรับผู้หญิง OPPO Reno 8T 5G

• หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz

• ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 695

• ขนาดความจุ 128GB, 256GB

• RAM 8GB

• กล้องเลนส์หลักความละเอียด 108MP ( f/1.7 )

• กล้องเลนส์ Microscope ความละเอียด 2MP ( f/3.3 )

• กล้องเลนส์ Depth ความละเอียด 2MP ( f/2.4 )

• กล้องหน้าความละเอียด 32MP ( f/2.4 )

• ลำโพงคู่ด้านบนและด้านล่างตัวเครื่อง

• แบตเตอรี่ 4800 mAh พร้อมชาร์จไว 67W

• เครือข่าย 3G, 4G, 5G

• ซอฟต์แวร์ Android 13, ColorOS 13

• น้ำหนัก 171 กรัม

• วัสดุตัวเครื่อง ขอบเครื่องเป็นอลูมีเนียมและด้านหลังเป็นกระจก

• มี 2  สีให้เลือกคือ  Midnight Black และ Sunrise Gold

และนี่ก็คือ OPPO Reno 8T 5G โทรศัพท์สำหรับผู้หญิง ที่เราอยากแนะนำให้สาวๆ ได้รู้จัก บอกเลยว่าคุ้มค่าแก่การซื้อมาถ่ายรูปสวยๆ อย่างแน่นอน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาวๆ สายเซลฟี่ที่รักการถ่ายรูป ซึ่งแบรนด์นี้นั้นขึ้นชื่อเรื่องของกล้องฟรุ้งฟริ้งที่ถ่ายออกมาแล้วสวยเลยไม่ต้องแต่งอะไรเยอะ หากใครสนใจก็ตามไปตำกันได้เลยจ้า สำหรับรุ่นนี้เปิดตัวในไทยไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนราคาเปิดตัวจะอยู่ที่ประมาณ 13,900 บาทเท่านั้น

รูปภาพประกอบ : thaimobilecenter.com

รูปภาพประกอบ : news.siamphone.com

รูปภาพประกอบ : nov-nia.ru

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

แนะนำ XP-Pen เมาส์ปากกา สุดเจ๋ง สำหรับสายอาร์ต ครบจบในแผ่นเดียว

แนะนำ XP-Pen เมาส์ปากกา สุดเจ๋ง สำหรับสายอาร์ต ครบจบในแผ่นเดียว

สำหรับงานอาร์ตที่ต้องมีการวาดรูปและทำภาพกราฟิกต่างๆ บ่อยๆ จะรู้กันดีว่าสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการทำงานเลยก็คือ อุปกรณ์อย่างเมาส์ปากกา ซึ่งมีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้มีทั้งราคาถูกและราคาแพง แต่วันนี้เราขอหยิบยกเอา เมาส์ปากกา XP-PEN รุ่น STAR G960S ซึ่งเป็นแบบแผ่นกระดานและปากกาเท่านั้น ไม่ว่าจะวาดรูปหรือเขียนงานต่างๆ ก็สามารถทำได้สะดวกมือและให้งานที่ละเอียดได้มากกว่าในราคาที่ไม่แพงเกินไปด้วย ซึ่งข้อมูลและคุณสมบัติของเมาส์รุ่นนี้เราได้รวบรวมมาให้ ดังนี้

ข้อมูลจำเพาะ เมาส์ปากกา

• มีพื้นที่วาด ขนาด 9 × 6 นิ้ว

• เป็นปากการุ่น PH2 ทรงดี จับได้ถนัดมือ และยังมียางลบในตัว พร้อมปุ่มคีย์ลัดอีก 2 ปุ่ม

• สามารถรับแรงกดได้ถึง 8192 ระดับ

• ไม่ใช้แบตเตอรี่ และไม่ต้องใส่ถ่าน

• ปุ่มคีย์ลัด 4 ปุ่ม ( สามารถตั้งค่าได้ )

• ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ และสามารถปรับการใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

• รองรับการใช้งานได้ทั้งผู้ที่ถนัดซ้ายและถนัดขวา

• ระยะห่างปากกา 10 มิลลิเมตร

• รองรับการใช้งาน Windows 7/8/10/11 และ Mac OS X 10.10 ขึ้นไป

• รองรับการใช้งานกับ Android 6.0 ขึ้นไป

คุณสมบัติเด่นของ เม้าส์ปากกา XP-PEN รุ่น STAR G960S

• ขนาด 9 × 6 เป็นไซส์ขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกิน

• มีความบาง และน้ำหนักเบา

• สามารถพกพาได้ง่าย พร้อมปุ่มคีย์ลัดทั้งหมด 4 ปุ่ม สามารถตั้งค่าได้ตามต้องการ

• สามารถหมุนได้ทุกองศาขณะใช้งาน

• เหมาะทั้งคนที่ถนัดมือซ้ายและคนที่ถนัดมือขวา

• ตัวปากกาเรียว จับถนัดมือ

• ไม่ต้องใช้ถ่านหรือแบตเตอรี่เลย

• ทนรับแรงกดได้ 8192 ระดับ

• มาพร้อมคีย์ลัดที่ปากกา 1 ปุ่ม

• มีไส้สำรองปากกาให้ทั้งหมด 10 ชิ้น

• มีหัวต่อ OTG

• สามารถเชื่อมต่อกับมือถือหรือแท็บเล็ตได้

ข้อจำกัด

• เมาส์ปากการุ่นนี้ใช้ได้กับ MacBook แต่ไม่รองรับ iOS ทำให้ใช้กับไอโฟนไม่ได้

• สามารถใช้ได้กับ window 7-10 และ Mac Os X 10.10 ขึ้นไปเท่านั้น

• รองรับ android 6.0 ขึ้นไป

• เมื่อใช้กับเครื่องซัมซุงหัวลูกศรจะไม่ขึ้น แต่ก็สามารถใช้งานได้

จบกันไปแล้วกับการแนะนำ XP-Pen เมาส์ปากกา รุ่น STAR G960S สุดเจ๋ง สำหรับสายอาร์ต ที่มาในรูปแบบแผ่นวาดพร้อมปากกา เหมาะมากๆ กับคนที่ชอบทำงานอาร์ตและงานกราฟิกสวยงามต่างๆ ซึ่งสามารถใช้ได้ถนัดมือและเก็บความละเอียดของงานได้อย่างละเอียดกริบ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับมืออาชีพอย่างแน่นอน เอาล่ะหากใครสนใจสามารถไปตำตามกันได้ เพราะน้องราคาไม่แพงเลยราคาเริ่มต้นประมาณ 2000 บาทเท่านั้น ถูกและดีมีอยู่จริงๆ งานนี้สายอาร์ตสายวาดเขียนห้ามพลาดเลยจ้า

รูปภาพประกอบ : xp-pen.co.th

รูปภาพประกอบ : 8baht.com

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เลบรอน เจมส์ไม่ใช้ Twitter Blue แต่อีลอน มัสก์จัดให้

เลบรอน เจมส์ไม่ใช้ Twitter Blue แต่อีลอน มัสก์จัดให้

ตั้งแต่อีลอน มัสก์เข้ามาซื้อทวิตเตอร์ เขาก็ได้มีการปรับเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างบนแพลตฟอร์มไปจากเดิม ซึ่งบางครั้งมันก็เกิดประโยชน์กับผู้ใช้งาน แต่บางอย่างมันก็ไม่จำเป็น แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า ล่าสุดก็ได้มีประเด็นขึ้นมาอีกครั้งเกี่ยวกับเครื่องหมายติ๊กถูกหรือเครื่องหมาย verified ใน Twitter โดยเขาได้เอาเครื่องหมายที่เป็น Legacy Verification ของคนดังหลายคนในทวิตเตอร์ออก ซึ่งส่วนใหญ่เครื่องหมายนี้จะติดอยู่กับโปรไฟล์ของเหล่าอินฟูลเอนเซอร์หรือคนดังทั่วโลก สาเหตุหนึ่งก็อาจจะเป็นเหตุผลมาจากการทำ Twitter Blue นั่นเอง

ภาพ Twitter

Twitter Blue เป็นฟีเจอร์ที่จะยืนยันตัวตนให้กับผู้ใช้งานโดยจะมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าอยู่บริเวณด้านข้างโปรไฟล์ของผู้ใช้งาน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานได้รับสิทธิพิเศษตัวอย่างเช่น เมื่อมีการค้นหาบัญชีก็จะขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ , สามารถทวิตด้วยตัวอักษรเอียงและตัวหนาได้ หรือแม้กระทั่ง การอัปโหลดวิดีโอที่สามารถอัปโหลดได้สูงสุดด้วยความคมชัด 1080p โดยค่าบริการจะอยู่ที่ 2,900 บาทต่อปีหรือประมาณ 275 บาทต่อเดือน หลังจากที่มีฟีเจอร์นี้ออกมาหลายคนก็ใช้บริการแต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ใช้ หนึ่งในนั้นก็คือสุดยอดนักบาสในลีก NBA อย่างเลบรอน เจมส์

ภาพ Wallpapercave

เลบรอน เจมส์เป็นคนหนึ่งที่ไม่ใช้บริการ Twitter Blue ซึ่งจะทำให้บัญชีของเขานั้นไม่มีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้านั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยืนยันโดย Media Advisor ของนักบาสรายนี้ แต่ถ้าหากเข้าไปดูในบัญชีของเลบรอน เจมส์ในตอนนี้ทุกคนก็จะเห็นว่าหน้าโปรไฟล์ของเขามีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าอยู่ แสดงว่าตัวของเขาก็ใช้ Twitter Blue แต่คำถามคือใครเป็นคนชำระเงินค่าบริการให้เขาแน่นอนที่สุดว่าคำตอบก็คงจะหนีไม่พ้นอีลอน มัสก์โดยตัวเขาออกมายอมรับเองด้วยว่า ข่าวนั้นได้มีการจ่ายเงินค่าใช้บริการให้กับบัญชี Twitter หลายคนหนึ่งในนั้นก็คือเลบรอน เจมส์ นอกจากนี้ก็ยังมี สตีเฟน คิงก์ และ วิลเลี่ยมส์ ชาร์ตเนอร์

ส่วนนักบาสอย่างสตีเฟ่น เคอรี่และนักบาสบางราย ที่มีเครื่องหมายติ๊กถูกจาก Legacy Verification ก็ได้ถูกนำเครื่องหมายออกไปเป็นที่เรียบร้อย

การกระทำในครั้งนี้ของอีลอน มัสก์เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาใช้ความมีอำนาจในตำแหน่ง CEO ในการทำบางสิ่งโดยพลการอีกครั้งแล้วมันก็คงจะเป็นที่ถูกพูดถึงอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเดือนที่ผ่านมาเขาได้มีการเปลี่ยนโลโก้จากรูปนกให้กลายเป็นรูปหมาชิบะซึ่งเป็นโลโก้ที่อยู่ในเหรียญ Dogecoin ทำให้ตอนนั้นราคาเหรียญพุ่งขึ้นและสามารถสร้างกำไรให้กับคนที่ถือเหรียญนี้ได้มากหนึ่งในนั้นก็คือตัวอีลอน มัสก์นั่นเอง สุดท้ายแล้วก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าการมีอำนาจของเขานั้นจะสร้างผลกระทบให้กับแพลตฟอร์มนี้อย่างไร

ข้อมูลจาก The Verge LeBron James didn’t pay for his Twitter checkmark, but Elon gave it to him anyway

The Verge Twitter begins removing blue checkmarks from all legacy users

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Google เปิดตัว WebGPU บน Chrome 113

Google เปิดตัว WebGPU บน Chrome 113

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2021 Google ได้มีการพัฒนาเว็บใหม่ที่มีชื่อว่า WebGPU ซึ่งจะใช้อำนวยความสะดวกในการเล่นเกมบนระบบ Cloud โดยในช่วงนั้นได้มีการทดสอบบน Chrome 94 และได้มีการคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จในปี 2022 ที่ผ่านมา แต่ข่าวคราวก็ได้เงียบหายไป จนเวลาล่วงเลยมาถึงปี 2023 ในที่สุด Google ก็เปิดตัว WebGPU อย่างเป็นทางการโดยมันจะถูกติดตั้งเป็น Default บน Chrome 113 ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเวอร์ชัน Beta

ภาพ Pexels

WebGPU ถูกพัฒนาโดย W3C มันคือระบบ API ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงการทำงานของกราฟิกสูงสุดเท่าที่จะทำได้คล้ายกับ Metal, DirectX 12 หรือ Vulkan ที่สำคัญนักพัฒนาจะใช้การทำงานของโค้ด Javascript น้อยลง ที่สำคัญยังมาพร้อมกับระบบ Machine Learning Model ที่ดีมากกว่า 3 เท่า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้นักพัฒนาเกมสามารถสร้างเกมที่มีคุณภาพให้เล่นบนเบราว์เซอร์ ซึ่งทาง Google ก็ยังบอกอีกด้วยว่าจะมีการอัปเดตให้กับ WebGPU หลังจากนี้โดยจะเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ เข้าไปไม่ว่าจะเป็น ระบบกราฟิกขั้นสูง หรือ การเข้าถึง Shader cores และการพัฒนาในด้านอื่นๆ จะขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาที่พัฒนาคอนเทนต์บนระบบดังกล่าว ในด้านของการใช้งาน WebGPU ถูกพัฒนามาให้ใช้บน Windows PCs ที่รองรับ Direct3D 12, MacOS และ ChromeOS ที่รองรับการทำงานของ Vulkan ซึ่งจะมีการรองรับระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ในภายหลัง

ภาพ babylonjs

ในปัจจุบันนี้การเล่นเกมบนเว็บไซต์เริ่มเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้นดังนั้นการที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาจะช่วยให้การพัฒนาเกมบนเบราว์เซอร์นั้น เป็นไปในทิศทางบวกมากยิ่งขึ้น เราอาจจะได้เห็นเกมที่มีกราฟิกที่ดีมากยิ่งขึ้น และ พัฒนาได้ง่ายมากขึ้น สำหรับในปัจจุบันนี้เว็บไซต์ BabylonJS เป็นเว็บไซต์ที่ใช้ในการสร้างภาพ 2 มิติและ 3 มิติ รวมถึงเกมซึ่งเปิดให้ใช้บริการฟรี ใครที่เป็นสายเขียนโค้ดและอยากสร้างภาพกราฟิกของตัวเองก็สามารถไปลองใช้ดูได้ นอกจากจะเปิดตัว WebGPU แล้วทาง Google ยังมีการอัปเดตเกี่ยวกับ Chrome 114 อีกด้วยโดยจะมีความเร็วมากขึ้นซึ่งสามารถไปอ่านรายละเอียดได้ที่ Developer.Chrome

ข้อมูลจาก The Verge , Techhub

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Microsoft เปิดตัว AI สร้างรูป จากเทคโนโลยี “Dall-E” บน Edge

Microsoft เปิดตัว AI สร้างรูป จากเทคโนโลยี “Dall-E” บน Edge

การมาของเทคโนโลยี AI ทำให้หลาย ๆ บริษัทหันมาสนใจที่จะใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการต่อยอดเทคโนโลยีของตัวเองให้น่าใช้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัท Microsoft ที่เป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยี ก็ได้นำ AI เข้ามาใช้กับ Microsoft Edge ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่ง AI ดังกล่าวมีชื่อว่า Dall-E

ภาพ OpenAi

“Dall-E” เป็นเทคโนโลยี AI จาก OpenAI ทำงานร่วมกับ 3D Rendering Engine โดยได้แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อมาจาก Wall-E ภาพยนตร์อนิเมชั่นของ Pixar โดยมันเป็นเทคโนโลยีที่ใช้สร้างรูปภาพ 3 มิติจากข้อความ ในปัจจุบันนี้ Microsoft ได้ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวใน Microsoft Edge t โดยมันจะถูกติดตั้งไว้ในที่ Sidebar และใช้ชื่อว่า Image Creator

สำหรับใครที่ยังไม่มีโลโก้ของ Image Creator เพื่อใช้งานสามารถทำตามได้ดังนี้

  1. กดเครื่องหมายบวกที่ Sidebar
  2. และกดเปิดสวิตช์ Image Creator
  3. ถ้าหากไม่มีโลโก้ Image Creator ค้นหาคำว่า “Image Creator Bing”

ภาพ Microsoft Bing Image Creator

ปัจจุบันนี้ในการใช้งาน Image Creator ที่ใช้ Dall-E ยังไม่รองรับภาษาอื่น ๆ โดยจำเป็นจะต้องพิมพ์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษเพียงเท่านั้น และทาง Microsoft ก็ยังไม่ได้บอกอีกด้วยว่าเครื่องมือดังกล่าวสามารถสร้างรูปภาพได้กี่รูปภาพต่อ 1 บัญชีผู้ใช้งาน แต่จากการทดลองใช้งานโดยผู้เขียน Image Creator จะมีเหรียญให้ประมาณ 26 เหรียญเมื่อผู้ใช้งานพิมพ์ข้อความเพื่อที่จะสร้างรูปภาพ 1 รูป เหรียญก็จะหายไป 1 อัน แต่ดูเหมือนว่าเหรียญดังกล่าวจะไม่มีผลต่อจำนวนการสร้างรูปภาพ แต่เมื่อใช้เหรียญจนหมดการสร้างรูปภาพก็จะช้าลงกว่าปกติเพียงเท่านั้น สำหรับรูปภาพที่ถูกสร้างขึ้นจะมีจำนวน 4 รูปด้วยกัน โดยเราสามารถดาวน์โหลดรูปที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเก็บหรือไปแชร์ต่อในสื่อสังคมออนไลน์ได้

นอกจากเทคโนโลยีสร้างรูปภาพจากข้อความแล้ว Microsoft ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์อื่นๆ ให้กับ Microsoft Edge อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Drop Tools ที่เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการส่งไฟล์หรือรูปภาพให้กับตัวเอง สร้าง Notebook ส่วนตัวในหลายอุปกรณ์ และ Browser essentials ที่ใช้ในการสแกนหาไวรัส และก่อนหน้านี้ก็ได้มีการเพิ่มแชทบอทให้กับ Bing ด้วย เรียกได้ว่าเอาใจผู้ใช้งานเต็มที่ สำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้งาน Microsoft Edge สามารถลองไปใช้งานได้ ตอนนี้ประสิทธิภาพก็ดีพอ ๆ กับ Google Chrome เลยทีเดียว

ข้อมูลจาก The Verge , Techtalkthai

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

YouTube ควรทำอย่างไร หลังครีเอเตอร์โดนแฮกช่อง

YouTube ควรทำอย่างไร หลังครีเอเตอร์โดนแฮกช่อง

ครีเอเตอร์ในแพลตฟอร์ม YouTube กำลังเผชิญกับปัญหาการถูกผู้ไม่หวังดีแฮกช่องเพื่อใช้ในการทำวัตถุประสงค์หลอกลวง โดยล่าสุดช่องที่ถูกแฮกไปมีชื่อว่า “Linus Tech Tips” โดยช่องดังกล่าวเป็นช่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการรีวิวอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มีผู้ติดตามมากกว่า 15.3 ล้านผู้ติดตาม โดยในปัจจุบันได้ถูกแฮกเกอร์เปลี่ยนชื่อช่องและใช้ช่องในการไลฟ์สตรีมโปรโมทเหรียญคริปโตที่เป็นสแกม นอกจากนี้ยังมีช่องที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีช่องอื่นๆ ที่อยู่ในเครือของ Linus Media Group ถูกแฮกด้วยเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็น Techquickle และ TechLinked

หลังจากที่ครีเอเตอร์ที่เป็นเจ้าของช่องดังกล่าวรู้ตัวแล้วว่าช่องของตนถูกแฮกไปก็ได้มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของ Google เพื่อหาทางออกร่วมกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งรวมถึงช่องอื่น ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีการคาดการณ์ไว้ว่าการแฮกครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่การที่ Password และ 2 FA ถูกเจาะ ซึ่งปัญหานี้ YouTube ต้องรีบหาทางแก้ไข และก็ได้มีครีเอเตอร์รายหนึ่งบอกว่ามีสปอนเซอร์ปลอมส่งไฟล์มาให้ดาวน์โหลด และเมื่อมีการดาวน์โหลดไฟล์นั้นมันก็จะมีไวรัสที่จะสามารถควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์จากในระยะไกลได้ทำให้ช่องใน YouTube สามารถถูกยึดไปได้นั่นเอง

ภาพ Pixabay/B_A

โดย 1 ปีที่ผ่านมามีช่องใน YouTube ถูกแฮกไปไม่น้อยเลยทีเดียวตัวอย่างเช่นช่องของกองทัพสหราชอาณาจักรได้ถูกยึดเพื่อใช้ในการหลอกลวงการลงทุนเหรียญคริปโต หรือแม้แต่ที่เป็นข่าวดังมากที่สุดสำหรับ YouTube นั่นก็คือการถ่ายทอดสดงาน Apple Event ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสดเพื่อหลอกลวงเอาเงินคริปโตเคอเรนซี่ โดยการถ่ายทอดสดดังกล่าวเป็นการปลอมแปลงจากแฮกเกอร์ นอกจากนี้ก็ยังมีช่องของคนดังมากมายถูกแฮกเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ที่ไม่ดีอีกมากมาย

ภาพ Pixabay/TymonOziemblewski

ด้วยปัญหาเหล่านี้ YouTube ควรจะมีมาตรการป้องกันตัวอย่างเช่นโหมดล็อกดาวน์สำหรับคนที่มีผู้ติดตามเยอะ คือเมื่อมีการเข้าใช้จากเว็บเบราว์เซอร์หรือสถานที่อื่น ๆ จะไม่สามารถเปลี่ยนชื่อ, ลบวิดีโอ หรือ ทำการถ่ายทอดสดได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และเมื่อมีการเข้าใช้งานจากสถานที่อื่น ๆ ให้มีการส่งแจ้งเตือนไปหาผู้ใช้งาน เพื่อให้มีการยืนยันอีกครั้งหนึ่ง เป็นการช่วยให้เจ้าของช่องสามารถเรียกคืนช่อง YouTube ได้ทันก่อนที่จะถูกแฮกไป นอกจากนี้ YouTube ควรเพิ่มระบบ Guardian System คือเมื่อมีการลบวีดีโอ, มีการเปลี่ยนชื่อช่อง หรือทำการเพิ่ม 2 FA จำเป็นที่จะต้องได้รับการยืนยันจากอีกหนึ่งบัญชีด้วยถึงจะดำเนินการได้ ซึ่งวิธีการนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยกำจัดปัญหานี้ไปได้ไม่มากก็น้อย

สุดท้ายแล้วก็ต้องติดตามดูว่า YouTube จะมีการอัปเดตอะไรเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเหล่า ครเอเตอร์และผู้ใช้งานบ้าง เพราะถ้าปล่อยให้ปัญหานี้มีมากขึ้น ความนิยมของแพลตฟอร์มคงจะลดลงอย่างแน่นอน

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

อีลอน มัสก์ ชายผู้มีคนติดตามมากที่สุดในทวิตเตอร์

อีลอน มัสก์ ชายผู้มีคนติดตามมากที่สุดในทวิตเตอร์

อีลอน มัสก์ชายผู้เป็นมหาเศรษฐีเบอร์ 2 ของโลกและเป็นเจ้าของบริษัท SpaceX, Tesla และ Twitter กลายเป็นผู้ที่มีคนติดตามบนทวิตเตอร์มากที่สุดในปัจจุบันนี้โดยมีผู้ติดตามมากถึง 133.1 ล้านบัญชี แซงหน้าบารัค โอบามาอดีตประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ติดตาม 133 ล้านบัญชี โดย 1 ในสาเหตุที่ทำให้ผู้ติดตามเขาพุ่งสูงขึ้นกลายเป็นที่หนึ่งในโลกของทวิตเตอร์นั้นก็คือการที่เขาเข้าซื้อทวิตเตอร์ด้วยจำนวนเงินกว่า 44 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยตัวของเขานั้นได้มียอดผู้ติดตามทะลุ 100 ล้านบัญชีไปเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว

ภาพ Twitter/elonmusk

อีลอน มัสก์ใช้ทวิตเตอร์ในการกระจายข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของเขา ไม่ว่าจะเป็น SpaceX หรือ Tesla และบางครั้งก็มีการทวิตมุกตลก ๆ ให้ผู้ติดตามได้พูดคุยกัน และบางครั้งก็มีการพูดถึงเงินสกุลดิจิตอลจนทำให้เกิดความฮิตในตลาด จนบางครั้งเขากลายเป็นผู้มีอิทธิพลในตลาด Cryptocurrency เลยด้วยซ้ำ หลังจากที่เขาขึ้นเป็น CEO ของ Twiiter ก็ใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารเกี่ยวกับการอัปเดตใหม่ ๆ ของสื่อสังคมออนไลน์ บางครั้งก็มีการตั้งผลสำรวจให้ผู้ติดตามเขาได้มาโหวตกันเพื่อเป็นทางเลือกในการดำเนินธุรกิจนี้ตัวอย่างเช่นการเลือก CEO ของบริษัท เนื่องจากอีลอน มัสก์เคยมีข่าวคราวว่าจะลงจากตำแหน่ง CEO ของ Twiiter นั่นเอง และทวิตที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดตของทวิตเตอร์ล่าสุดก็คือการเปิดใช้งาน Twitter Blue ซึ่งเป็นฟีเจอร์จ่ายรายเดือนของทวิตเตอร์โดยมีราคาอยู่ที่ 7 เหรียญต่อเดือน

การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่ติดตาม ทำให้คนส่วนใหญ่นั้นชื่นชอบในตัวของเขาและรู้จักตัวตนของเขามากขึ้นและด้วยเช่นนี้ทำให้ยอดผู้ติดตามนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแตกต่างจากบัญชีของบารัค โอบามาที่เน้นทวิตในเรื่องของการทำงาน ตัวอย่างเช่นสมัยที่เขาเป็นประธานาธิบดีก็จะมีการพูดเกี่ยวกับงานที่เขาทำความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายต่าง ๆ เป็นต้น ถัดจากอดีตประธานาธิบดีก็เป็นคนในวงการบันเทิง จัสติน บีเบอร์เป็นคนที่มียอดผู้ติดตามสูงเป็นอันดับที่ 3 และในอันดับที่ 4 ก็คือเคที เพอร์รี่ ซึ่งทั้งคู่จะมีการทวิตเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและเรื่องงานเป็นหลัก

ภาพ Wallpapercave

ถึงแม้ว่าตอนนี้อีลอน มัสก์จะออกหน้าสื่อน้อยลง ทำให้เขาไม่เป็นที่ถูกพูดถึงมากนัก แต่ทวิตของเขาก็ยังคงอัปเดตอยู่เสมอทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องตลกต่าง ๆ สำหรับใครที่อยากติดตามอีลอน มัสก์สามารถติดตามได้ที่ @Elonmusk

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook