IOS 16.4 Beta 3 มีอะไรน่าสนใจบ้าง

IOS 16.4 Beta 3 มีอะไรน่าสนใจบ้าง

สำหรับคนที่ใช้โทรศัพท์ iPhone ในตอนนี้ระบบปฏิบัติการล่าสุดก็คือ iOS 16.3.1 ซึ่งได้มีการปล่อยให้อัปเดตมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่สำหรับระบบปฏิบัติการล่าสุดที่กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนานั้นก็คือระบบปฏิบัติการ iOS 16.4 Beta 3 ซึ่งในปัจจุบันนี้เปิดให้มีการทำ Public Tester

บริษัท Apple ได้มีการปล่อยระบบปฏิบัติการรุ่น iOS 16.4 Beta 3 ออกมาให้ทำการทดสอบกันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเราสามารถตีความได้ว่าในอนาคตอันใกล้ระบบปฏิบัติการ iOS 16.4 จะปล่อยให้ผู้ใช้งาน iPhone ได้อัปเดตกัน ซึ่งในช่วงที่ได้มีการทดสอบอยู่ตอนนี้ก็มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากมายปรากฏออกมา มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่น่าสนใจ

ภาพ Wallpaper.com/Gourmet

Apple ID และ Beta Software Update

iOS 16.4 จะอนุญาตให้สามารถใช้ Apple ID อื่นในเครื่องเดียวกันได้ หรือเรียกง่าย ๆ นั่นก็คือการสับเปลี่ยน account ในการใช้งานนั่นเอง

อัปเดต Apple Books

ในระบบปฏิบัติการ iOS 16.4 Beta 2 ได้มีการนำอนเมชั่น page-turn curl กลับมาหลังจากที่นำออกไปในระบบปฏิบัติการ iOS ก่อนหน้านี้ โดยในเวอร์ชั่น iOS 16.4 Beta 3 ผู้ใช้งานจะสามารถเลือกรูปแบบของอนิเมชั่นได้

อิโมจิใหม่

IOS 16.4 Beta ได้มีการเพิ่มอิโมจิใหม่ให้กับเครื่อง iPhone ทั้งหมด 31 ตัวด้วยกัน

อัปเดต Apple podcast

Apple podcast เป็นอีกหนึ่งแอปที่คนนิยมใช้งานกัน ในการอัปเดตใหม่นี้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงช่องพอตแคสที่ติดตามจากส่วนของ Library ได้เลยและยังสามารถใช้ฟังก์ชัน Up Next เพื่อที่จะฟังพอดแคสต่อ เริ่มต้นตอนใหม่ที่ได้มีการเซฟไว้หรือลบตอนที่ไม่อยากฟังออกไป

แอป Music ที่เปลี่ยนไป

หน้าตาของแอป Music จะไม่เหมือนเดิมโดยได้มีการปรับเปลี่ยนตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ iOS Beta 1 เมื่อผู้ใช้งานเพิ่มเพลงในคิว ก็จะมีภาพ banner ขึ้นอยู่บริเวณด้านล่าง แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ขึ้นมาเต็มหน้าจอ

ภาพ Wallpaper.com/Marshall

คีย์บอร์ด เสียง Siri และ การอัปเดตภาษา

ใน iOS 16.4 Beta 1 ได้มีการเพิ่มภาษาของคีย์บอร์ดเข้าไปซึ่งก็คือ Choctaw และ Chickasaw ในส่วนของเสียง Siri มีการเพิ่มภาษาอารบิกและภาษาฮิบบลู ในส่วนของการอัพเดทของภาษานั้น Apple ได้มีการเพิ่มภาษาเกาหลี ภาษายูเครน ภาษาคุชราต ภาษาปัญจาบ และภาษาอูรดู

การอัปเดตของระบบปฏิบัติการ iOS 16.4 นั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ และก่อนปล่อยตัวเต็มออกมาคงจะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมา อย่างไรก็ตามยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าระบบปฏิบัติการ iOS 16.4 นั้นจะปล่อยมาให้ดาวน์โหลดกันเมื่อใด

ข้อมูลจาก Cnet

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Meta ยกเลิกการทำ NFT บน Facebook และ Instagram

Meta ยกเลิกการทำ NFT บน Facebook และ Instagram

Meta บริษัทของมาร์คซัคเคอร์เบิร์กที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อแผนการสร้าง Metaverse รวมถึงตัวของเขาได้มีการพูดถึงเทคโนโลยี ตัวอย่างเช่น Cryptocurrency และ ผลงาน NFT จนถึงขั้นกลายมาเป็นโปรเจคในการพัฒนาเลยทีเดียว

ภาพ Pixabay/mohamed_hassan

โดยมาร์คซัคเคอร์เบิร์กได้ตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2023 จะเป็น “ปีแห่งประสิทธิภาพ” โดยหลังจากที่มีการปลดคนงานไปกว่า 11,000 ราย ทางบริษัทยุติการจ้างพนักงานเพิ่มและหันมาโฟกัสเกี่ยวกับการตัดสินใจมากขึ้น โดยจะมีการตัดบางส่วนออกไปเพื่อให้การตัดสินใจนั้นรวดเร็วต่อการก้าวหน้าของบริษัท ซึ่งการประกาศการเปลี่ยนแปลงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี NFT แต่ดูเหมือนว่าการกระทำของบริษัทในตอนนี้จะย้อนแย้งกับคำพูดที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้โดย Meta จะยุติทดสอบการสร้างและการขาย NFT บน Instagram รวมถึงการแชร์ผลงาน NFT บน Instagram และ Facebook

ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดยทั้งหมดเป็นการประกาศของ Stephane Kasriel หัวหน้าแผนก commerce and fintech โดยเจ้าตัวยังบอกถึงเหตุผลเกี่ยวกับการยุติโปรเจคในคราวนี้ไว้ด้วยว่า ทางบริษัทจะหันมาสนับสนุนครีเอเตอร์และธุรกิจ โดยทางบริษัทต้องการพัฒนาในส่วนที่มันสร้างผลลัพธ์ได้ดีในวงกว้าง ตัวอย่างเช่นการสร้างรายได้และการส่งข้อความในคลิป Reels และการพัฒนาระบบ Meta pay เป็นต้น

การยกเลิกการพัฒนา NFT กลายเป็นอีกหนึ่งโปรเจคเทคโนโลยี Blockchain ที่ทางบริษัท Meta ยกเลิก หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาได้มีการยกเลิกการพัฒนาเหรียญคริปโต Diem และการพัฒนากระเป๋าเก็บเหรียญ Novi

ภาพ Pixabay/geralt

ถึงแม้ว่าบริษัท Meta จะยุติการพัฒนาเทคโนโลยี NFTแต่ก็มีบริษัทอื่น ๆ การกระโจนเข้าหาตลาด NFT หลายเว็บไซต์ได้มีการโปรโมทผลงานศิลปะตัวอย่างเช่น Reddits และยังมีอีกหลายบริษัทได้มีการขายผลงานของตัวเองไม่ว่าจะเป็น Starbucks ที่สามารถขายผลงานราคา 100 เหรียญได้กว่า 2,000 ชิ้นงาน

เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าถึงแม้ว่าในช่วงนี้เทคโนโลยี Blockchain และผลงาน NFT จะถูกพูดถึงน้อยลงแต่ก็ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนบางกลุ่มอยู่และถ้าหากสกุลเงินคริปโตเคอรี่กลับมาคึกคักอีกครั้งก็คงจะทำให้ตลาดนี้กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งอย่างแน่นอน

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Adidas เข้าซื้อที่ดินในเกม The Sandbox

Adidas เข้าซื้อที่ดินในเกม The Sandbox

หลังจากที่ทางบริษัท Meta เริ่มพูดถึงเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง Metaverse ดูเหมือนว่าหลาย ๆ บริษัทก็เริ่มจะมีการขยับเขยื้อนมากขึ้นเพื่อเข้าสู่เทคโนโลยี Metaverse มากขึ้น โดยในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีดังกล่าวได้อยู่ในรูปแบบของเกมที่อยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชนหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Play to Earn

ภาพ Screenshot จาก TheSandboxGame

The Sandbox ถือว่าเป็น Play to Earn ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในโลกของเทคโนโลยี Metaverse ในตอนนี้เลยก็ว่าได้โดยภายในเกมนั้นเปิดให้ผู้เล่นสามารถเข้าไปสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ รวมไปถึงสร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ และซื้อที่ดินเพื่อใช้งานในอนาคต ซึ่งระบบการซื้อที่ดินนี่แหละที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียวภายในเกมนั้นมีบริษัทยักษ์ใหญ่หลาย ๆ รายเข้ามาจับจองที่ดินเพื่อใช้งานในอนาคต หนึ่งในนั้นก็คือบริษัท Adidas

ภาพจาก Wallpaperaccess

Adidas เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านแฟชั่นของโลกที่เป็นบริษัทล่าสุดที่ได้เข้ามาซื้อที่ดินในเกม The Sandbox โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 14,000 ดอลลาร์ ซึ่งจัดการเข้าซื้อดังกล่าวทำให้มูลค่าของเหรียญ Sand ซึ่งเป็นเหรียญของเกมดังกล่าวมีราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเลยทีเดียวโดยนับตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันราคาเหรียญดังกล่าวมีราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 700 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณเลยทีเดียว ทำให้เกมนี้กลายเป็นเกมที่คึกคักขึ้นมาอย่างมากและกลายเป็นที่หมายปองของบริษัทดังหลาย ๆ รายในอนาคตอย่างแน่นอน

นอกจาก Adidas แล้วยังมี Atari , The Walking Dead, Binance และบริษัทอื่น ๆ อีกมากมายที่เข้ามาซื้อที่ดินดังกล่าว ก็ต้องมาติดตามดูว่าในอนาคต Adidas จะนำที่ดินที่ซื้อไปนี้ไปใช้ในด้านไหนอาจจะเป็นการสร้างห้างสรรพสินค้าเพื่อมาขาย NFT ภายในเกมก็เป็นได้

ภาพ Screenshot จาก TheSandboxGame

นอกจาก The Sandbox แล้ว เกมอื่น ๆ ที่เป็นแนวเทคโนโลยี Metaverse ก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วยเช่นเดียวกันหลาย ๆ เกมหลาย ๆ เหรียญที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดังกล่าวได้รับความนิยมสูงขึ้นและมีราคาสูงขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว และด้วยความนิยมที่มีเพิ่มขึ้นอาจจะเป็นไปได้ว่าในอนาคตเทคโนโลยีบล็อกเชน เงินดิจิตอล เทคโนโลยี Metaverse รวมไปถึงเกมในรูปแบบ Play to Earn อื่น ๆ อาจจะได้รับอานิสงส์ไปด้วยเช่นเดียว

ปีนี้เป็นปีที่เราได้เห็นเทคโนโลยีทางด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ในรูปแบบใหม่มาตลอดทั้งปีและอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในอนาคตได้รับการยอมรับมากขึ้นจากที่ได้รับการยอมรับอยู่แล้วในปัจจุบัน สิ่งที่น่าติดตามเลยก็คือในอนาคตระบบเศรษฐกิจใหม่นี้จะทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายขนาดไหนช่องทางการหาเงินจะมีเพิ่มขึ้นมากมายขนาดไหน หลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างอาจจะเกินการจินตนาการของพวกเราก็เป็นได้

ข้อมูลจาก The Matter

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เว็บขายงาน NFT Opensea มีแอปพลิเคชันแล้ว

เว็บขายงาน NFT Opensea มีแอปพลิเคชันแล้ว

ปีนี้เป็นปีที่ต้องยอมรับว่าเงินดิจิตอลนั้นเข้ามาเปลี่ยนแปลงการลงทุนและการสร้างผลกำไรไปมากมายเลยทีเดียวผู้คนเริ่มเข้ามาทำความรู้จักและเรียนรู้เงินดิจิตอลมากขึ้นและเริ่มต้นทำกำไรจากมันไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขายหรือด้วยวิธีอื่นอย่างเช่นการทำ Yield Farming ที่อยู่ในโลกของ DeFi, Play to Earn ที่อยู่ในรูปแบบของ GameFi และที่สำคัญเลยก็คือความสามารถของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เป็นเทคโนโลยีหลักของเงินดิจิตอลนั้นสามารถทำให้เกิดการซื้อขายงานศิลปะหลากหลายรูปแบบที่รู้จักกันในชื่อ NFT นั่นเอง

NFT เป็นอีกหนึ่งตลาดที่เกิดขึ้นใหม่ในปัจจุบันนี้และกำลังได้รับความนิยมอย่างมากโดยมีผู้คนมากมายสร้างผลงานศิลปะไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ คลิปวิดีโอ หรืออื่น ๆ เพื่อนำไปลงขายซึ่งก็สามารถทำเงินได้ดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีหลากหลายแพลตฟอร์มที่เป็นที่ใช้สำหรับลงผลงานและซื้อผลงาน NFT และหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็คือ Opensea

ภาพ Screenshot จาก App Store

Opensea เป็นแพลตฟอร์มขาย NFT ที่เปิดให้บริการบนเว็บไซต์เพิ่งเปิดให้ใช้บริการมาสักระยะเวลาหนึ่งแล้วและล่าสุดก็ได้เปิดตัวมาในรูปแบบแอปพลิเคชัน แต่ว่า Open ฟรีในเวอร์ชัน Mobile ที่เปิดตัวมาบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android นั้นไม่สามารถที่จะทำการซื้อหรือขายผลงานได้โดยลักษณะการทำงานของแอปพลิเคชันนั้นจะเป็นในรูปแบบแกลลอรี่และเป็นที่ใช้ในการแชร์ผลงานมากกว่า ซึ่งรูปร่างหน้าตาและลักษณะของแอปพลิเคชันนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับบนเว็บไซต์เป็นอย่างมาก

ภาพ Screenshot จาก App Store

ซึ่งก็ได้มีการคาดการณ์สาเหตุว่าทำไมแอปพลิเคชัน Opensea นั้นไม่มีการเปิดให้ซื้อแล้ววางขายผลงาน NFT ก็เพราะว่า Opensea แม่อยากจะแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับ Apple หรือ Google ซึ่งการแบ่งรายได้นั้นจะทำให้ผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานนั้นไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่นั่นเอง และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการจะซื้อขายผลงาน NFT จะไม่ได้มีการใช้เงิน Fiat แต่จะใช้ Ethereum ในการซื้อขายผลงานซึ่งในปัจจุบันนี้ยังไม่มีระบบการชำระเงินที่รองรับเงินสกุลดังกล่าวนั้นเอง

ภาพ Screenshot จาก App Store

ในตอนนี้ประเทศไทยก็เริ่มเป็นที่นิยมแล้วสำหรับผลงาน NFT มีคนดังในประเทศรวมถึงผู้ที่มีฝีมือมากมายใช้ช่องทางดังกล่าวในการหารายได้เลี้ยงชีพตนเอง และมีช่องทางอะไรช่องทางที่ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดังนั้นในอนาคตจึงมีความเป็นไปได้มากเลยทีเดียวที่โลกของ NFT จะเติบโตขึ้นอีกมากเลยทีเดียวและคงจะมีผลงานอีกมากมายที่ได้ถูกนำไปวางขาย

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

iPhone SE 4 ยังไม่ตาย Apple มีแผนรื้อฟื้น

iPhone SE 4 ยังไม่ตาย Apple มีแผนรื้อฟื้น

อย่างที่เรารับรู้กันดีว่าบริษัท Apple มักจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในทุกๆ ปี และก็จะมีการยุติการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตัวอย่างเช่นเราเห็น Apple ประกาศหยุดการผลิต iPod Touch เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา และแน่นอนว่าคงมีอุปกรณ์อีกหลายรุ่นที่ทาง Apple จะยุติการผลิตในอนาคตอย่างไรก็ตามไม่ใช่กับiPhone SE 4

iPhone SE ถูกผลิตครั้งแรกในปี 2016 และ iPhone SE (Gen 2) ถูกผลิตขึ้นมาในปี 2020 และ Gen 3 นั้นได้มีการผลิตขึ้นมาเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา โดย 2 เดือนก่อนหน้านี้ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้มีการออกมาบอกว่าทางบริษัทจะยุติการผลิต iPhone SE แต่ล่าสุดตัวเขาก็ได้ออกมากลับคำพูดและบอกว่า iPhone SE 4 จะกลับมาเป็นแผนการผลิตของ Apple อีกครั้ง

ภาพ Apple

ตามข่าวที่ Ming-Chi Kuo ให้มา ลักษณะของ iPhone SE 4รูปร่างจะคล้ายคลึงกับ iPhone 14 โดยมีหน้าจออยู่ที่ 6.1 นิ้วและเป็นจอ OLED โดยจะมีขนาดใหญ่กว่า iPhone SE 3 ที่สำคัญยังเปลี่ยนชิป 5G เป็นของ Snapdragon โดยก่อนหน้านี้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Qualcomm แต่ที่ยังไม่แน่ใจก็คือใน iPhone SE 4 จะมีพรีเมี่ยมฟีเจอร์เหมือน ใน iPhone 14 หรือไม่ ตัวอย่างเช่นระบบโทรฉุกเฉิน, ระบบ Face ID, และการถ่ายภาพกลางคืน โดยฟีเจอร์ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่มีอยู่ใน iPhone SE 3 และถ้าหากว่า iPhone SE 4

จะเปลี่ยนเป็นระบบ Face ID จะทำให้ iPhone รุ่นใหม่ทั้งหมดไม่มีระบบ Touch ID ในการปลดล็อก ซึ่งจะทำให้บริเวณหน้าจอนั้นกว้างขึ้นและไม่มีปุ่มอีกต่อไป ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า Apple จะมีการเปิดตัวมาiPhone SE รุ่นใหม่ตามที่นักวิเคราะห์รายนี้ได้ให้ข่าวไว้หรือไม่ สำหรับช่วงเวลาในการเปิดตัว iPhone SE 4นั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะเปิดตัวในช่วงปีหน้าหรือในปี 2024 สำหรับราคามีความเป็นไปได้ว่าจะมีราคาใกล้เคียงกับเครื่องรุ่นเก่าโดยจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 400 เหรียญสหรัฐจนถึง 600 เหรียญสหรัฐขึ้นอยู่กับขนาดความจุ

ภาพ Apple

iPhone SE เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะกับคนที่มีงบน้อย เพราะนอกจากจะราคาถูกแล้วคุณภาพในด้านต่าง ๆ ก็ไม่แพ้กับ iPhone พี่เปิดตัวมาในปีเดียวกัน ดังนั้นถ้าหาก Apple จะยุติการผลิตไปก็คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเสียดายอย่างแน่นอน

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Tiktok ขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกอีกครั้ง

Tiktok ขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกอีกครั้ง

ในแต่ละปีมีผู้พัฒนาแอปพลิเคชันออกมามากมายให้เราได้ใช้งานกันแต่การที่จะเป็น Application ที่ได้รับความนิยมและถูกใช้งานกันไปทั่วโลกนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากเลยทีเดียวในปัจจุบันนี้ Application ที่โดดเด่นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารรวมถึงดูสื่อบันเทิงต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็น Application

ที่ต้องมีติดโทรศัพท์มือถือไว้เลยก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, Snapchat หรือว่า Tiktok ทุกคนคงจะมีแอปพลิเคชันเหล่านี้อยู่ในเครื่องโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าจะมีทุกคนแต่ความนิยมในการใช้งานก็แตกต่างกันออกไปแล้วแต่คนในปีนี้ในช่วงไตรมาสแรก Tiktok ก็อาจจะเป็นหนึ่ง App ยอดนิยมเพราะว่าสามารถทำยอดดาวน์โหลดได้มากที่สุด

ในไตรมาสแรกของปี 2022 แอปTiktok สื่อสังคมออนไลน์แนวคลิปวิดีโอสั้นที่ถูกพัฒนาจากผู้พัฒนาชาวจีนกลายเป็นแอปที่มียอดการดาวน์โหลดสูงสุดแซงหน้า Instagram ของ Meta โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นการรายงานจาก app market intelligence firm Sensor Tower ถึงแม้ว่าจะถูกระงับไม่ให้ใช้งานในประเทศอินเดียก็ตาม Tiktok ก็ยังประสบความสำเร็จในหลายๆ ประเทศทั่วโลก

โดยในปีนี้ Tiktok มียอดการดาวน์โหลดไปมากกว่า 175 ล้านครั้งแซงหน้า Instagram Facebook และ WhatsApp ที่อยู่ในอันดับที่ 2, 3 และ 4 ตามลำดับ โดย Instagram มียอดการดาวน์โหลดมากกว่า 150 ล้านครั้งซึ่งมากกว่า Facebook ส่วนทาง WhatsApp นั้นมียอดการดาวน์โหลดอยู่ประมาณ 125 ล้านครั้ง สวนทาง Twitter ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มียอดการดาวน์โหลดน้อยกว่า 50 ล้านครั้ง

การนับจำนวนทั้งหมดนี้เป็นการรวบรวมผ่านทาง App store และ Google Play เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Tiktok สามารถทำยอดการดาวน์โหลดได้เกิน 70 ล้านค้างไปเป็นครั้งที่ 3 แล้วในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี โดยบริษัทนั้นมีการเติบโตมากกว่า 11% เมื่อเทียบเป็นไตรมาสต่อไตรมาสในทวีปเอเชีย

และจากยอดการดาวน์โหลดครั้งนี้คงแสดงให้เห็นแล้วว่า Tiktok เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีอิทธิพลในตลาดอย่างมากเลยทีเดียวแต่หลายคนใช้มันในการสร้างสรรค์คลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่น่าติดตามส่วนบางคนใช้ช่องทางนี้เป็นช่องทางการขายของและอีกหลายคนใช้ในการสอน และก็มีจำนวนไม่น้อยเลยที่ใช้ Tiktok ในการสร้างรายได้เพื่อหาเลี้ยงชีพ

ภาพทั้งหมดจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Gadgets360

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Messenger เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ “คุยแชทข้ามแอป”

Messenger เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ “คุยแชทข้ามแอป”

อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า Facebook นั้นเป็นบริษัทใหญ่ที่ดูแล Instagram ดังนั้นพวกเราจึงได้เห็นฟีเจอร์ต่าง ๆ ของทาง Facebook, Facebook Messenger และ Instagram จะมีลักษณะคล้ายคลึงกันแล้วบางครั้งก็สามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานนั้นสะดวกสบายมากขึ้นเมื่อต้องการใช้งาน Facebook และ Instagram นั่นเอง

ภาพจาก Facebook Messenger

ล่าสุดทาง Facebook ก็ได้มีการประกาศการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Facebook Messenger และ Instagram เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดยเป็นฟีเจอร์ที่ใช้ในการแชทในรูปแบบของ Cross-app Group Chat ซึ่งจะทำให้การทำงานของแอปพลิเคชันทั้ง 2 แอปพลิเคชันนั้นสามารถทำงานร่วมกันได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ได้ถูกประกาศออกมาว่าจะทำการตั้งแต่ในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว นอกจากการเพิ่มฟีเจอร์ Cross-app Group Chat ก็ยังได้มีการเพิ่มฟีเจอร์อื่นเข้าไปอีกใน Facebook Messenger และ Instagram

ภาพจาก Facebook Messenger

โดยสิ่งที่เพิ่มไปนอกเหนือฟีเจอร์ในการพิมพ์แชทก็คือการเพิ่มธีมห้องแชทให้ผู้ใช้งานได้เลือกเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของห้องแชทให้มีสีสันที่สวยงามมากโดยธีมใหม่ที่จะถูกเพิ่มเข้าไปแต่มีชื่อว่า “ Cottagecore ” ซึ่งจะมีอิโมจิเป็นรูปเห็ด ขึ้นนอกจากนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ Poll ที่เอาไว้ใช้ในการโหวตเข้าไปใน Instagram Direct Message และ Group Chat

อย่างไรก็ตาม Facebook ก็ยังใส่ใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานเช่นเดิม ผู้ใช้งานสามารถกำหนดได้ว่าใครที่จะเข้ามาพูดคุยกับเราได้ โดยการส่ง Messenger Request ถ้าหากว่าไม่ได้มีการส่งคำขอก็จะไม่สามารถพิมพ์แชทหรือว่าโทรหากันได้นั่นเอง และการที่จะใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้นั้นผู้ใช้งานจำเป็นที่จะต้องเข้าไปอัปเดต Facebook Messenger เสียก่อนถึงจะสามารถใช้งานฟีเจอร์การพูดคุย Cross-app Group Chat ได้

ภาพจาก Pixabay

แล้วแน่นอนว่าตลอดช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้พวกเรานั้นใช้ช่องทางการสื่อสารบนโลกออนไลน์มากขึ้นในการติดต่อหาคนรักเพื่อนสนิทหรือว่าครอบครัวเพราะว่าอยู่ในช่วงที่เราต้องช่วยกันรักษาตัวของตัวเองและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ทาง Facebook จึงได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่มากมายเพื่อให้ผู้ใช้งานนั้นสนุกกับการใช้งานและการพิมพ์แชทหาเพื่อนๆ ได้ตลอดเวลานั่นเอง เพราะพวกเขารู้ว่าการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญและการติดต่อกันก็เป็นสิ่งที่มนุษย์มักจะทำเป็นประจำนั้นเอง มันทำให้เราหายคิดถึงกันแล้วเจอกันได้ง่ายมากขึ้น

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Twitch ระงับบัญชีที่ใช้ชื่อเกี่ยวกับสิ่งเสพติดและเรื่องเซ็กส์

Twitch ระงับบัญชีที่ใช้ชื่อเกี่ยวกับสิ่งเสพติดและเรื่องเซ็กส์

ในโลกอินเทอร์เน็ตเป็นโลกที่ไร้ขอบเขตและเราอาจจะเรียกได้ว่าเป็นโลกที่ไร้ตัวตนเลยก็ว่าได้ เพราะว่าผู้คนสามารถคิดชื่อต่าง ๆ เพื่อเข้าไปใช้งาน หลายคนอาจจะใช้ชื่อจริงแต่มีอีกหลายคนอาจจะใช้ชื่อที่สมมุติขึ้นเพื่อใช้ในการปิดบังตัวเองหรือใช้เพื่อความสนุก แน่นอนว่าบางชื่ออาจจะมีการกล่าวถึงเนื้อหาบางอย่างตัวอย่างเช่นสารเสพติดหรือว่าเรื่อง 18 + บางแพลตฟอร์มก็อนุญาตให้ใช้ชื่อที่มีการกล่าวถึงเรื่องแบบนี้แต่ว่าไม่ใช่กับแพลตฟอร์มสตรีมอย่าง Twitch

ภาพ Wallpapercave

Twitch ได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่เกี่ยวกับชื่อบัญชีผู้ใช้งานโดยจะมีการระงับบัญชีผู้ใช้งานที่ใช้ชื่อที่อาจจะมีการกล่าวถึงเรื่องสิ่งเสพติดหรือว่าเรื่อง 18+ ตาม Blog ของ Twitch ได้มีการกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่าชื่อของผู้ใช้งานนั้นอาจจะแสดงถึงตัวตนของพวกเขารวมไปถึงฐานะด้วย โดยทาง Twitch มีการกำหนดใช้นโยบายดังกล่าวในวันที่ 1 มีนาคมที่จะถึงนี้ โดยทางแพลตฟอร์มจะทำการลบบัญชีผู้ใช้งานที่มีชื่อเกี่ยวกับสิ่งเสพติดและเรื่องของเซ็กส์ตัวอย่างเช่นการกระทำทางเพศ, การเร้าอารมณ์, แอลกอฮอล์, บุหรี่ หรือว่ากัญชา นอกจากเรื่องดังกล่าวแล้วทางTwitch จะมีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผู้ใช้งานที่ใช้ชื่อบัญชีเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ, ถ้อยคำรุนแรง รวมไปถึงคำที่อาจจะมุ่งร้ายด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับผู้ที่ใช้งานและชื่อบัญชีมีชื่อเกี่ยวกับสารเสพติดถ้าไม่ต้องการจะถูกระงับการใช้งานของบัญชีก็ควรที่จะเปลี่ยนชื่อให้เหมาะสมก่อนที่จะถึงระยะเวลาใช้งานนโยบายนั่นเอง ซึ่งทาง Twitch ก็มีเครื่องมือให้ผู้ใช้งานได้เปลี่ยนชื่อบัญชีของตัวเองได้โดยที่มาเก็บประวัติทั้งหมดไว้ได้ด้วยไม่ว่าจะเป็นผู้ติดตาม, รายได้ที่ได้รับ แล้วเมื่อมีการเปลี่ยนชื่อและไม่ผิดต่อนโยบายก็สามารถใช้งานบัญชีนัดต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ

ภาพ Wallpaperaccess

เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา Twitch ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสังคมออนไลน์ที่ถูกโจมตีเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งานเช่นเดียวกับ Facebook และ Instagram ซึ่ง Twitch เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นในเรื่องของการถ่ายทอดสดและสามารถให้ผู้ชมเข้ามาพิมพ์ตอบโต้ในโปรแกรมได้แต่ว่าก็มีผู้ใช้งานบางส่วนที่เข้ามาเพื่อปวดหรือโจมตีสตรีมเมอร์ ทำให้สตรีมเมอร์หลายคนรู้สึกไม่ปลอดภัยในเรื่องของการใช้งานและได้มีการร้องเรียนกันไปก่อนหน้านี้แล้ว การปรับเปลี่ยนครั้งนี้คงจะเป็นการเพิ่มความเป็นมิตรให้กับผู้ใช้งานจำนวนมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ซึ่งปัญหาเรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะแก้ก็ไม่มีวันจะหมดไปเพราะผู้คนสามารถสมัครสมาชิกใหม่เพื่อเข้ามาใช้งานได้อยู่เรื่อย ๆ

ภาพ Wallpaperaccess

ข้อมูลจาก The Verge

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ผู้ใช้งาน Apple สามารถตั้งเสียงของ Siri ได้ผู้ใช้งาน Apple สามารถตั้งเสียงของ Siri ได้

ผู้ใช้งาน Apple สามารถตั้งเสียงของ Siri ได้

Apple นั้นมีผลิตภัณฑ์มากมายไม่ว่าจะเป็น iPhone iPod หรือ iPad และอื่น ๆ โดยในเครื่องทุกเครื่องนั้นจะมีตัวช่วยภายในเครื่องที่เรารู้จักกันในชื่อ Siri

โดยตัวของ Siri นั้นจะช่วยให้การทำงานบนผลิตภัณฑ์ของ Apple ทำได้ง่ายมากขึ้นโดยไม่ต้องใช้ปลายนิ้วของเราสัมผัสกับตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการโทรออก การค้นหาข้อมูล การตั้งค่าภายในเครื่อง และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งโดยปกติแล้วเสียงของตัวผู้ช่วยอย่าง Siri นั้นจะเป็นเสียงผู้หญิงและเป็นเสียงที่ตั้งค่าเริ่มต้นของตัวเครื่องทุกเครื่องจากโรงงาน

แต่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นสามารถเลือกเสียงให้กับ Siri ได้แล้ว โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาบริษัท Apple ได้ออกมารายงานว่าโทรศัพท์รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นั้นจะสามารถเลือกเสียงของ Siri ได้ ระหว่างเสียงของผู้ชายและเสียงของผู้หญิง และยังมีสำเนียงให้เลือกถึง 6 สำเนียงเลย แต่ว่าค่าพื้นฐานในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะเป็นเสียงผู้หญิง ส่วนในประเทศอังกฤษนั้นจะเป็นเสียงผู้ชาย นอกจากนี้ทางบริษัท Apple นั้นยังได้เพิ่มเสียงใหม่ให้กับ Siri ถึง 2 เสียงด้วยกัน

โดยการเปลี่ยนแปลงเสียงของ Siri นี้จะนำเข้ามาในระบบปฏิบัติการ iOS 14.5 Beta และยังมีการอัปเดตระบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเทียบระบบสุขภาพแบตเตอรี่รวมไปถึงชุดคำสั่งอื่น ๆ อีกมากมาย โดยตัวระบบ iOS 14.5 นั้นยังอยู่ในขั้นทดลองระบบปฏิบัติการและยังไม่เปิดมาให้ผู้บริโภคได้อัปเดตกัน โดยจะมีการอัปเดตในช่วงหลังของปีนี้อย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดูจะไม่ค่อยน่าตื่นเต้นมาสักเท่าไหร่กับการเปลี่ยนแปลงเสียงของผู้ช่วย Siri เนื่องจากบางคนแทบไม่ได้ใช้ตัวของผู้ช่วยนี้เลย แต่สำหรับบางคนก็ใช้ตัวผู้ช่วยของผลิตภัณฑ์จาก Apple เป็นประจำการที่มีอะไรแปลกใหม่เข้ามาก็คงจะทำให้รู้สึกถึงความแปลกใหม่ที่มีเข้ามาภายในตัวเครื่อง

ในปัจจุบันนี้ระบบผู้ช่วยด้วยเสียงนับว่าเป็นอีกหนึ่งระบบที่ต้องมีอยู่ในเครื่องสมาร์ทโฟนแทบทุกเครื่องเลยก็ว่าได้ แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าเป็นระบบที่ไม่สำคัญมากนักจนบางครั้งไม่ได้ใช้งานมันเลย แต่ในสถานการณ์บางสถานการณ์นั้นมันก็เป็นระบบที่สำคัญมาก ดังนั้นก็ควรที่จะฝึกใช้ระบบผู้ช่วยไว้บ้างนะครับหรืออย่างน้อยศึกษาไว้ก็ดีว่าตัวผู้ช่วยสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่แน่อาจจะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้งานสมาร์ทโฟนของเราก็เป็นได้

ข้อมูลจาก CNN, IPhoneMod

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

อีลอน มัส สั่งพนักงานเร่งแก้ไขทวิตเตอร์ล่ม

อีลอน มัส สั่งพนักงานเร่งแก้ไขทวิตเตอร์ล่ม

ตั้งแต่ในช่วงเวลาตี 4.30 จนถึงช่วงเช้าตามเวลาในประเทศไทยทวิตเตอร์ได้เผชิญกับปัญหาทางเทคนิค ทำให้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้งานทวิตเตอร์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ DMs, การทวิต, การรีทวิตโพสต์, การกดติดตาม รวมไปถึงการเข้าถึงการใช้งานของ TwitterDecks หลังจากเกิดปัญหาอีลอน มัสนายใหญ่ของทวิตเตอร์ ได้ส่งเมลให้พนักงานในบริษัทระงับการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ และให้ช่วยกันเร่งรีบแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร่งด่วน

ภาพ Pixabay

หลังจากแก้ไขงระบบส่วนใหญ่ก็เริ่มกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่ต้นตอของปัญหายังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทวิตเตอร์ได้มีการประกาศว่าจะยุติการใช้งาน API ฟรี แล้วเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบ “Paid Basic Tier” เพื่อเรียกกำไรให้กับบริษัท โดยจะเริ่มใช้งานในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ซึ่งตรงกับวันนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงระบบที่ว่านี้เป็นต้นตอของปัญหาที่ทำให้ทวิตเตอร์ล่มเมื่อเช้า

นอกจากเรื่องของการแก้ไขปัญหาระบบให้กลับมาใช้งานได้ อีลอน มัสยังขอให้พนักงานทำให้ระบบมีความเสถียรให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง Super Bowl ซึ่งเป็นหนึ่งในอีเวนต์กีฬาที่ถูกจับตามองมากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริการวมไปถึงในระดับโลก ซึ่งจะจัดการแข่งขันกันในช่วงสัปดาห์หน้า สำคัญมันยังเป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะกับชาวอเมริกันใช้ทวิตเตอร์ในการติดตามผลของการแข่งขันมากที่สุดเช่นเดียวกัน ดังนั้นถ้าหากทวิตเตอร์เกิดมีปัญหาในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากความไม่พอใจจากผู้ใช้งานแล้ว อาจจะส่งผลต่อการทำธุรกิจได้เลย ตัวอย่างเช่นรายได้ที่ลดลง ราคาหุ้นที่ตกลงเป็นต้น

ภาพ Pixabay

สำหรับการอัปเดตอื่น ๆ ของทวิตเตอร์ ผู้ใช้งาน Twitter Blue จะสามารถทวิตข้อความมากกว่า 4000 ตัวอักษรได้ โดยปกติทวิตเตอร์จะกำหนดให้ใน 1 โพสต์ไม่สามารถเขียนตัวอักษรได้เกิน 280 ตัวซึ่งบางครั้งมันไม่เพียงพอต่อการเขียนบทความหรือการเขียนกำหนดการต่าง ๆ การเพิ่มจำนวนตัวอักษรในครั้งนี้ทำให้ Twitter Blue อาจจะเป็นพื้นที่การสร้างบทความของใครหลาย ๆ คน นอกจากการเพิ่มตัวอักษร ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ให้ผู้ใช้งานได้ใช้การตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนขนาดของตัวอักษรหรือการทำตัวอักษรให้หนาเป็นต้น

ข้อมูลจากMost people can tweet again, but Twitter still has issues

Now Twitter Blue subscribers can write 4,000-character tweets

เวปไซด์ getup-it.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook