Twitter Blue ฟีเจอร์ใหม่อัปโหลดคลิป 2 ชั่วโมง

Twitter Blue ฟีเจอร์ใหม่อัปโหลดคลิป 2 ชั่วโมง

เรียกได้ว่าเตรียมดูหนังกันบน Twitter ได้ เพราะว่าอีลอน มัสก์ได้มีการเปิดเผยฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้งาน Twitter Blue โดยเจ้าตัวประกาศออกมาว่าสามารถอัปโหลดคลิปวิดีโอที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงได้แต่ต้องมีความจุไม่เกิน 8 GB ส่วนความชัดนั้นจะอยู่ที่ 1080p

ด้วยคลิปวิดีโอที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงนั้นสามารถทำผ่านแค่ระบบปฏิบัติการ iOS และเว็บไซต์เท่านั้นสำหรับคนที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Android ยังคงจำกัดตวามยาวคลิปวีดีโออยู่ที่ 10 นาทีเพียงเท่านั้น ซึ่งก็ยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาว่าจะมีการอัปเดตให้ระบบ Android เมื่อใด สำหรับคนที่ใช้ Twitter ทั่วไปสามารถลงคลิปที่มีความยาวได้เพียง 2 นาที 20 วินาทีเพียงเท่านั้น

ภาพ Pexels/Sanket Mishra

การอัปโหลดคลิปยาว 2 ชั่วโมงจะมีข้อดีอะไรบ้าง

การอัปโหลดคลิปวิดีโอที่มีความยาว 2 ชั่วโมงนั้นเท่ากับการดูภาพยนตร์ 1 เรื่องในโรงภาพยนตร์ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง อยู่บน Twitter Blue ซึ่งคงถูกใจคอภาพยนตร์อยู่ไม่น้อย นอกจากนี้อาจจะทำให้ Twitter Blue เป็นจุดดึงดูดใหม่ของทวิตเตอร์ให้กับเหล่าอินฟูลเอนเซอร์โดยเฉพาะกับสายทำคลิปวีดีโอ ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับ การทำอาหาร, การสอนบทเรียนต่าง ๆ , การถ่าย Vlog ท่องเที่ยว เป็นต้น แต่ในส่วนของอินฟูลเอนเซอร์ก็คงต้องมีรายได้มารองรับให้กับพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน

ในด้านของธุรกิจฟีเจอร์นี้อาจจะกลายเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้ มีธุรกิจอยู่ไม่น้อยที่ใช้ Twitter ในการกระจายข่าวสารหรือข้อมูลต่างๆ ให้กับผู้ติดตาม การที่อัพโหลดคลิปที่มีความยาวได้มากกว่า 10 นาทีจนถึง 2 ชั่วโมงอาจจะเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางในการสื่อสารมากขึ้น นอกจาก Facebook และ YouTube

ภาพ Pexels/freestocks.org

เมื่อรวมกับฟีเจอร์อื่น ๆ ที่จะถูกเพิ่มเข้ามาใน Twitter Blue ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ตัวอักษรได้ถึง 10,000 ตัวอักษร สามารถแก้ไขข้อความในทวิตที่ถูกโพสต์ไปได้ จะทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่มีจุดเด่นในด้านการเขียนบทความประกอบคลิปวีดีโอขึ้นมาเลยทีเดียวซึ่งมันจะสอดคล้องกับแนวทางของอีลอน มัสก์ ที่ต้องการให้ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์ม Free Speech แต่จากข่าวที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมว่าตัวของเขาจะมีการลงจากตำแหน่ง CEO ของ Twitter และให้คนอื่นขึ้นมาแทนที่ ทำให้เรายังคงต้องติดตามก้าวต่อไปของ Twitter ว่าจะเดินไปในทิศทางไหน

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

หนทางความมั่นคงทางการเงินรูปแบบใหม่ “Apple Saving”

หนทางความมั่นคงทางการเงินรูปแบบใหม่ “Apple Saving”

บริษัท Apple ได้ออกมาโปรโมทฟีเจอร์ใหม่ทางด้านการเงินที่มีชื่อว่า “Apple Saving” โดยเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานร่วมกับบัตร Apple ข้อดีของ Apple Saving คือให้ดอกเบี้ยที่สูงถึง 4.15% ต่อปี แถมไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ซึ่งตัวเลขสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับจากธนาคารเสียอีก

โดยบริษัท Apple ต้องการที่จะสร้างเครื่องมือนี้เพื่อให้ผู้ใช้งานนั้นได้มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงมากยิ่งขึ้นและสามารถที่จะออมเงินจ่ายเงินโดยไร้พรมแดนและขอบเขตซึ่งเครื่องมือดังกล่าวได้มีการประกาศออกมาเมื่อช่วงประมาณเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเพิ่งเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา Apple Saving กลายมาเป็นหนึ่งในโปรเจคของระบบการเงินของ Apple ซึ่งก่อนหน้านี้มี Apple Pay, บริการการผ่อน Apple pay later, บัตรเครดิต Apple Card และ Apple Cash

ภาพ Pixabay

Apple Saving จะให้ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินส่วนหนึ่งที่อยู่ในบัญชีเข้ามาในบัญชีเงินออมเพื่อรับดอกเบี้ยโดยไม่มีขั้นต่ำในการฝากและไม่จำกัดจำนวนเงินในบัญชี โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าบัญชีได้จาก Apple card ใน Wallet เพื่อที่จะทำให้มีการโอนอัตโนมัติได้ นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนบัญชีปลายทางได้ตลอดเวลานอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินจากบัญชีธนาคารเข้ามาใน Apple Cash Balance ได้ด้วยเรียกได้ว่าอำนวยความสะดวกมากที่สุด อย่างไรก็ตามบริการ Apple Saving ยังมีใช้อยู่ในประเทศอเมริกาเพียงเท่านั้นสำหรับประเทศอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยอาจจะต้องรอกันอีกสักหน่อย

ภาพ Pixabay

การมาของ Apple Saving คงทำให้ธนาคารหรือระบบการเงินดั้งเดิมนั้นต้องรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เป็นอย่างแน่นอน ยิ่งตอนนี้สถานการณ์การเงินในประเทศอเมริกานั้นเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤตเลยก็ว่าได้เงินเฟ้อถึงแม้จะลดลงบ้างแล้วแต่ก็ยังต้องแก้ไขกันต่อ หลังจากการขึ้นดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่องธนาคารหลายแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกาก็เริ่มล้มลง และในอนาคตเพดานหนี้ก็อาจจะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการมีช่องทางทางการเงินให้คนได้กักเก็บมูลค่าเงินของตัวเองไว้ก็จะเป็นอีกหนึ่งทางออกในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้

แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมาติดตามดูกันว่า Apple Saving จะกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกการเงินสหรัฐหรือไม่โดยเฉพาะกับธนาคารกลางของสหรัฐ จะยินยอมให้ Apple ได้ดำเนินโปรเจคนี้ต่อไปหรือไม่เพราะอนาคตถ้าหากว่า Apple Saving เป็นไปได้ด้วยดีแล้วละก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งของระบบธนาคารเลยทีเดียว

ข้อมูลจาก Apple , MacThai

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Samsung Galaxy S23 มือถือสำหรับผู้หญิง ถ่ายรูปสวย ลูกเล่นปัง ครบจบในเครื่องเดียว

Samsung Galaxy S23 มือถือสำหรับผู้หญิง ถ่ายรูปสวย ลูกเล่นปัง ครบจบในเครื่องเดียว

สำหรับสาวๆ แล้ว ไอเท็มที่สำคัญที่ขาดไม่ได้นอกจากเครื่องสำอางนั่นก็คือ มือถือ นั่นเอง ยิ่งเป็นมือถือที่มีกล้องสวยถ่ายรูปชัดแจ๋วด้วยแล้ว สาวๆ ยิ่งโปรดปรานมากเพราะแทบไม่ต้องเหนื่อยในการปรับแต่งรูปเลย ดังนั้นวันนี้เราก็เลยอยากเอาใจสาวๆ ด้วยการแนะนำโทรศัพท์ Samsung Galaxy S23ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งมือถือสำหรับผู้หญิง เลยก็ว่าได้ เพราะมีจุดเด่นที่สาวๆ น่าจะชอบหลายอย่างเลยล่ะ ว่าแต่จะมีรายละเอียดอะไรน่าสนใจบ้างนั้น เรามาเช็คไปพร้อมกันเลย

รายละเอียดสเปกของ มือถือสำหรับผู้หญิง Samsung Galaxy S23

• หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.1 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz รองรับ HDR10+

• ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 2

• ขนาดความจุมีให้เลือก คือ 128GB , 256GB , 512GB

• RAM 8GB

• กล้องเลนส์หลักความละเอียดสูงถึง 50MP ( f/1.8 )

• กล้องเลนส์ Ultrawide ความละเอียดสูง 12MP ( f/2.2 )

• กล้องเลนส์ Telephoto ความละเอียดสูง 10MP ( f/2.4 )

• กล้องหน้าความละเอียดสูง 12MP ( f/2.2 )

• ลำโพงแบบคู่ด้านบนและด้านล่างตัวเครื่อง

• แบตเตอรี่ขนาด 3900mAh พร้อมชาร์จไว 25W

• เครือข่าย 3G, 4G, 5G

• ซอฟต์แวร์ Android 13 , One UI 5.1

• น้ำหนักเบาเพียงแค่ 168 กรัม

• วัสดุตัวเขอบเครื่องเป็นอลูมีเนียมและด้านหลังเป็นกระจก

• มีสีให้เลือกคือ Phantom Black, Cream, Lavender และ Graphite

สรุปความน่าสนใจของ มือถือสำหรับผู้หญิง Samsung Galaxy S23

Samsung Galaxy S23 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นรุ่นเล็กสุดใน S23 Series เลยก็ว่าได้ แต่ถึงจะเป็นรุ่นเล็กสุดแต่เรื่องของประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ก็ยังเป็นมือถือที่ครบครัน ทั้งในเรื่องของกล้องที่มีความละเอียดสูงถึง 50 ล้าน และกล้องหน้า 12 ล้าน คุณภาพดีถูกใจสาวๆ  ในส่วนสีของ S23 Series นี้บอกเลยว่าสวยทุกสี และน่าจะถูกใจผู้หญิงไม่น้อย ขอแอบกระซิบว่าสี Lavender หวานมาก เหมาะกับสาวๆ เป็นที่สุด มาในขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว ที่ถือว่าไม่ได้ใหญ่มาก บวกกับน้ำหนักที่เบาหวิวแค่ 168 กรัมเท่านั้น ทำให้การพกพานั้นเป็นเรื่องง่ายสุดๆ ไปเลยล่ะ

และนี่ก็คือ Samsung Galaxy S23 มือถือสำหรับผู้หญิง ที่เราอยากแนะนำให้สาวๆ หลายคนได้รู้จัก เพราะจุดเด่นของเจ้ามือถือเครื่องนี้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคนี้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งาน เรื่องของการถ่ายรูปและการพกพาที่สะดวกสบาย นอกจากนี้ก็ยังมีสีหวานๆ ละมุนๆ อีกด้วย งานนี้เชื่อว่าต้องถูกใจสาวๆ อย่างแน่นอน หากใครสนใจอยากมีไว้ในครอบครองก็สามารถหาซื้อได้ใน ราคา 30,900 บาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับคุณสมบัติการใช้งานแล้วราคานี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ

รูปภาพประกอบ : samsung.com

รูปภาพประกอบ : pricebook.co.id

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

แนะนำ 4 มือถือสำหรับผู้หญิง กล้องสวย ดีไซน์เก๋ เท่ล้ำสมัย

แนะนำ 4 มือถือสำหรับผู้หญิง กล้องสวย ดีไซน์เก๋ เท่ล้ำสมัย

สาวๆ คนไหนที่กำลังมองหามือถือไว้ใช้งานแบบเก๋ๆ สไตล์ตัวแม่ตัวมัม วันนี้เราก็ได้รวบรวมมาแนะนำกันถึง 4รุ่น มือถือสำหรับผู้หญิง ที่มีกล้องสวย สีสันสดใส ดีไซน์เก๋ เท่ล้ำสมัย แน่นอนว่าต้องตอบโจทย์สาวๆ ที่มีไลฟ์สไตล์รักการถ่ายรูปเป็นที่สุด ซึ่งจะมีรุ่นไหนที่ไม่ควรพลาดบ้างนั้น ตามเรามาดูกันเลย

1. Samsung Galaxy S23 ราคา 30,900 บาท

เริ่มต้นกันที่ Samsung Galaxy S23 เป็นรุ่นเล็กสุดใน S23 Series แต่ประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกล้องหลังที่ให้ความละเอียดถึง 50 ล้าน และกล้องหน้าที่ละเอียด 12 ล้าน และยังให้คุณภาพสีสดสวยตามแบบฉบับของ S23 Series ซึ่งน่าจะถูกใจผู้หญิงหลายๆ คน มาในขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว บวกกับน้ำหนักเครื่องแค่ 168 กรัม ซึ่งถือว่าเล็กและเบาพกพาง่ายมากๆ

2. Apple iPhone 14 ราคา 32,900 บาท

หากสาวๆ อยากได้กล้องที่ที่เรียลสมจริงและสีตรงปกแบบไม่มีความฟรุ้งฟริ้งต้องแนะนำรุ่นนี้เลย ถือเป็น มือถือสำหรับผู้หญิง จริงๆเพราะกล้องเค้าชัดจริงอะไรจริงเรียกได้ว่าสดเวอร์ๆ หรือใครเป็นสายชอบถ่าย Stories ถือว่ากล้อง iPhone นั้นตอบโจทย์เรื่องความคมชัดที่สุดแล้วในบรรดามือถือรุ่นปัจจุบัน และยังหาซื้อ Accessories ได้ง่ายตามร้านขายเคสทั่วไปเลย โดยรุ่นนี้มาในน้ำหนักแค่ 172 กรัม บอกเลยว่าเบาบางพกพาง่ายสุดๆ นอกจากนี้ก็ยังสามารถกันน้ำได้ดีอีกด้วยล่ะ

3. Samsung Galaxy Z Flip 4 ราคา 35,900 บาท

มาต่อกันที่ Samsung Galaxy Z Flip 4 เป็นมือถือจอพับที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้ ด้วยดีไซน์ที่ดูกะทัดรัดมีลูกเล่นจึงทำให้น่าสนใจมากๆ พอพับแล้วตัวเครื่องจะเหลือเท่าตลับแป้งเอง สามารถเก็บใส่ในกระเป๋าเล็กๆ ได้แบบสบายๆ และยังมีให้เลือกถึง 75 แบบเลย นอกจากนี้ยังมี IPX8 ที่กันน้ำได้ถึง 1.5 เมตร นานถึง 30 นาทีอีก สายซุ่มซ่ามต้องตำแล้วล่ะ ส่วนเรื่องของกล้องเราสามารถเล่นกับกล้องได้ค่อนข้างเยอะ จะเอากล้องหลังมาเป็นกล้องเซลฟี่ก็ทำได้ เพราะมีจอเล็กๆ อยู่ข้างหลังเครื่อง หรือจะพับครึ่งหนึ่งแล้วหันกล้องหลังมาก็ได้ บอกเลยว่ากล้องสวย ดีไซน์เก๋น่ารักน่าพกพาสไตล์โคเรียสุดๆ

4. vivo V25 ราคา 13,999 บาท

สุดท้ายที่อยากแนะนำให้เป็น มือถือสำหรับผู้หญิง ก็คือ vivo V25 นั่นเอง โดยรุ่นนี้จะเน้นเรื่องกล้องหลังสุดๆ เพราะมีความละเอียดมากถึง 64 ล้าน แถมยังมี OIS กันสั่นอีกด้วย พร้อมกล้องหน้าที่ละเอียดสูงถึง 50 ล้าน และมี Eye AF Selfie ซึ่งจะทำหน้าที่โฟกัสที่ตาในขณะเซลฟี่ ทำให้ถ่ายภาพออกมาได้คมชัดไม่หลุดโฟกัส อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Natural Portrait ที่ถ่าย Portrait ออกมาได้สวยเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ก็ยังมีเทคโนโลยี Color Changing โดยเมื่อฝาหลังกระทบกับแสงแดดจะเปลี่ยนสีกระจกด้านหลังให้เข้มขึ้นได้ ในส่วนของน้ำหนักรุ่นนี้หนักจะอยู่ที่ 186 กรัม เท่านั้น

เป็นอย่างไรกันบ้างกับการแนะนำ 4 มือถือสำหรับผู้หญิง ที่มาพร้อมกล้องสวยคมชัด มีดีไซน์เก๋ เท่ล้ำสมัย เรียกได้ว่าน่ารักน่าใช้ทุกรุ่นจริงๆ ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นใครชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามใจชอบเลย

รูปภาพประกอบ : spidersweb.pl

รูปภาพประกอบ : samsung.com

รูปภาพประกอบ : tech-hangout.com

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

แนะนำ XP-Pen เมาส์ปากกา สุดเจ๋ง สำหรับสายอาร์ต ครบจบในแผ่นเดียว

แนะนำ XP-Pen เมาส์ปากกา สุดเจ๋ง สำหรับสายอาร์ต ครบจบในแผ่นเดียว

สำหรับงานอาร์ตที่ต้องมีการวาดรูปและทำภาพกราฟิกต่างๆ บ่อยๆ จะรู้กันดีว่าสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการทำงานเลยก็คือ อุปกรณ์อย่างเมาส์ปากกา ซึ่งมีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้มีทั้งราคาถูกและราคาแพง แต่วันนี้เราขอหยิบยกเอา เมาส์ปากกา XP-PEN รุ่น STAR G960S ซึ่งเป็นแบบแผ่นกระดานและปากกาเท่านั้น ไม่ว่าจะวาดรูปหรือเขียนงานต่างๆ ก็สามารถทำได้สะดวกมือและให้งานที่ละเอียดได้มากกว่าในราคาที่ไม่แพงเกินไปด้วย ซึ่งข้อมูลและคุณสมบัติของเมาส์รุ่นนี้เราได้รวบรวมมาให้ ดังนี้

ข้อมูลจำเพาะ เมาส์ปากกา

• มีพื้นที่วาด ขนาด 9 × 6 นิ้ว

• เป็นปากการุ่น PH2 ทรงดี จับได้ถนัดมือ และยังมียางลบในตัว พร้อมปุ่มคีย์ลัดอีก 2 ปุ่ม

• สามารถรับแรงกดได้ถึง 8192 ระดับ

• ไม่ใช้แบตเตอรี่ และไม่ต้องใส่ถ่าน

• ปุ่มคีย์ลัด 4 ปุ่ม ( สามารถตั้งค่าได้ )

• ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ และสามารถปรับการใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

• รองรับการใช้งานได้ทั้งผู้ที่ถนัดซ้ายและถนัดขวา

• ระยะห่างปากกา 10 มิลลิเมตร

• รองรับการใช้งาน Windows 7/8/10/11 และ Mac OS X 10.10 ขึ้นไป

• รองรับการใช้งานกับ Android 6.0 ขึ้นไป

คุณสมบัติเด่นของ เม้าส์ปากกา XP-PEN รุ่น STAR G960S

• ขนาด 9 × 6 เป็นไซส์ขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกิน

• มีความบาง และน้ำหนักเบา

• สามารถพกพาได้ง่าย พร้อมปุ่มคีย์ลัดทั้งหมด 4 ปุ่ม สามารถตั้งค่าได้ตามต้องการ

• สามารถหมุนได้ทุกองศาขณะใช้งาน

• เหมาะทั้งคนที่ถนัดมือซ้ายและคนที่ถนัดมือขวา

• ตัวปากกาเรียว จับถนัดมือ

• ไม่ต้องใช้ถ่านหรือแบตเตอรี่เลย

• ทนรับแรงกดได้ 8192 ระดับ

• มาพร้อมคีย์ลัดที่ปากกา 1 ปุ่ม

• มีไส้สำรองปากกาให้ทั้งหมด 10 ชิ้น

• มีหัวต่อ OTG

• สามารถเชื่อมต่อกับมือถือหรือแท็บเล็ตได้

ข้อจำกัด

• เมาส์ปากการุ่นนี้ใช้ได้กับ MacBook แต่ไม่รองรับ iOS ทำให้ใช้กับไอโฟนไม่ได้

• สามารถใช้ได้กับ window 7-10 และ Mac Os X 10.10 ขึ้นไปเท่านั้น

• รองรับ android 6.0 ขึ้นไป

• เมื่อใช้กับเครื่องซัมซุงหัวลูกศรจะไม่ขึ้น แต่ก็สามารถใช้งานได้

จบกันไปแล้วกับการแนะนำ XP-Pen เมาส์ปากกา รุ่น STAR G960S สุดเจ๋ง สำหรับสายอาร์ต ที่มาในรูปแบบแผ่นวาดพร้อมปากกา เหมาะมากๆ กับคนที่ชอบทำงานอาร์ตและงานกราฟิกสวยงามต่างๆ ซึ่งสามารถใช้ได้ถนัดมือและเก็บความละเอียดของงานได้อย่างละเอียดกริบ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับมืออาชีพอย่างแน่นอน เอาล่ะหากใครสนใจสามารถไปตำตามกันได้ เพราะน้องราคาไม่แพงเลยราคาเริ่มต้นประมาณ 2000 บาทเท่านั้น ถูกและดีมีอยู่จริงๆ งานนี้สายอาร์ตสายวาดเขียนห้ามพลาดเลยจ้า

รูปภาพประกอบ : xp-pen.co.th

รูปภาพประกอบ : 8baht.com

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เปิดตัว สมาร์ทโฟน ตัวท็อป Redmi Note 12 Pro 5G

เปิดตัว สมาร์ทโฟน ตัวท็อป Redmi Note 12 Pro 5G

สำหรับใครที่อยากได้ สมาร์ทโฟน ที่มีความโปรและมีฟีเจอร์จัดหนักจัดเต็ม วันนี้เราจึงจะมาแนะนำมือถือรุ่นท็อปอย่าง Redmi Note 12 Pro 5G ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงเดือนเมษายนนี้ ในราคาแค่หมื่นต้นๆ เรียกได้ว่าเป็นข่าวการเปิดตัวที่สร้างเสียงฮือฮาแก่วงการมือถือยุคใหม่เป็นอย่างมาก เอาล่ะมาดูกันดีกว่าว่า Redmi Note รุ่นนี้จะมีรายละเอียดสเปกอะไรน่าสนใจบ้าง

สเปกของ สมาร์ทโฟน Redmi Note 12 Pro 5G

• ขนาดตัวเครื่อง 162.9 × 76 × 7.9 มม.

• น้ำหนัก 187 ก.

• หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ใช้หน้าจอ Flow AMOLED display

• ความละเอียดหน้าจอ 1080 x 2400, Refresh Rate 120Hz ความสว่าง 900 nits + Dolby Vision

• กระจกหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass 5

• มาตรฐานการกันน้ำ IP53

• ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 | GPU Mali G68

• RAM 6/8GB แบบ LPDDR4x

• ความจำในตัว 128/256GB แบบ UFS 2.2

• เพิ่มความจำผ่าน MicroSD ความจุสูงสุด 1 TB

• ระบบปฏิบัติการ Android 12 + MIUI 14

• การเชื่อมต่อ 5G/4G WiFi 6 ( AX ), GPS, Bluetooth 5.2 A-GPS, GPS, NFC

• ช่องเสียบ USB-C + ช่องเสียบหูฟัง

• รองรับ Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง

• ระบบเสียง ด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS

• ระบบไมโครโฟน 2 ด้านบนและล่าง

• กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.88 PDAF + 4 – 1 Super Pixel IMX766

• กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา

• กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

• รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30 FPS, FHD 60/30 FPS, Slowmotion 960, Timelapse

• กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล FHD 30 FPS

• แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 67W

• ระบบความปลอดภัย แบบสแกนใบหน้าและสแกนนิ้วมือในหน้าจอ

• สี Midnight Black, Polar White, Sky Blue

• ราคา 12,990 บาท

ภายในกล่องของ Redmi Note 12 Pro 5G จะมีอุปกรณ์ดังนี้

• ตัวเครื่อง

• คู่มือ

• เคสใส

• สาย USB-C to USB-A

• ปลั๊กชาร์จไฟ

ระบบปฏิบัติการ และความปลอดภัย

Redmi Note 12 Pro เป็น สมาร์ทโฟน ที่มาพร้อมกับ MIUI 14 แต่ได้พื้นฐานจาก Android 12 การทำงานแบบ Multi Window ที่ยังคงทำได้กับบางแอปพลิเคชั่นและรวมถึงหน้าต่างลอยหรือ Floating Window เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ก็ยังสามารถปัดทางซ้ายเพื่อเรียกดูเมนูด่วนเพื่อเปิดโปรแกรมเพิ่มหรือการใช้นิ้วสั่งงานเช่นการ Capture Screen เป็นต้น

และนอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่ติดตั้งมาให้ เช่น Apps กระจกส่องหน้า, เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ, ระบบดูแลอุปกรณ์และอื่นๆ รวมถึงบริการต่างๆ ที่สามารถทำการดาวน์โหลดเพิ่มผ่าน Google Play Store ได้ ในส่วนของระบบความปลอดภัยนั้นเป็นแบบระบบสแกนนิ้วทางด้านข้าง และสแกนใบหน้าแบบ 2D อีกทั้งโหมดซ่อน Folder ที่เราไม่ต้องการเปิดได้ พร้อมทั้งสามารถติดตั้งระบบ Enterprise ได้อีกด้วย

และนี่ก็คือสเปกคร่าวๆ ของ สมาร์ทโฟน ตัวท็อปอย่าง Redmi Note 12 Pro 5G ที่กำลังเป็นกระแสฮือฮาว่าเป็นมือถือสุดล้ำที่มีลูกเล่นสุดเจ๋ง ซึ่งหลายคนก็กำลังจับตามองกันเป็นแถว และคาดว่าจะมีการเปิดวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้แล้ว ซึ่งหากใครสนใจอยากมีมือถือไฮเทคในราคาที่ไม่ถือว่าแพงแบบนี้ ก็สามารถตามไปจับจองกันได้เลย

รูปภาพประกอบ : timesnownews.com

รูปภาพประกอบ : cnnindonesia.com

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

แนะนำ นาฬิกาหูฟัง HUAWEI WATCH Buds สมาร์ทวอทช์แบบ 2-in-1

แนะนำ นาฬิกาหูฟัง HUAWEI WATCH Buds สมาร์ทวอทช์แบบ 2-in-1

สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทวอทช์ดีๆ สักเครื่องที่สามารถตอบโจทย์ทั้งเรื่องรูปลักษณ์หน้าตาและฟังก์ชั่นการใช้งาน เราขอแนะนำให้รู้จักกับ นาฬิกาหูฟัง HUAWEI WATCH Buds สมาร์ทวอทช์แบบ 2-in-1 ที่เป็นทั้งสมาร์ทวอทช์และหูฟังในตัวเดียวกัน โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานที่สามารถตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ซึ่งหูฟังตัวนี้จะมีคุณสมบัติอะไรโดดเด่นบ้างนั้น ตามเรามาดูรายลเอียดกันเลย

คุณสมบัติของ นาฬิกาหูฟัง HUAWEI Watch Buds

• รูปแบบ สมาร์ทวอช + หูฟัง

• ขนาด 47 × 47.5 × 14.99 มม.

• ขนาดหูฟัง 21.8 x 10.3 x 10.3 มม.

• น้ำหนักนาฬิกา 66.5 ก.

• น้ำหนักหูฟัง 4 ก.

• หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 มม. ความละเอียด 466 x 466 มม. PPI 326

• ขนาดของสาย 22 มม.

• มาตรฐานกันน้ำ IP54

ระบบเซนเซอร์ / ตรวจจับ ประกอบด้วย

• เซ็นเซอร์ 6-axis inertial ( เซ็นเซอร์ความเร่งและเซ็นเซอร์ไจโรสโคป )

• เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล 5.0

• เซ็นเซอร์ออปติคอลรอบข้าง

• เซ็นเซอร์เอฟเฟกต์ Hall

• เซ็นเซอร์ capacitive และส่วนประกอบส่งเสียงผ่านโบนคอดักชัน ( VACC)

• การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2, Wi-Fi AC

• ตัวเรือนทำจากเหล็กกล้าไร้สนิม

• แบตเตอรี่นาฬิกา การใช้งานทั่วไป 3 วัน ( ปิด ANC ) การใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน 7 วัน ( เปิด ANC )

• อายุการใช้งานของหูฟัง สามารถเล่นเพลง 4 ชั่วโมง, การโทร 2.5 ชั่วโมง

รูปแบบดีไซน์

มาในขนาดหน้าปัด 1.43 นิ้ว ที่รองรับระบบ Touch Screen รูปแบบหน้าจอมีความโค้งมนรับกับตัวเรือนที่ดูโดดเด่นได้เป็นอย่างดี มาพร้อมปุ่มกดเพื่อให้ยกหน้าจอได้ง่าย และให้ความเรียบหรูดูแพง

วิธีเอาหูฟังออกมา

วิธีการยกหูฟังสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กดปุ่มหน้าจอก็จะยกขึ้นมา ก็จะพบกับหูฟังที่แขวนใต้หน้าจอ จากนั้นใช้วิธีการดึงออกมา ซึ่งการติดแบบแม่เหล็กนี้จะช่วยทำให้ถอดและเก็บหูฟังได้อย่างง่ายดาย

การสั่งงานหูฟัง

• แตะ 2 ครั้ง คือ เล่น / หยุดเพลงชั่วคราว, รับสาย / ตัดสาย

• แตะ 3 ครั้ง คือ เปิด / ปิด หรือตัดเสียงรบกวน

• นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปตั้งค่าเพื่อเปลี่ยนวิธีการควบคุม และยังสามารถปรับตั้งค่าหูฟังผ่านสมาร์ทวอช์ทได้

คุณสมบัติด้านการฟังเสียง และไมโครโฟน

แนะนำ นาฬิกาหูฟัง HUAWEI WATCH Buds สมาร์ทวอทช์แบบ 2-in-1 การออกแบบของ ยูนิตไดอะแฟรมแบบระนาบแบบฟูลเรนจ์ มีแม่เหล็ก 4 ตัวขดลวดระนาบเพื่อสร้างเสียงที่สมบูรณ์แบบ ให้คุณภาพเสียงที่ดี ส่วนระบบตัดเสียงมีเทคโนโลยี Bone Conduction Sensor นอกจากนี้ก็ยังมีการตัดเสียงรบกวนแบบ dual-mic ที่รับเสียงและกรองเสียงรบกวนได้อีกด้วย

การเชื่อมต่อ นาฬิกาหูฟัง

สามารถใช้งานได้ทั้ง Android และ iOS ผ่านโปรแกรม Huawei Health ที่สามารถติดตั้งได้ง่าย ภายในกล่องจะมี QR Code ให้สแกน หลังจากติดตั้งแล้วให้กดเข้าไปที่หน้าอุปกรณ์ จากนั้นเลือก Add หรือ Scan ก็ได้ระบบจะแสดงผลอัตโนมัติขึ้นมา จากนั้นก็กดยินยอมให้ Apps เข้าถึงทั้งการแจ้งเตือนและกิจกรรมภายในมือถือ

สรุปความน่าสนใจ Huawei Watch Buds

ถือเป็นอีก นาฬิกาหูฟัง อีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะกับคนยุคใหม่ เพราะเป็นทั้งหูฟังและนาฬิกาจบในตัวเดียวกัน แถมยังมีดีไซน์ที่สวยงามเรียบหรูอีกด้วย มาพร้อมระบบเสียงดีมีคุณภาพ หากใครสนใจก็สามารถหาซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายของ Huawei ทั้งร้านค้าออนไลน์และหน้าร้านทั่วไปเลย ซึ่งราคาเปิดตัวในประเทศไทยรุ่นนี้จะอยู่ที่ 13,990 บาท

แนะนำ นาฬิกาหูฟัง HUAWEI WATCH Buds สมาร์ทวอทช์แบบ 2-in-1

รูปภาพประกอบ : consumer.huawei.com

รูปภาพประกอบ : flashfly.net

รูปภาพประกอบ : notebookcheck.net

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

อนาคตของ Tiktok ในอเมริกายังไร้คำตอบ หลัง CEO เข้าสภาคองเกรส

อนาคตของ Tiktok ในอเมริกายังไร้คำตอบ หลัง CEO เข้าสภาคองเกรส

เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทยที่ผ่านมา CEO ของ Tiktok คุณ Shou Chew ได้มีการเข้าพูดต่อหน้าสภาคองเกรส เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ของชาวอเมริกา หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการต่อต้านTiktok ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการเมืองระหว่างประเทศ โดย Tiktok เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท ฺBytedance ในประเทศจีน ทำให้ Tiktok ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการล้วงข้อมูลส่วนตัวของประชาชนในประเทศสหรัฐอเมริกา

ภาพ Pixabay/solenfeyissa

คุณ Shou Chew ก็ได้ตอบคำถามหลายประเด็นในสภาเริ่มต้นจากเขาได้มีการปฏิเสธว่าบริษัท Bytedance ไม่ได้เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศจีนแต่เป็นบริษัทในระดับโลก ซึ่งไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลของลูกค้า และสำหรับในเรื่องของการเก็บบันทึกข้อมูลของผู้ใช้บริการในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้มีโปรเจคที่ชื่อว่า “Project Texas” ที่จะใช้ในการเก็บข้อมูลส่วนตัว โดย Project ดังกล่าวใช้เงินมากกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐและมีการร่วมงานกับบริษัท Oracle Corp.

ถัดจากเรื่องความปลอดภัยในการล้วงข้อมูลทางสภาคองเกรสก็ได้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งาน โดยทางสื่อสังคมออนไลน์ปล่อยให้มีเนื้อหาที่มีความรุนแรงถูกเผยแพร่ และยังไม่มีมาตรการควบคุมความปลอดภัยของกลุ่มเยาวชนด้วย ซึ่งทาง Shou Chew ก็ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยบอกว่าTiktok มีมาตรการดูแลเนื้อหาภายในสื่อสังคมออนไลน์อย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อกลุ่มเยาวชน และสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีจะถูกตั้งค่าบัญชีให้เป็นบัญชีส่วนตัวและจะปิดรับการส่งข้อความโดยอัตโนมัติ

ภาพ Pixabay/Natalie_voy

ประเด็น 2 ประเด็นที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นประเด็นหลักที่ได้ถูกพูดถึงในสภาคองเกรสและสร้างความกดดันให้กับ CEO ของบริษัทเป็นอย่างมากแต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่ายังไม่มีคำตอบเกี่ยวกับอนาคตของ Tiktok ว่าจะถูกระงับการใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ในส่วนนี้ก็คงต้องติดตามข่าวกันต่อไป และถึงแม้ว่ารัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาจะต่อต้านการใช้งาน Tiktok ในประเทศแต่กลุ่มประชาชนบางส่วนก็สนับสนุน Tiktok อยู่เช่นเดียวกัน

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เจาะประเด็น สายชาร์จดูดเงินได้หรือไม่

เจาะประเด็น สายชาร์จดูดเงินได้หรือไม่

ข่าว “สายชาร์จดูดเงิน” กลายเป็นที่สนใจของคนจำนวนมากในประเทศไทย หลังจากได้มีข่าวกระจายออกมาว่า มีผู้ใช้งานโทรศัพท์ Android รายหนึ่งได้สูญเสียเงินจำนวนมากในบัญชีหลังจากที่เสียบสายชาร์จทิ้งไว้ โดยเจ้าตัวบอกว่าเขาไม่ได้ไปทำอะไรกับโทรศัพท์ที่ชาร์จไว้เลยด้วยซ้ำ ทำให้คนเข้าใจว่าสายชาร์จที่ใช้กับโทรศัพท์สามารถดูดเงินออกจากบัญชีได้ บวกกับเพจ Drama Addict ออกมาโพสต์เกี่ยวกับสายชาร์จดูดเงิน ทำให้คนตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น

ซึ่งเรื่องสายชาร์จดูดเงินมีความเป็นไปได้แต่ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้น อีกหนึ่งสาเหตุที่มีความเป็นไปได้มากนั่นก็คือการโดนหลอกให้ดาวน์โหลดแอป โดยแฮกเกอร์จะสร้างแอปปลอมขึ้นมาและหลอกให้ผู้ใช้งานโดยทั่วไปดาวน์โหลด โดยการโจมตีดังกล่าวนี้จะมุ่งเป้าไปที่ระบบปฏิบัติการ Android เสียมากกว่าเนื่องจากมีผู้ใช้งานเยอะและง่ายต่อการปลอมแปลงแอป ไม่เหมือนกับระบบ iOS ที่มีระบบความปลอดภัยสูง

ภาพ Pixabay

โดยส่วนใหญ่แอปที่มีการปลอมแปลงนั้นจะเป็นประเภทแอปหาคู่ หลังจากติดตั้งเสร็จ แอปจะขออนุญาตการเข้าถึงส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานของผู้พิการ ขออนุญาตถ่ายภาพหน้าจอ และขออนุญาตการเขียนภาพทับบนหน้าจอโทรศัพท์ และถ้าหากเหยื่ออนุญาตทั้งหมดแฮกเกอร์ก็สามารถควบคุมโทรศัพท์ได้โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว ที่สำคัญหลังจากที่ดาวน์โหลดไปแล้วไอคอนของตัวแอป จะไม่แสดงบนหน้าจอมือถือ และอาจจะมีข้อความขึ้นให้เห็นว่ามีข้อผิดพลาดไม่สามารถติดตั้งได้ ทั้งที่จริงมัน เริ่มทำงานแล้ว ที่สำคัญเลยก็คือเหยื่อจะไม่สามารถยกเลิกการทำงาน ลบแอปลอกจากมือถือ รวมไปถึงรีเซตเครื่องได้ เรียกว่าเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับเหยื่อที่โดนหลอกลวงและบุคคลทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องไอที โดยตัวอย่างรายชื่อแอปพลิเคชันปลอมมีดังนี้

  • Bumble 7.18.0
  • Authenticator 7.18.0
  • Flower Dating 7.18.0

ภาพ Pixabay

สำหรับสายชาร์จที่สามารถควบคุมหน้าจอโทรศัพท์ได้นั้น ก็มีอยู่จริงเช่นเดียวกัน แต่ก็มีราคาแพงกว่าสายชาร์จโดยทั่วไปตามท้องตลาด และความสามารถในการทำงานของมันนั้นก็ต้องทำผ่านระบบ WiFi ทำให้ไม่สามารถควบคุมจากระยะไกลได้ นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างจากสายชาร์จโดยทั่วไปด้วย โดยสายชาร์จประเภทนี้หลังจากที่เสียบกับโทรศัพท์จะมีการขึ้นข้อความเพื่อให้เหยื่อกดอนุมัติหรือกดตกลง ซึ่งแตกต่างจากสายชาร์จโดยทั่วไปที่หลังจากชาร์จไฟจะไม่ปรากฏข้อความใด ๆ ขึ้นมา

ดังนั้นวิธีการป้องกันให้ไม่เป็นเหยื่อจากแอปปลอม เราก็ไม่ควรดาวน์โหลดแอปที่ไม่ได้มีการรีวิวรวมไปถึงอยู่นอกเหนือจากร้านค้าของระบบนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น Google Play หรือ App Store ที่สำคัญไม่ควรใอนุมัติการเข้าถึงทั้งหมดหลังจากที่ดาวน์โหลดมา ควรอ่านข้อความทุกครั้งก่อนกดตกลง ในส่วนของสายชาร์จนั้นก็ควรใช้สายชาร์จของตนเองหรือสายชาร์จของแท้ที่มากับอุปกรณ์ที่ซื้อ และถ้าหากมีข้อความขึ้นหลังจากเสียบสายชาร์จก็ควรที่จะอ่านข้อความนั้นให้ดีก่อน

สำหรับเพื่อนๆ ที่อ่านแล้วยังไม่ได้เข้าใจมากนักหรืออยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ช่อง 9Arm , Kru1D

ข้อมูลจาก 9Arm , Kru1D

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

TCL NXTWear Air glasses แว่นตาแสดงภาพ TV

TCL NXTWear Air glasses แว่นตาแสดงภาพ TV

TCL บริษัทเทคโนโลยีที่เน้นในเรื่องของการผลิต TV ได้มีการผลิตเทคโนโลยีแว่นตาทีวีขึ้นมา ซึ่งแว่นตาที่ทางบริษัท TCL ได้มีการผลิตขึ้นมานั้นมีชื่อว่า TCL NXTWear Air Glasses ซึ่งได้มีการเปิดตัวภายในงาน CES 2022.

ภาพ Screenshot จาก Cnet Highlights

TCL NXTWear Air Glasses เป็นแว่นตาที่สามารถแสดงภาพผ่านเลนส์ของแว่นได้โดยมันจะเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือหรือ Notebook ผ่านสาย USB-C ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะใช้ในการดูหนัง เล่นเกม หรือว่าทำงาน TCL NXTWear Air glasses เปรียบเสมือนโรงหนังฉบับพกพาเลยก็ว่าได้ โดยหน้าจอแสดงผลเป็นหน้าจอ OLED นิ้วขนาด 140 นิ้ว สามารถเปลี่ยนเลนส์ของแว่นได้ 3 แบบและมีน้ำหนักเพียงแค่ 75 กรัม ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าแว่นตา NXTWear รุ่น Original ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แต่ในเรื่องของการทำงานนั้นยังคงทำงานเหมือนกับ NXTWear รุ่น Original ซึ่ง TCL NXTWear Air glasses จะมีลักษณะคล้ายกับ RayBan Wayfarers

ภาพ Screenshot จาก Cnet Highlights

TCL NXTWear มีอัตราการรีเฟรชอยู่ที่ 60 Hz ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องการซื้อเพื่อไปใช้ในการเล่นเกมที่มีอัตราเฟรมเรตอยู่ที่ 90 เฟรมเรตต่อวินาทีหรือสูงกว่านั้น ซึ่งแว่นตานี้ก็มีลำโพงคู่ด้วยเช่นเดียวกันซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถได้ยินเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ระหว่างการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือหรือ Notebook และด้วยน้ำหนักที่เบาทำให้แว่นตา TCL NXTWear Air Glasses กลายเป็นแว่นตาที่สามารถใช้ใส่เป็นแฟชั่นได้มากกว่าจะเป็นเทคโนโลยีแว่นตาทั่วไป

ซึ่งเหตุผลที่ทางบริษัท TCL ได้มีการเปิดตัว TCL NXTWear Air Glasses ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่คนจำนวนมากมายจะต้องทำงานอยู่ที่บ้านซึ่งคงจะน่าเบื่อถ้าหากว่าต้องนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานทุกวันและทั้งวัน ซึ่งแว่นตา TCL NXTWear Air Glasses จะเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการทำงานให้มีความสนุกมากขึ้นรวมถึงในเรื่องของการเล่นเกมด้วย และอีกเหตุผลหนึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นการเกาะติดกระแสแว่นตาอัจฉริยะที่ดูเหมือนว่าในระยะหลังนี้บริษัทเทคโนโลยีกำลังเพ่งเล็งเพื่อพัฒนาการตัวอย่างเช่นบริษัท Meta หรือว่าบริษัท OPPO

ภาพ Screenshot จาก Cnet Highlights

สำหรับในเรื่องของราคาแว่นตา TCL NXTWear Air Glasses ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยมาในงาน CES 2022 รวมถึงวันจัดจำหน่ายด้วยเช่นเดียวกัน แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในเรื่องของราคาและวันจัดจำหน่ายในช่วง Mobile World Congress ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับแว่นตา NXTWear รุ่น Original ได้มีการวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น และ ประเทศออสเตรเลีย

ข้อมูลจาก Cnet

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook