Apple กำลังจะเริ่มให้พนักงานกลับมาทำงานในบริษัท

Apple

ในปี 2019 การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 นั้นได้เริ่มแพร่กระจายจากประเทศจีนไปสู่ประเทศอื่น ๆ และเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมาทำให้ในหลายประเทศมีนโยบายล็อกดาวประเทศไม่ให้ผู้คนเดินทางเข้าออก เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของโรค Covid-19 นั่นเอง

แต่ท่ามกลางการล็อกดาวเศรษฐกิจและธุรกิจยังคงต้องดำเนินต่อไป และเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคทำให้ในหลาย ๆ บริษัทนั้นจำเป็นที่จะต้องออกนโยบายให้พนักงานบริษัทนั้นทำงานที่บ้านนั่นเอง ซึ่งก็เป็นนโยบายที่ใช้กับบริษัททั่วโลกไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่ ซึ่งหลายๆ บริษัทก็เริ่มที่จะมีนโยบาย Work from Home ตั้งแต่ช่วงปี 2020 เป็นต้นมา

การระบาดของโรค Covid-19 กินเวลามานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ในตอนนี้ในหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มได้รับวัคซีนป้องกันโรคเข้ามาในประเทศและได้เริ่มทำการฉีดวัคซีนให้กับประชากรในประเทศแล้วทำให้ในหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ผู้คนนั้นสามารถรับประทานอาหารในร้านอาหารได้ การจำกัดจำนวนผู้เข้ารับชมกีฬา และในหลาย ๆ บริษัทก็เริ่มที่จะให้พนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศได้แล้ว เช่นเดียวกับบริษัทของ Apple ที่กำลังจะเริ่มให้พนักงานนั้นกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศ

โดย Tim Cook ผู้ที่เป็น CEO ของบริษัท Apple ได้ส่งอีเมลไปหาพนักงานที่ทำงานในบริษัท Apple ว่าให้เริ่มกลับมาทำงานในออฟฟิศได้แล้วโดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนปีนี้เป็นต้นไปโดยในช่วงแรกนั้นเขาขอให้พนักงานส่วนใหญ่เริ่มทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์ นั่นก็คือวันจันทร์วันอังคารและวันพฤหัสบดี โดยจะทำงานที่บ้านในวันพุธและวันศุกร์ ส่วนทีมที่ต้องทำงานด้วยตนเองจะเข้าบริษัท 4-5 วันต่อสัปดาห์ โดยพนักงานของ Apple นั้นสามารถเลือกทำงานที่บ้านได้ 2 สัปดาห์ต่อปีโดยต้องได้รับการยินยอมจากผู้จัดการ

นอกจากบริษัท Apple ของ Tim Cook แล้ว บริษัท Google เองก็เริ่มให้พนักงานเข้ามาทำงานในออฟฟิศ 3 วันต่อสัปดาห์เช่นกัน ส่วนทางบริษัท Facebook และ Twitter ยังคงให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้านเช่นเดิม  ถึงแม้ว่าประเทศสหรัฐจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากแล้วแต่ก็ยังต้องระมัดระวังตัวไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดอีกครั้งหนึ่งเพราะในการแพร่ระบาดที่ผ่านมาประเทศสหรัฐนั้นมีผู้ล้มป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

#Apple #Timcook #Covid-19 #Facebook #Google #Twitter #ทันโลกit  #getup-it.com

ข้อมูลจาก Cnet

ภาพจาก Pixabay

บทความอื่นๆ